เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองพ่อกับลูกที่อยู่ด้วยกันจนเอือม เธอเข้ามาก็เพิ่งเห็น สัญญาณลับของพ่อลูกคู่นี้เหมือนกันโดยที่ไม่ควรจะเหมือนจริงๆ
หนานกงเย่นั่งอยู่ด้านในค่อยๆอิงแอบไป หนานกงอวิ๋นเยียนก็อิงไป ทั้งสองพ่อลูกอิงแอบกัน ไม่เห็นกฏแห่งกรรมอยู่ในสายตาจริงๆ ทำอย่างกับเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียด้วยซ้ำ
“อวิ๋นเลี่ย!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองไปทางอวิ๋นเลี่ย อวิ๋นเลี่ยอาเจียนออกมาเป็นเลือด คนกระอักล้มลงบนรถม้า
เฟิ่งหลิงอวิ๋นตกใจอย่างมาก เธอไปดู คนอีกสองคน ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะไม่มีการแสดงออกสีหน้าทางอารมณ์เลย
เฟิ่งหลิงอวิ๋นจำใจต้องเดินไปดู จึงหันกลับไปมองสองคน แล้วกล่าวว่า“พวกเจ้าไม่คิดจะช่วยคนหรือ?”
หนานกงอวิ๋นเยียน กล่าวว่า“เขาต้องการสังหารท่านพ่อ เก็บไว้ก็ย่อมเป็นหายนะ สู้มิได้กับตายไปเสีย”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นยอมรับนับถือจริงๆ “เจ้าเหมือนกับท่านพ่อของเจ้า ไม่มีความรู้สึกของมนุษย์!”
หนานกงเย่ กล่าวว่า“ตีวัวกระทบคราดข้าก็ไม่โกรธ”
“ท่านอยากจะโกรธ เกรงว่าท่านจะไม่ได้มีใจขนาดนั้น”เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองอวิ๋นเลี่ยที่สลบไปแล้ว จากนั้นตรวจดูให้เขา คนอาการไม่ดีแล้ว เธอจึงเอายามายัดเข้าไปในปากของเขาหนึ่งเม็ด การหายใจของอวิ๋นเลี่ยดีขึ้นมาบ้าง ฉีเฟยอวิ๋นเลยสั่งคนเร่งรถม้า
รถม้ากลับมาถึงพระราชวัง หนานกงเย่ก็เยลงมาจากรถม้า เอาเฟิ่งหลิงอวิ๋นกับหนานกงอวิ๋นเยียนลงมากันคนละด้าน อวิ๋นเลี่ยคือให้เฟยอิงแบกลงรถ
เวลานี้เฟยอิงคือเฟยอิง หนานกงเย่ยังคงใช้ใบหน้าของเฟยอิง เพียงแค่ชุดของทั้งสองคนต่างกัน
อวิ๋นเลี่ยได้ถูกนำตัวไปส่งที่ฝั่งของเฟิ่งหลิงอวิ๋น จากนั้นเฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงรับสั่งว่า“ไปรายงานเสนาบดีเอ๋า บอกว่าข้าเชื้อเชิญเขามาที่นี่”
หลังจากนั้นเฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงไปเบิกยา อีกทั้งได้เรียกหมอหลวงให้ไปเตรียมต้มปรุงยาด้วย
หนานกงอวิ๋นเยียนอยู่ข้างกายของหนานกงเย่ ถามสารทุกข์สุขดิบเขาอยู่นั่น
หลายวันที่พ่อลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วก็แยกจากกันครั้งแรก พอเจอกันอีกก็คุยกันไม่จบสิ้น
เฟิ่งหลิงอวิ๋นจัดการเสร็จเอ๋าชิงก็มาแล้ว พอเข้ามาเอ๋าชิงก็รู้สึกว่าไม่ปกติ เพราะภายในห้องมีเฟยอิงสองคน
แต่เอ๋าชิงมองหนานกงเย่แวบเดียว ก็ไปดูอวิ๋นเลี่ยแล้ว
เอ๋าชิงนั่งลง จากนั้นเอามือไปแตะสัมผัสข้อมือของอวิ๋นเลี่ย เฟิ่งหลิงอวิ๋นอธิบายขึ้นว่า“เขารีบร้อนไม่สบายใจเลยเป็นเยี่ยงนี้ อวิ๋นเลี่ยสิบสองขวบ แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะมีความรู้สึกลึกซึ้งเพียงนี้คิดไม่ถึงว่าจะอาเจียนเป็นเลือด พอเป็นแบบนี้ หากร่างกายของเขาไม่ถึงสิบปียี่สิบปีเกรงว่าจะไม่ดีแล้ว เป็นคนป่วยเรื้อรังอย่างแน่นอน”
“กระหม่อมจะต้องรักษาอวิ๋นเลี่ยให้หายพ่ะย่ะค่ะ”เอ๋าชิงจะพาอวิ๋นเลี่ยไป แต่ทว่าอวิ๋นเลี่ยได้ลืมตาขึ้นช้าๆมองเอ๋าชิง
“ท่านพ่อ ข้าอยากจะคบหากับอวิ๋นจวิ่นจู่ เหตุใดนางถึงได้อยู่กับเฟยอิง?”อวิ๋นเลี่ยกล่าวทั้งน้ำตา อย่างไรเขาก็ไม่ยินยอม
เอ๋าชิงหน้าอึมครึม มองไปทางหนานกงเย่ กล่าวด้วยความโมโหว่า“เขาเป็นเฟยอิงที่ไหนกัน เขาคือผู้อื่นปลอมตัวมา”
อวิ๋นเลี่ยชะงักงัน เอ๋าชิงกล่าวว่า“เขาคือท่านอุปราชของเมืองต้าเหลียง ท่านพ่อของอวิ๋นจวิ้นจู่ หนานกงเย่”
อวิ๋นเลี่ยชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง มองไปช้าๆ เห็นมีเฟยอิงสองคน และมองคนที่อยู่ข้างหนานกงอวิ๋นเยียนอย่างละเอียด เป็นเวลานานถึงได้กล่าวว่า“อวิ๋นเลี่ยไม่ดูตาม้าตาเรือ ถวายบังคมท่านอุปราชพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเย่ไม่ได้สนใจ เขาไม่ชอบอวิ๋นเลี่ย แต่เขารู้สึกว่าเคยเจออวิ๋นเลี่ยที่ไหน แค่คิดไม่ออกเท่านั้นเอง
เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวว่า“ท่านอ๋องก็เหนื่อยแล้ว มากับหม่อมฉันเถิด”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นเข้าไป หนานกงเย่เลยจูงหนานกงอวิ๋นเยียนเข้าไปด้านในด้วย
อวิ๋นเลี่ยนอนเจ็บปวดอยู่ กล่าวว่า“เหตุใดนางถึงไม่ชอบข้า?”
“เจ้าจะเอาลูกของเขาไป เขาไม่มีทางชอบเจ้าหรอก ไม่ต้องใส่ใจ”เอ๋าชิงอุ้มอวิ๋นเลี่ยขึ้น แล้วหมุนตัวเองไป
เฟิ่งหลิงอวิ๋นเข้าไปในห้องบรรทม หันไปกล่าวกับหนานกงเย่ว่า“ท่านอ๋องดูออกแล้วหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ