สิบวันให้หลังหนานกงเย่โจมตีเมืองสองเมืองของปีกใต้เอาไว้ ทุกที่ที่ผ่านเลือดนั้นราวกับสายน้ำไหลซึ่งแตกต่างจากตอนที่โจมตีเมืองอู๋โยวอย่างสิ้นเชิง หนานกงเย่ตีเมืองในครั้งนี้ที่ยอมจำนนนั้นเก็บเอาไว้ ผู้ใดไม่ยอมจำนนไม่ว่าชายหญิงเด็กคนชราไม่เก็บไว้แม้แต่คนเดียว
ไม่มีการจับกุมทหารจัดการตรงนั้นทั้งหมด
สิบวันต่อมาเมืองปีกใต้ท่วมนองไปด้วยเลือด
เดิมทีกองทัพห้าแสนนายของแคว้นเฟิ่งได้รวมกำลังพลแล้วเมื่อได้ยินข่าวแล้วก็ตกใจกลัวกันจนไม่กล้ากระทำการหุนหันพลันแล่น
และแคว้นเฟิ่งก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าพวกเขาไม่รบหนานกงเย่ก็ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาเลยซักโอกาส สิบวันต่อมาปืนใหญ่สิบกระบอกถึงยังเมืองจากนั้นยิงโดยตรงโดยไม่มีการกล่าวทัก ภายในหนึ่งวันได้ยึดเมืองสองแห่งเอาไว้ หากไม่ใช่ว่าทัพหน้าเหน็ดเหนื่อยแล้ว แคว้นเฟิ่งในเวลานี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนตายมากเท่าใด
เอ๋าชิงนั่งอยู่ในท้องพระโรงและเฝ้าสังเกตเหล่าขุนนางเบื้องล่างที่คิดกระทำสงครามเองซึ่งในเวลานี้ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเลยแม้แต่คำเดียว
เสนาบดีเอ๋าท่านคิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี พวกเรายังไม่ได้เปิดศึกเมืองต้าเหลียงก็เข้ายึดเมืองสองเมืองของเราแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นเป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเฟิ่งเราทรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เสนาบดีเบื้องล่างกล่าวอย่างระมัดระวัง ส่วนเอ๋าชิงมองไป: "ผู้ที่ต้องการรบก็คือพวกท่านแต่สู้ไม่ไหวก็มาถามข้า ก่อนหน้านี้พวกท่านทระนงนักไม่ใช่หรือบอกว่าจะทำลายเมืองต้าเหลียงให้สิ้นซากกันอย่างไรแล้วชิงตัวองค์รัชทายาทกลับมา เดิมทีพวกท่านก็ต้องการจะทำลายเมืองต้าเหลียงให้สิ้นซากแล้วตอนนี้ก็มากล่าวคำพูดเช่นนี้ หากมิใช่ว่าพวกท่านไม่ได้มีเจตนาดีตั้งแต่แรกพวกเขาเมืองต้าเหลียงจะกระทำเช่นนี้หรือ?"
ทุกคนเงียบโดยสีหน้านั้นช่างดูย่ำแย่ยิ่งนัก
เอ๋าชิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า: "องค์รัชทายาทเป็นองค์รัชทายาทของพวกท่านแล้วพระนางมิใช่องค์รัชทายาทของหนานกงเย่หรือ? ขณะที่หนานกงเย่อยู่ในแคว้นเฟิ่งพวกท่านไม่สามารถทำอันใดกับเขาได้ ปล่อยเสือกลับขุนเขาก็ราวกับติดปีกให้เสือ พวกท่านคิดจริงๆหรือว่าแคว้นเฟิ่งเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา?
พวกเขาเมืองต้าเหลียงก่อตั้งมานับเป็นร้อยๆปีโดยบุรุษนั้นอยู่หนือกว่าสตรีตลอดมาแล้วยิ่งความเกลียดชังต่อการชิงตัวภรรยาไม่สามารถอยู่ร่วมใต้หล้าได้ พวกท่านปีกใต้ต้องการพรากภรรยาของเขาไปเขาจะปล่อยให้พวกท้านรังแกได้หรือ?
ตอนนี้เป็นปีกใต้ที่ขวางกั้นการโจมตีของเขา หากมิใช่อย่าว่าแต่กองทัพห้าแสนนายถึงจะเป็นหนึ่งล้าน เขาบุกโจมตีเข้ามาก็เป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น"
"ห๊ะ?"
ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างตื่นตระหนกกันขึ้นมาเนื่องจากเกรงกลัวปืนใหญ่ของหนานกงเย่แม้กระทั่งไม่รู้ว่ามนั่นคือสิ่งใด
เอ๋าชิงกล่าวว่า: "ข้าก็ไม่มีวิธี พวกท่านจัดการกันเองเถอะ รอให้แคว้นเฟิ่งถูกทำลายจนสิ้นซากอย่างมากข้าก็ขออภัยโทษต่อฝ่าบาทก็พอ"
“นี่……”
ทุกๆคนมีใจสันติชอบธรรม แต่แคว้นเฟิ่งจะสันติโดยชอบธรรมกับเมืองต้าเหลียงได้อย่างไร?
หาทางออกไม่ได้เอ๋าชิงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า: "สองสามวันนี้ข้าก็จะไม่สนใจแล้ว ตอนสู้รบพวกท่านก็ไม่ได้ฟังข้าในตอนนี้พวกท่านก็จัดการกันเอาเองเถอะ"
เอ๋าชิงหันหลังจากไป ส่วนผู้คนด้านล่างนั้นแต่ละคนตกใจกันไม่น้อย
ผ่านพ้นไปอีกสิบวันแคว้นเฟิ่งถูกโจมตีเอาเมืองสี่เมืองลง ปีกใต้โจมตีมาได้หกเมือง สู้รบมาตลอดทางเหล่าทหารก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยหล้าสุดที่จะทน หนานกงเย่ออกคำสั่งให้พักเป็นเวลาสามวัน พักเรียบร้อยแล้วก็ดำเนินการโจมตีต่อ
องค์จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ทรงได้รับข่าวดีติดต่อกันก็ทรงรู้สึกยินดียิ่งเป็นธรรมดา
ราชครูจวินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและอดกล่าวไม่ได้ว่า: “เอาตัวพระชายาเย่นั้นถูกแล้วเท่ากับเอาเมืองต้าเหลียง ได้พระชายาเย่มาทั่วทุกสารทิศยังจะมีผู้ใดสามารถสู้ได้อีก?”
ฮูหยินรองเหลือบมองราชครูจวิน: “ข้าก็รู้สึกเช่นกัน”
“จริงเหรอ?” ราชครูจวินเลิกคิ้วเหลือบมองฮูหยินรอง ฮูหยินรองพยักหน้า
“แต่ว่าก็นึกไม่ถึงว่านางจะสังหารผู้คนมากมายเช่นนี้ ข้าเห็นนางจิตใจดีมีเมตตาแม้จะฆ่าไก่ตัวหนึ่งก็ไม่สบายใจ นางเกิดมาก็สามารถช่วยชีวิตคน แต่ว่าครั้งนี้......”
“เจ้าก็ยังไม่เข้าใจ สังหารคนเหล่านี้สามารถรักษาความสงบสุขของทั่วทุกสารทิศนับร้อยปีเช่นนั้นก็สามารถสังหารได้ ไม่สังหารพวกเขาจะหวาดกลัวได้อย่างไร? ไม่หวาดกลัวแล้วจะให้เมืองต้าเหลียงสงบสุขได้เช่นไร?
เมืองต้าเหลียงยากจนข้นแค้นพวกเขาไม่ชอบหน้ามาตั้งนานแล้ว “ราชครูจวินนั้นช่างประจักษ์นัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ