หลังจากพักผ่อนหนึ่งคืนเต็ม ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้ยึดเงินเหล่านั้น จะเป็นหรือตายก็จะไม่มีวันหยิบมันออกมา
ภายใต้ความโกรธหนานกงเย่ไม่ต้องการมันอีกแล้ว บอกจะยอมหิวตายด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นขี้เกียจจะสนใจ เมื่อจึงตื่นขึ้นในตอนเช้าก็ตรงไปหาเด็ก ๆ ทันที
หลังจากกอดจูบพวกเขาทีละคนแล้ว ก็เพิ่งได้รู้เรื่องที่เฟิงอู๋ชิงโดนวางยา
เฟิงอู๋ชิงมาสะสางและฟ้องร้องฉีเฟยอวิ๋นตั้งแต่เช้าตรู่
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าไว้ในอ้อมกอด มีเสี่ยวเฉียวตามอยู่ข้างกาย
นางมองพิจารณาเฟิงอู๋ชิงด้วยความประหลาดใจ : “เจ้าหอ ท่านจะฟ้องร้องเจ้าห้า หรือเสี่ยวเฉียวกันแน่?”
“ทั้งคู่” เฟิงอู๋ชิงในชุดสีแดง แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก ฉีเฟยอวิ๋นอดชื่นชมไม่ได้ ผู้ชายที่เติบโตมาเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ แต่ชุดแดงที่สวมใส่นี่สิ คล้ายกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าหอ ตอนนี้เสี่ยวเฉียวและเจ้าห้าเป็นศิษย์ของท่านแล้ว ไม่ว่าใครจะวางยา หากเจ้าหอสั่งสอน ข้าจะไม่บ่นสักนิด
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังเด็ก ย่อมมีช่วงเวลาไม่เชื่อฟังบ้าง หากไม่สั่งสอนเพิ่ม วันข้างหน้าก็คงไม่ทางเคารพอาจารย์ เช่นนั้นได้หรือ?”
ใบหน้าของเฟิงอู๋ชิงเย็นชา: “อู๋ฮัวจะไม่สนใจเรื่องนี้แล้วหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นแย้มยิ้ม : “เจ้าหอ เจ้าห้ามีแค่ท่านเป็นอาจารย์ผู้เดียว พวกเขาและเสี่ยวกั๋วจิ้วไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนม ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน หากเจ้าหอไม่เชื่อ ก็ถามเสี่ยวกั๋วจิ้วได้”
“ข้าขี้เกียจจะถาม ในเมื่ออู๋ฮัวบอกว่าจะยกพวกเขาให้แก่ข้าแล้ว เช่นนั้นข้าจะจัดการเอง”
เฟิงอู๋ชิงอุ้มเจ้าห้าเดินไป แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาเรียกเจ้าห้า : “เสี่ยวเฉียว ไปกันเถอะ”
เสี่ยวเฉียวเงยหน้ามองฉีเฟยอวิ๋นแวบหนึ่ง จากนั้นตามไปหาเฟิงอู๋ชิง
อวิ๋นจิ่นเดินมากล่าวว่า : “นายท่านวางใจแล้วหรือไม่?”
“วางใจสิ เขาเป็นอาจารย์ อาจารย์ไม่มีทางทำร้ายลูกศิษย์ ยิ่งไปกว่านั้นเขาที่ดูใจดีเช่นนั้น คงไม่ทำเรื่องอะไรที่โหดร้ายเช่นนั้นหรอก”
เฟิงอู๋ชิงเป็นคนเฉลียวฉลาดแต่ไหนแต่ไร ได้ยินฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ก็โกรธเคืองจนปากกระตุกสั่นเลยทีเดียว
จากนั้นก็หมุนตัวคิดจะไปเล่นงานฉีเฟยอวิ๋น แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับเข้าห้องไปแล้ว
ช่วยไม่ได้ ก็คงทำได้แค่หมุนตัวกลับเข้าห้องไป
เมื่อเฟิงอู๋ชิงเข้าห้องไปก็เรียกเสี่ยวเฉียวมาฝึกวิทยายุทธ์การต่อสู้ คิดอยากฝึกเสี่ยวเฉียวอย่างหนักหน่วง
“ท่านอาจารย์ เมื่อวานข้าทำหมอนใบหนึ่ง จึงนำมาให้ท่าน”
ดูเหมือนเสี่ยวเฉียวจะไม่ได้ยินว่าเฟิงอู๋ชิงกล่าวอะไร หมุนตัวและเดินเข้าไปในหลังฉากกั้นทันที
ฉากกั้นนั้นงดงามประณีตมาก ด้านบนเป็นรูปนกยูงสีน้ำเงินแหงนหน้ามองดอกโบตั๋น ดอกโบตั๋นถูกปักด้วยดิ้นทองอย่างงดงาม หากไม่สังเกตให้ดี คงคิดว่าเป็นความจริงแน่
ยามสายลมพัดผ่าน ดอกโบตั๋นได้พลิ้วไหวไปตามสายลมเสมือนจริงเลยทีเดียว
เสี่ยวเฉียวชอบฉากกั้นนี้มาก นางบอกเฟิงอู๋ชิงว่านางมักจะอาศัยอยู่ในห้องนี้เป็นครั้งคราว ปรนนิบัติรับใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของเฟิงอู๋ชิง
สายตาที่เฟิงอู๋ชิงมองเสี่ยวเฉียวในตอนนั้นล้วนเต็มไปด้วยความดูถูก
เด็กหญิงที่มากเรื่องผู้หนึ่ง จะปรนนิบัติรับใช้เขาได้?
แต่เมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวเฉียวแล้ว เฟิงอู๋ชิงที่เดิมทีอยากปฏิเสธพอถึงคราวพูดกลับกลายเป็นตอบรับเสียอย่างนั้น
แต่เมื่อเขาตอบรับไปแล้วก็ต้องทำมันให้ดี ทุกสิ่งในห้องของเขาจะต้องงดงามไม่เป็นสองรองใคร
ในอดีตเขายากจนข้นแค้น แต่ตอนนี้เขามีเงินที่มากจนใช้อย่างไรก็ไม่หมด
อีกอย่างในบรรดาสมบัติของเขาก็ยังมีฉากกั้นอีกหลายชิ้น เขาให้อู๋ซังย้ายเข้ามาหนึ่งชิ้น ใครจะรู้ว่าอู๋ซังจะโง่เขลาเสียได้ ย้ายฉากกั้นลายนกยูงชมดอกโบตั๋นที่โปรดปรานมากที่สุดเข้ามา
เฟิงอู๋ชิงที่ปวดใจมากเกือบจะฆ่าอู๋ซังให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้ว
เมื่อเสี่ยวเฉียวเห็นฉากกั้น ย่อมชอบมากเป็นธรรมดา
รีบออกคำสั่งให้ขนย้ายของใช้บางส่วนของนางเข้ามาในห้องของเฟิงอู๋ชิง สร้างที่อยู่อาศัยเล็กๆ ของนางหลังฉากกั้น
เฟิงอู๋ชิงแสดงสีหน้าหดหู่ใจครู่หนึ่ง อยากจะอ้าปากขับไล่ แต่ก็จนปัญญาเพราะเขาคืออาจารย์ เหตุใดการเป็นอาจารย์ถึงต้องขับไล่ผู้อื่นเพียงเพราะลูกศิษย์ชอบฉากกั้นด้วย
ดังนั้นเขาจึงทำตามความต้องการของเสี่ยวเฉียว
เสี่ยวเฉียวอาศัยอยู่ภายใน เฟิงอู๋ชิงต้องตระเตรียมงานอื่น ๆ การเปลี่ยนเสื้อผ้าในที่พักคงไม่ค่อยสะดวกนัก
โชคดีที่มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเฉพาะ
ตอนนี้เสี่ยวเฉียวเข้าไปหยิบหมอนใบหนึ่ง แล้วยื่นให้เฟิงอู๋ชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ