คนที่อยู่ข้างหน้าไม่พูดอะไร และม้าก็เดินได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นแนบอิงไปในอ้อมกอดของเขา จากนั้นจึงกลับไปพร้อมกัน
ระหว่างทาง หนานกงเย่ได้สั่งให้คนไปที่ปีกทางด้านใต้ในทันที และแจ้งให้คนที่ปีกทางด้านใต้รวบรวมเรื่องราวที่เกี่ยวกับขององค์ชายสามทั้งหมดและส่งกลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นเมื่อเดินทางมาถึงจวนท่านอ๋องเย่ เมื่อลงจากรถม้าหนานกงเย่จึงอุ้ม
เมื่อกลับมาถึงเรือนสวนดอกกล้วยไม้ก็เป็นเวลาดึกแล้ว หวาชิงรออยู่ในเรือนนานแล้ว เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นแต่งตัวแปลกประหลาดและถูกอุ้มกลับมาก็อยากจะเข้าไปด้วย
เมื่อเข้าประตูไป หนานกงเย่ก็อุ้มฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปด้วยสีหน้าไม่พอใจนักและไม่พูดอะไร
"ท่านแม่ทัพน้อยมาเป็นแขกในจวนของข้านั้น ข้าก็ไม่ได้มีข้อขัดแย้งใดๆ ถึงอย่างไรเรื่องนี้พระชายาก็เป็นคนตอบตกลง แต่หากท่านอม่ทัพน้อยต้องการเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องระหว่างสามีภรรยาของข้าละก็ ข้าทำได้เพียงไปขอร้องฝ่าบาท เพื่อเชิญท่านแม่ทัพน้อยออกไปจากจวน"
หนานกงเย่มีสีหน้าที่หนักแน่น เท้าของหวาชิงหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตู และเหลือบมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงถามขึ้นมาว่า "นางเป็นอย่างไรบ้าง?"
หนานกงเย่ทำสีหน้าเคร่งขรึม เรื่องของซูมู่หรงก็ทำให้เขาปวดหัวมากพอแล้ว ตอนนี้กลับมีเรื่องของหวาชิงเพิ่มเข้ามา
"นางปกติดี ท่านแม่ทัพน้อยกลับไปเสียเถอะ อาอวี่ ส่งแขก!"
หนานกงเย่หันกลับไปและพาฉีเฟยอวิ๋นไปที่สระน้ำกำมะถัน และเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นถูกวางลงไปสระน้ำกำมะถัน เธอจึงเริ่มปลดเสื้อผ้าออก
เมื่อลงมาในน้ำ ฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งพิงลงบนก้อนหินขนาดใหญ่
ไม่นานหนานกงเย่ก็ทำเช่นเดียวกับเธอ เริ่มปลดเสื้อผ้า
เมื่อลงน้ำไปก็เริ่มเดินไปหาฉีเฟยอวิ๋น
"ข้าไม่ดีตรงไหนหรือ? บอกให้ข้าเข้าใจได้หรือไม่?" หนานกงเย่มีสีหน้าจริงจัง เดิมทีต้องการจะสั่งสอนฉีเฟยอวิ๋นเสียหน่อย แต่เมื่อปลดเสื้อผ้าออก เขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้น!
ราวกับครอบครัวมีภรรยาที่ดุร้าย และสามีก็เกรงกลัว!
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้นมา "ท่านอ๋องช่างพูดจาตลก ท่านอ๋องเป็นคนพูดเองว่าจะให้เงินตำลึงกับหม่อมฉันไม่ใช่หรือ?"
"ข้าพูดว่าจะให้ แต่ไม่ได้บอกว่าให้เจ้าเอาไป แต่ตอนนี้กลับเอาไปหมดแล้ว เช่นนั้นกองกำลังทหารของข้าที่เขตชายแดน ประชาชนในเมืองต้าเหลียงก็ไม่มีความหวังแล้วสิ?
ดินแดนในเมืองต้าเหลียงนั้นไม่ได้อุดมสมบูรณ์นัก แต่จำนวนประชากรกลับมีเป็นจำนวนมาก หากไม่มีเงินตำลึง เช่นนั้นการใช้ชีวิตอยู่ก็จะลำบากอย่างมาก
ข้าอุตส่าห์ได้พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มาหนึ่งอย่างไม่ง่ายดาย และคาดหวังว่าจะคลายปัญหาความยากลำบากของเมืองต้าเหลียงได้บ้าง แต่อวิ๋นอวิ๋นกลับทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้ข้าทำงานยากยิ่งขึ้น?"
ฉีเฟยอวิ๋นไม่พอใจ "หม่อมฉันไม่เข้าใจเลย ท่านอ๋องมีความสามารถในการปกครองเมือง แต่กลับคิดเรื่องที่ไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้
หากเป็นดังที่ท่านอ๋องพูดมา เช่นนั้นก็นำเงินตำลึงมอบให้กับประชาชนในเมืองต้าเหลียงไปเลย ให้ประชาชนได้รับเงินตำลึงที่ได้มาเปล่าๆ ไปเลยดีหรือไม่เพคะ?
พวกเขาคิดเพียงแค่ จักรพรรดิของเมืองต้าเหลียงมีความเมตตา รักประชาชนเหมือนลูกหลาน และมีเงินทองให้พวกเขาใช้
แต่ไม่เสมอไปที่พวกเขาจะแสดงพลังความโกรธ
ท่านอ๋องก็รู้ดี สาเหตุที่อำนาจแห่งเมืองของต้าเหลียงตอนนี้ด้อยลงก็เพราะว่าชาวเมืองต้าเหลียงพอใจกับสถานการณ์อาหารและเครื่องนุ่งห่มในปัจจุบัน
ประชาชนต่างไม่ชอบการทำสงคราม เพราะคิดว่าการทำสงครามเป็นเรื่องลำบากและสูญเสียเงินทอง ขุนนางในราชสำนัก ข้าราชการก็ยังดี แต่พลเรือนมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมออกไปสู้รบ
เพียงแค่กรมการคลังกรมเดียวก็สามารถรวบรวมเงินตำลึงได้เยอะเช่นนั้น จะต้องไม่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
ทั้งหมดนี้ล้วนมีเหตุผลเพราะข้าราชการมีความโลภในเงินตำลึง ประชาชนเมื่อมีความสงบสุข พวกเขาก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดแล้ว
เรื่องอื่นในสายตาของประชาชนนั้น ขอเพียงแค่ใช้ชีวิตอยู่ในแต่ละวันก็ได้แล้ว
แต่ท่านอ๋องน่าจะเข้าใจ ส่วนของการเรียกเก็บภาษีนั้น ประชาชนยิ่งเริ่มแคลงใจมากขึ้น
เด็กๆ ไม่ไปร่ำเรียน อยู่แต่ในบ้านและในท้องทุ่ง เวลามีเรื่องออกรบประชาชนก็ไม่มีความสนใจจะเข้าร่วม บางคนก็กลัวการสู้รบ จนถึงกับนำลูกชายไปแอบ
เหล่านี้เป็นปัญหาพื้นฐานที่มีอยู่ในเมืองต้าเหลียง
จักรพรรดิไม่ได้เป็นกษัตริย์ที่โง่เขลา แต่เป็นจักรพรรดิธรรมดาคนหนึ่ง
เขาไม่สนใจอะไรเลย และไม่ลงมือทำอะไรเลย
ท่านอ๋องตวนยังเก่งและสำคัญกว่าเขา อย่างน้อยท่านอ๋องตวนยังสามารถทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูประชาชนในเมืองต้าเหลียง และทำเงินให้กับท้องพระคลัง
แต่เขาก็ทำเพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ