ก่อนที่จักรพรรดิปีกใต้จะทรงเสด็จจากไปได้เสด็จไปยังด้านนอกเรือนของฉีเฟยอวิ๋นซึ่งพระองค์ก็เพียงทรงผ่านมา
จักรพรรดิปีกใต้ทรงต้องการพบฉีเฟยอวิ๋นแต่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่านางไม่สะดวกพบเจอคนโดยที่ตนนั้นเป็นหวัด
จักรพรรดิปีกใต้ไม่ทรงเชื่อนางไม่เพียงแต่ไม่ทรงเป็นห่วง กลับทรงตรัสอยู่ด้านนอกว่าเหตุใดถึงไม่ป่วยตายแล้วก็ทรงเสด็จจากไป
จักรพรรดิปีกใต้ทรงจากไปแล้วจักรพรรดิเหยี่ยนตี้ก็ทรงเสด็จออกไปส่งด้วย ทรงต้องการพบฉีเฟยอวิ๋นแต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ปฏิเสธเช่นกัน
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ทรงสงสัย: "พวกเขาสามีภรรยาทะเลาะกันและเลิกรากันใช่หรือไม่ เหตุใดถึงได้ทะเลาะกันรุนแรงเช่นนี้?"
“ฝ่าบาทก็ทรงคิดเรื่อยเปื่อยจะเลิกรากันได้เช่นไรเพคะ พวกเขาเลิกรากันพวกเราจะต้องรู้เป็นแน่ ในเมื่อไม่พบหน้าก็ช่างเถอะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ฝ่าบาทก็ไม่ต้องทรงกังวลก็พอแล้วเพคะ” ในเวลานี้อวิ๋นหลัวฉวนท้องโตและน้อยนักที่จะได้ออกจากวัง หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิปีกใต้จะเสด็จจากไปซึ่งสองสามครั้งก่อนหน้านี้พระนางได้พบกับจักรพรรดิปีกใต้ที่จวนอ๋องเย่ รู้ว่าพระองค์กำลังจะเสด็จจากไปแต่พวกเขายังไม่ออกจากวังมาส่งก็คงจะฟังไม่ขึ้น
ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่พบเจอพวกเขาอวิ๋นหลัวฉวนกลับรู้สึกว่ามีเรื่องอันใด
ไม่รบกวนเป็นพอ
เมืองหลวงเสถียรภาพแล้วทั่วทุกสารทิศก็ดูสงบสุขเช่นเดียวกัน
คืนนี้หนานกงเย่มายังเรือนทางนี้แล้วยังอุ้มเด็กๆทั้งหลายมาด้วย เด็กๆทั้งหลายคิดถึงท่านแม่กันแล้วและก็ไม่รู้ว่าเหตุใดท่านแม่ของพวกเขาถึงไม่กลับเรือนเลย
ลงจากรถม้าแล้วเด็กๆทั้งหลายก็วิ่งไปยังลานเรือนและรู้ว่าท่านแม่นั้นอยู่ด้านใน แต่ละคนนั้นวิ่งเข้าไปราวกับเกี๊ยวเนื้ออันอ้วนพีทั้งนั้น
คนตรงหน้าประตูต้องการขวางเอาไว้แต่ฉีเฟยอวิ๋นบอกให้พวกเขาไม่ต้องสนใจ เด็กๆทั้งหลายก็เข้าไปอย่างมีความสุขและกระโจนเข้าไปหาอยู่ในอ้อมอกของฉีเฟยอวิ๋น
"ท่านแม่!"
ฉีเฟยอวิ๋นยังอุ้มอยู่คนหนึ่ง ย่อเข่านั่งดูพวกเขาโดยที่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยซึ่งในท้องยังมีอยู่อีกคน
ฉีเฟยอวิ๋นทำได้เพียงแค่พาพวกเขาเข้าไปในห้องซึ่งได้เตรียมเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว ที่นี่มีที่นอนปูอยู่ซึ่งเด็กๆทั้งหลายนอนกันได้พอดี
เข้ามาในห้องแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็วางจื่อฮว่าลงแล้วก็พุดคุยหัวเราะครื้นเครงกับลูกชายทั้งหลายขึ้นมา
หนานกงเย่เข้าประตูไปอย่างหดหู่ใจพร้อมใบหน้าอันหม่นหมอง แต่ขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาหัวใจของเขาก็เต้นตึกตักแล้วไม่กล้าทำหน้าตาเย็นชาเสียแล้ว จึงได้นั่งลงอย่างเชื่อฟังและมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นด้วยท่าทางอันสง่า
ฉีเฟยอวิ๋นมองยังหนานกงเย่ซึ่งสวมชุดคลุมสีม่วงทั้งตัวในวันนี้โดยที่ดูดียิ่งกว่าเวลาใดที่เคยเห็น และเขานั้นนั่งอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางอันซื่อนัก
ฉีเฟยอวิ๋นพูดคุยกับเด็กๆอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามเขาว่า: "ท่านอ๋องจัดการธุระเรียบร้อยแล้วหรือ?"
“อืม” หนานกงเย่คิดไปคิดมาในใจ
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า "วันนี้ไม่มีธุระแล้วหรือ?"
"อืม"
จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกแล้วรอจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น เด็กๆทั้งหลายมาล้อมกันรอบโต๊ะและเริ่มทานอาหารกัน
แต่ละคนนั้นทานเก่งนักโดยมีเจ้าห้าที่ช่างเลือกในการทานอาหาร ฉีเฟยอวิ๋นรอให้เด็กๆนอนหลับกันแล้วจึงได้ไปดูหนานกงเย่ที่ลานเรือน หนานกงเย่ให้คนกลับไปพักผ่อนหนึ่งวัน ซึ่งขณะที่เขาอยู่ในเรือนจะไม่ให้คนอยู่
คนเหล่านั้นไม่ฟังเขา ทั้งหมดฟังฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าจึงได้จากไปกัน
หนานกงเย่กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า: "ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีประโยชน์อันใดเสียแล้ว"
“นอนเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว!” ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อธิบายแล้วก็หันหลังจากไป
หนานกงเย่หันหลังเดินตามไป เข้าประตูไปแล้วปิดประตูจากนั้นก็กอดฉีเฟยอวิ๋นแล้วขอกันตรงหน้าประตู
ไฟในห้องได้ดับลงแล้วซึ่งทั้งสองคนนั้นหายใจเหนื่อยหอบและลดเสียงเบา
“ข้าต้องการจริงๆ!” น้อยนักที่หนานกงเย่จะกล่าวคำพูดเช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นกอดคอของหนานกงเย่แล้วเป็นผู้เริ่มจูบ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นอยู่ท่ามกลางตรงริมฝีปาก
หนานกงเย่อุ้มคนขึ้นแล้วเดินไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ