ราชครูจวินนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วมองไปยังผู้ที่ถูกนำตัวกลับมาที่อยู่บนพื้น เขาเพียงแค่มองอย่างเฉยเมย
ผู้ที่ไปรับกลับมาบอกว่าผู้ที่อยู่บนพื้นได้รับการรักษาแล้ว และจะดีขึ้น
ราชครูจวินเหลือบมองผู้ที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เขา และหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา เปิดฝาถ้วยแล้วเป่าน้ำชา จากนั้นก็ถามว่า:“ใครใช้ให้เจ้าทำ?”
ผู้ที่อยู่บนพื้นตัวสั่น และร้องไห้โฮ:“ท่านราชครู ผู้น้อยก็ไม่รู้ขอรับ”
“เจ้าไม่รู้แล้วใครจะรู้?เจ้าเป็นผู้ดูแลม้าในจวนมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าได้เงินห้าตำลึงทุกเดือน ข้าจำผิดไปหรือไม่?” ราชครูจวินวางถ้วยน้ำชาลง และมองคนขับรถม้าที่อยู่บนพื้น
คนในจวนตระกูลจวิน มีคนสองประเภทที่ได้เงินมาก ประเภทแรกคือคนขับรถม้า คนขับรถม้าของจวนตระกูลจวิน แตกต่างไปจากจวนอื่น ๆ คนขับรถม้าสามารถขับรถม้าได้ และให้อาหารม้าได้ด้วย
ประการแรกคือเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหามากมาย จึงเพิ่มเงินให้คนขับรถม้า ประการที่สองคือคนขับรถม้าสามารถขับรถม้าได้และรู้ว่าม้าต้องการอะไร
หากม้าป่วย คนขับรถม้าต้องรู้ก่อน
คนหนึ่งทำงานเท่ากับสองคน แน่นอนว่าต้องให้เงินสองเท่า
ส่วนอีกงานเป็นงานที่เป็นแม่นมของจวนตระกูลจวิน แม่นมต้องทิ้งลูกของตนเองมาเลี้ยงเด็กในตระกูลจวิน ในเมื่อทั้งลำบากกายทั้งลำบากใจ จึงต้องให้เงินมากพอสมควร
ราชครูจวินกำหนดกฎระเบียบเรื่องนี้ด้วยตนเอง จะไม่รู้ได้อย่างไร
ผู้ที่อยู่บนพื้นหน้าซีด:“ท่านราชครู แต่ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร”
ราชครูจวินเหลือบมองภรรยาและลูกของคนผู้นั้น มีทั้งหมดหกเจ็ดคน
“หากเจ้าไม่รู้ เช่นนั้นก็จะส่งลูก ๆ ของเจ้าออกไปเป็นอาหารสุนัขข้างนอก” ราชครูจวินเลิกคิ้วเหมือนไม้กวาด เดิมทีเขาก็ดูดุร้ายอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้หน้าตาเคร่งขรึม และดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
คนใช้สองสามคนเข้ามาและลากเด็กออกไปสองสามคน ผู้ที่อยู่บนพื้นคลานขึ้นมาร้องไห้
ราชครูจวินเตะผู้ที่เดินขึ้นมา:“เจ้าไม่พูดก็เท่ากับไม่สนใจลูก ๆ ของเจ้า หากพวกเขาถูกสุนัขกินเข้าไป มันก็เป็นเพราะเจ้าเป็นพ่อที่ฆ่า ต่อให้เป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป”
ขาของคนขับรถม้าเพิ่งได้รับการผ่าตัดและยังรู้สึกชาอยู่ เขาร้องไห้อยู่บนพื้นด้วยน้ำตานองหน้า
และทั้งครอบครัวก็ร้องไห้อย่างน่าเวทนา
แม่ชราของเขาคุกเข่าลงตรงหน้าเขา และทุบตีเขาอย่างแรง:“เจ้าพูดสิ เจ้ารีบพูด เจ้าจะฆ่าหลานของข้าหรือ?”
ราชครูจวินมองไปที่หญิงชราและกล่าวต่อว่า:“หากเจ้าไม่พูดก็จะเฆี่ยนตีภรรยาของเจ้าจนตาย”
หลังจากนั้นก็มีคนมาลากภรรยาของเขาไปเฆี่ยนตี
ในลานบ้านมีเสียงร้องไห้ระงม หนานกงเย่เดินไปที่ประตู แต่ไม่ได้เข้าไป และหยุดดูต่อไป
คนผู้นั้นแม้ตายก็ไม่ยอมบอก ราชครูจวินเหลือบมองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาลากคนที่อยู่บนพื้นไปด้านข้าง และนำมีดออกมา จากนั้นก็บอกให้คนดึงขาของคนผู้นั้น แล้วเขาก็จะฟันดาบลงไป
คนผู้นั้นตกใจมากจนเหงื่อพลั่กและตะโกน
“ข้าพูด ข้าพูด……”
ราชครูจวินเหลือบมองไปที่ชายที่ถือมีด ชายที่ถือมีดเดินไปด้านข้าง และรอให้คนผู้นั้นพูด
คนผู้นั้นร้องไห้และบอกว่าเขาเสียพนันไปมาก และยังเป็นหนี้ก้อนโต คนจากบ่อนมาหาเขา หากไม่คืนเงินก็จะมาเอาเงินที่จวนราชครู เขาจนปัญญาและบอกว่าอีกสองวันจะนำไปให้
ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นเรื่องนี้ จากนั้นก็บอกเขาว่าสามารถให้เงินกับเขาได้ และจะให้เงินเขาหนึ่งพันตำลึง เพื่อที่จะให้เขาช่วยอะไรบางอย่าง
ในตอนแรกเขาลังเล และถามว่าเรื่องอะไร เขาไม่ตกลง การสังหารพระชายาเย่เป็นเรื่องที่ต้องถูกตัดหัว แต่อีกฝ่ายบอกว่าหากเขาไม่ทำก็จะนำเรื่องที่เขาติดการพนันไปบอกคนของจนราชครู
คนขับรถม้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตาย ดังนั้นเขาจึงรับเงินหนึ่งพันตำลึง
คนผู้นั้นบอกว่าจะแจ้งเขา แต่หลายวันแล้วก็ไม่ได้มา เขาจึงคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ใครจะรู้ว่าเช้านี้จะมาหาเขา เพื่อที่จะไม่ให้ใครรู้ เขาจึงขับรถม้าออกไปและเกิดเรื่องขึ้น
ราชครูจวินเหลือบมองคนที่อยู่ข้าง ๆ คนผู้นั้นหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่น และให้คนขับรถม้าลงนาม จากนั้นราชครูจวินก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า:“เฆี่ยนให้ตาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ