หนานกงเย่หมุนตัวลงม้า แล้วกระโจนเข้ารถม้า เฟิ่งหลิงอวิ๋นถูกโอบกอดไว้ หนานกงเย่นั่งอยู่ด้านในพอดี
เฟิ่งหลิงอวิ๋นถูกกอดไว้ทั้งขา หนานกงเย่นั่งอิงอยู่ด้านในรถม้ากล่าวว่า“กลับ!”
เอ๋าชิงจึงกล่าวว่า“ท่านอุปราช แม้ว่าท่านกับองค์รัชทายาทจะมีการหมั้นหมายกัน แต่ก็ไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องของแคว้นเฟิ่งเราได้ ที่องค์รัชทายาทกลับเมืองคือมีภารกิจ ไม่สามารถล่าช้าได้อีกแล้ว”
หนานกงเย่มองเฟิ่งหลิงอวิ๋นที่อยู่ในอ้อมกอด เฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงกล่าวว่า“เมื่อเช้าเอ๋าชิงได้รับจดหมาย ขุนนางผู้ช่วยของแคว้นเฟิ่งป่วยหนัก ไม่สามารถรักษาโดยยาและการฝังเข็มได้แล้ว หม่อมฉันเลยจะกลับเร็วหน่อย บางทีอาจจะมีโอกาส หม่อมฉันกลัวกลับไปช้า เกรงว่าจะทนไม่ไหวแล้วเพคะ
ตอนที่มาร่างกายยิ่งไม่ดี เดิมหม่อมฉันปรุงยาแก่นางแล้ว แต่สามีของนางสบคบคิดกับหญิงอื่นอยู่ด้านนอก จากนั้นจึงถือโอกาสนี้พูดเรื่องแยกทางกับนาง สิ่งนี้ทำร้ายจิตใจของนาง นางเลยไม่ได้กินยาอย่างเคร่งครัด เลยทำให้ป่วยหนักเช่นนี้เพคะ”
“ข้าจะติดตามเข้าไป”หนานกงเย่ไม่ยอมให้เฟิ่งหลิงอวิ๋นไปเลยกอดนางไว้แน่น
ฉีเฟยอวิ๋นทอดถอนหายใจออกมากล่าวว่า“ระหว่างเราสองคน อย่างไรจะต้องแยกจากเพคะ วันนี้หม่อมฉันเพิ่งจะสิบขวบ ยังเป็นเด็กอยู่ หรือจะต้องการแต่งกับหม่อมฉันแล้ว?”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร?”
“ท่านอ๋องยินยอมแล้ว แต่ทว่าแคว้นเฟิ่งของหม่อมฉันไม่มีทางยอมเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องรอหม่อมฉันปักปิ่น”
“......”หนานกงเย่ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองด้านนอกรถม้า กล่าวว่า“ท่านอ๋องต้องการรวมบ้านเมืองเป็นหนึ่ง เช่นนั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วค่อยมารับหม่อมฉันนะเพคะ”
หนานกงเย่กอดเฟิ่งหลิงอวิ๋น กล่าวขึ้นว่า“การรวมเป็นหนึ่งไม่ใช่วันสองวันก็ทำได้ ข้าต้องเตรียมตัว แลัยังต้องการโอกาส หากไม่มีโอกาส ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้เจออวิ๋นอวิ๋นแล้วหรือ?”
“เช่นนั้นท่านอ๋องรออีกหน่อย?รอสิบปีแล้ว หรือว่ารอห้าปีไม่ได้หรือ?”
“อย่างอวิ๋นอวิ๋นรอได้แน่ แต่ข้ารอไม่ไหวแล้ว”
“ท่านอ๋องพูดตลกเสียจริง เช่นนั้นท่านอ๋องต้องหมั่นดูแลบำรุงรักษารูปโฉมถึงจะถูก มีเพียงอย่างนั้นถึงจะสามารถอยู่กับหม่อมฉันได้ พอคิดๆท่านอ๋องสามารถมีชีวิตได้สามร้อยปี ไม่กี่ปีนี้จะนับว่าอะไรกัน?”
“สามร้อยปี?”หนานกงเย่ถูกทำให้ตลกขบขัน
เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวว่า“มีชายคนหนึ่งชื่อจางซานเฟิงซึ่งเป็นคนอิสระไม่ขึ้นกับสำนักพรรคใดพรรคหนึ่ง จางซานเฟิงเป็นนักบวชลัทธิเต๋าที่ฝึกฝนด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์และความปรารถนาเพียงเล็กน้อย และต่อมามีอายุได้สามร้อยปี
เขาเป็นคนมีอายุที่บุคลิกดี ชัดเจนคือคนสามารถมีอายุวัฒนะได้เพคะ”
“ข้าไม่เชื่อ!”
“ไม่เชื่อแล้วแต่นะเพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันควรจะไปแล้ว ช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องเร่งด่วน ”เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่สามารถล่าช้าได้แล้ว
หนานกงเย่ชำเลืองมองด้านนอกรถม้า แล้วก้มจูบสัมผัสเฟิ่งหลิงอวิ๋น จากนั้นกล่าวว่า“ข้าจะไปส่งเจ้าถึงชายแดน”
“.....”เฟิ่งหลิงอวิ๋นพยักหน้ากล่าวว่า“ได้!”
เอ๋าชิงชำเลืองมองเข้ามาภายในรถม้า หนานกงเย่กล่าวว่า“เร่งเดินทางต่อได้ ข้าจะไปส่งองค์รัชทายาท เฟยอิง แจ้งลงไป ระหว่างการเดินทางห้ามขวางกั้น จัดการทุกอย่างที่ทำให้ผู้ขับรถม้าตกใจ!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นอิงแอบในอ้อมกอดหนานกงเย่ ขดร่างกายแนบเข้า กล่าวว่า“ท่านอ๋อง อยู่ร่วมกับคนหนึ่งจนแก่เป็นเรื่องง่าย แต่ทว่ารอคนหนึ่งเติบโตนั้นยาก ท่านอ๋องรู้สึกโชคดีหรือไม่?”
หนานกงเย่ไม่ได้กระตุกริมฝีปาก กล่าวรอดไรฟันว่า“ข้ายังโชคดีหรือ?”
“อืม”เฟิ่งหลิงอวิ๋นหลับตาลง เหยียดขาตรง กวัดแกว่งไปมาก็หลับแล้ว
หนานกงเย่ดึงชุดขึ้น โอบกอดเฟิ่งหลิงอวิ๋นไว้ อยู่ข้างกายเธอ
เจ้าห้าและพวกพ้องมาถึงก็ตกบ่ายแล้ว
รถม้าถูกขวางไว้ พวกเจ้าห้าลงมาจากม้า เฟิ่งหลิงอวิ๋นเบิกตาโพลง กล่าวขึ้นว่า“เจ้าห้า!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นเปิดม่านรถม้าขึ้นแล้วลงมา
เจ้าห้าและพวกพี่ชายต่างรีบเดินไปหา
เวลานี้เฟิ่งหลิงอวิ๋นเตี้ยกว่าเหล่าลูกๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเด็กอายุสิบสองปีแล้ว
ส่วนสูงก็ร้อยหกสิบกันแล้ว เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะพากันเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นลงรถม้าแล้วจึงเดินมาตรงหน้าเจ้าห้า ลูกคนอื่นล้วนคล้ายคลึงกับหนานกงเย่มาก แต่ที่คล้ายที่สุดคือเจ้าห้า เขาเหมือนกับถอดแบบหนานกงเย่มาเลยจริงๆ
“เจ้าห้า”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นน้ำตาหลั่งริน เจ้าห้ารีบถลกชุดขึ้นคุกเข่ากล่าวว่า“ท่านแม่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ