พญาหมาป่าเงยหน้าส่งเสียงคำรามขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองและโศกเศร้า ฉีเฟยอวิ๋นใจสั่นจากนั้นก้มลงกอดพญาหมาป่าแล้วลูบหน้าของมัน: "วางใจเถอะ ข้ามาก็เพื่อช่วยเหลือเจ้าจะไม่เป็นไรแน่นอน"
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่: "ท่านอ๋อง นางพญาของมันถูกคนผู้หนึ่งจับตัวไปแล้ว"
“ใจกล้าไม่น้อยแม้แต่นางพญาก็กล้าจับ ผู้ใดกัน?” หนานกงเย่ดูไม่พอใจ
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปโดยรอบ: “ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงก็ไม่ใกล้เท่าไหร่น่าจะไม่เคยเกิดเรื่องหมาป่าลงจากเขาไปทำร้ายผู้คน อาหารที่นี่ก็เพียงพอและมากพอสำหรับพวกหมาป่า หากว่าพวกมันไม่ได้ลงจากเขาแล้วผู้ใดจับตัวพวกมันกัน?"
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปหาลูกธนูดอกนั้นก่อนแล้วนำมันมา: "นี่ไม่ใช่สิ่งของที่ไม่ดี ฝีมือและวัสดุนั้นดีนักไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้"
หนานกงเย่หยิบขึ้นมาดูโดยละเอียดแล้วกล่าวว่า:"น่าจะเป็นฝีมือจากเมืองหลวงและขุนนางนำออกมา"
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” จู่ๆฉีเฟยอวิ๋นก็นึกขึ้นมาได้ในทันที
“ถามพญาหมาป่าดูว่ารู้ว่าเมียของเขาไปที่ใดกัน พวกเราไปหากันเถอะ” หนานกงเย่ท่าทางหยิ่งทะนง
ฉีเฟยอวิ๋นเผยอมุมปากขึ้น: "อืม"
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังไปมองพญาหมาป่า: "รู้หรือไม่ว่าอยู่ที่ใด?"
พญาหมาป่าร้องคำรามด้วยความโศกเศร้าพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว: "ถูกจับตัวไปเมื่อวาน ขณะนั้นพญาหมาป่ากำลังเฝ้าดูฝูงหมาป่าของมัน ในฝูงหมาป่าได้จับไก่ป่าตัวหนึ่งไปกินจากนั้นก็ล้มลงบนพื้นอันกว้าง ตอนนั้นมันกำลังสังเกตสิ่งเหล่านี้ไม่ทันได้สนใจก็ถูกจับตัวไปแล้ว หมาป่าตัวอื่นบอกว่าถูกเชือกลากตัวไป”
ฉีเฟยอวิ๋นบอกกับหนานกงเย่จากนั้นหนานกงเย่ก็ส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชา: "หากข้าจับตัวพวกเขาได้จะตัดหัวให้หมด"
ฉีเฟยอวิ๋นส่งเสียงอืมแล้วก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย จากนั้นดึงหนานกงเย่แล้วฉีเฟยอวิ๋นก็พิงลง: "ท่านอ๋องข้านอนครู่หนึ่ง"
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอยู่ก็พิงอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงเย่อย่างสะลึมสะลือ ส่วนหนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้แล้วนางก็หลับไปในอ้อมแขนของหนานกงเย่
เบื้องหน้าคือฉากของฝูงหมาป่าซึ่งกรีดร้อง พญาหมาป่าเพิ่งกลับมาเมื่อเห็นฉากนี้เข้าก็พุ่งทะยานออกไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งในขณะนั้นมีคนใช้บ่วงคล้องคอนางพญาหมาป่าและแล้วลากลงเขาไป ฝูงหมาป่าไล่ตามไปก็ถูกคนขับไล่ด้วยดาบสุดท้ายคนจึงได้วิ่งหนีไป
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้น: "ท่านอ๋อง พวกเขาลงเขาไปแล้วและอยู่ทางทิศใต้ซึ่งเป็นทางไปเมืองหลวง"
“อืม พญาหมาป่า เจ้ามากับข้า”
พญาหมาป่าหันหลังกลับไปมองฝูงหมาป่าที่อยู่ด้านหลังและยังคงเป็นกังวลอยู่บ้าง
“วางใจเถอะ เขาตับตัวนางพญาของเจ้าไปก็จะไม่กลับมาเร็วเช่นนี้ พวกเราไปตามหากัน” หนานกงเย่ประคองฉีเฟยอวิ๋นลงเขาและพญาหมาป่าก็เดินตามลงเขาไปด้วย
ถึงเชิงเขาฉีเฟยอวิ๋นให้พญาหมาป่าขึ้นรถม้าแล้วจากไปด้วยกัน
ยังไม่ถึงเมืองหลวงฉีเฟยอวิ๋นก็บอกหนานกงเย่ว่าอยู่ใกล้ๆ
ทั้งสองคนลงจากรถ ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นผู้ใด ส่วนหนานกงเย่กลับพบทิศทางซึ่งมีหมู่บ้านหนึ่งอยู่ไม่ไกลแล้วพวกเขาก็ไปที่นั่น
อาศัยท้องฟ้าที่มืดมิดฉีเฟยอวิ๋นนั้นตามเข้าไป
ในหมู่บ้านมีเสียงหมาป่าหอนอยู่ พญาหมาป่าก็รู้ทันทีว่าเป็นนางพญาของมันจึงรีบไปหาทันทีแต่ถูกฉีเฟยอวิ๋นเรียกไว้: "เจ้าตามข้ามา ท่านอ๋องท่านไปก่อน"
หนานกงเย่พยักหน้าแล้วเดินจากไปก่อน ฉีเฟยอวิ๋นกับพญาหมาป่าเดินไปยังเรือนหลังที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน หลังจากยืนยันสถานที่แล้วประตูใหญ่ก็เปิดออกและมีคนกลุ่มหนึ่งคุกเข่าอยู่ในลาน มีชายกลางคนวัยอายุประมาณสี่สิบยังคงนอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดอยู่เต็มร่างกาย หมาป่าบนพื้นยืนอยู่ตรงหน้าหนานกงเย่ด้วยท่าทีดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และในลานเรือนก็มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่สิบกว่าคน ลานนั้นกว้างขวางซึ่งคนก็มากพอสมควร
หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาแล้วก็เดินไปโดยรอบลานรอบหนึ่ง ในที่สุดก็มองไปทางหมาป่าสองตัวซึ่งวิ่งประสานคอเอาไว้ด้วยกัน
จู่ๆพญาหมาป่าก็ดุร้ายแล้วมองไปทางผู้คนฝั่งหนึ่ง ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องซึ่งชายชราหน้าตาเหี่ยวย่นทั้งหน้าทว่ากลับมองหนานกงเย่ด้วยแววตาบีบบังคับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ