เห็นรถม้าไกลออกไป หนานกงเย่ไม่ได้ตาม หันกลับมองหวาชิง
“ใช่นางหรือไม่?”หวาชิงก็ได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเรื่องของเฟิ่งหลิงอวิ๋น เล่าแพร่สะพัดว่าเฟิ่งหลิงอวิ๋นกับฉีเฟยอวิ๋นที่ถึงแก่กรรมแล้วเหมือนกันมาก
หวาชิงไม่เชื่อว่าโลกนี้จะมีการกลับชาติมาเกิด แต่หนานกงเย่ใส่ใจอย่างนั้น ต้องมีเหตุผลสาเหตุอย่างแน่นอน
“คนไปแล้ว”หนานกงเย่กล่าวจบจึงจากไป หวาชิงอยากเจอเฟิ่งหลิงอวิ๋น เลยตามไป แต่น่าเสียดายที่ไร้เงาเสียแล้ว เลยตามไม่ทัน
ระหว่างเดินทางกลับสีหน้าของหวาชิงไม่มีความสุขเลย นางด่าว่าหนานกงเย่ไม่ยึดถือสัจจะเป็นหลักตลอดการเดินทาง
หมอเทวดาที่ติดตามนาง บอกให้นางกล่าวพูดเสียงเบาๆ หลีกเลี่ยงการที่จะถูกลงโทษ
“กลัวอะไร ข้าไม่กลัวเขา ไม่เชื่อก็ทะเลาะกัน”
“เจ้าไม่กลัวหรอก เขาอยากจะเอาลูกสาวไปที่เมืองหลวง เจ้าลืมหรือ?”
“.....”หวาชิงเงียบลงทันที ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว เกรงว่าลูกสาวจะถูกพาไป
รถม้าของเฟิ่งหลิงอวิ๋นจอดอยู่ที่หุบเขายา ซูมู่ไห่หลับไปหลายวันแล้ว ลูกธนูที่อยู่บนร่างกายของเขาถูกดึงออก แต่เสียเลือดจำนวนมากสถานการณ์เลยไม่ดี บวกกับระหว่างการเดินทางมีหลุมมีบ่อสั่นสะเทือน เขาก็เฉียดตายมาแบบหวุดหวิด
เฟิ่งหลิงอวิ๋นพยายามยื้อชีวิตของเขา ถึงได้ดึงดันมาถึงหุบเขายา
ไป๋ซู่ซู่กับมู่เหมียนอยู่รอด้านหน้าหุบเขายา เฟิ่งหลิงอวิ๋นลงมาจากรถม้า จึงได้ถอดหมวกลง
พอเห็นเฟิ่งหลิงอวิ๋นไปซู่ซู่กับมู่เหมียนถึงกับชะงักงัน
ได้รับจดหมายของเฟิ่งหลิงอวิ๋น พวกนางยังมีความไม่เชื่ออยู่บ้าง คนจะวนเวียนกลับมาได้อย่างไร แต่พอเจอเฟิ่งหลิงอวิ๋น พวกนางเชื่อแล้ว
มู่เหมียนรีบเดินไปตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น แล้วมองพินิจพิเคราะห์กล่าวขึ้นว่า“เป็นท่านจริงๆหรือ?”
“ข้าต้องไปแล้ว ไม่คุยอะไรกับพวกท่านมากความล่ะ ภายในรถม้ามีซูมู่ไห่ องค์ชายของปีกใต้ วันนี้ส่งมาคือต้องการรักษาชีวิตของเขาไว้ ข้าได้ยื้อชีวิตเขาได้แล้ว แต่หากจะดำรงชีวิตต่อไปเรื่อยๆนั้นยากมาก ทำได้เพียงพึ่งพิงพวกท่านแล้ว”
ไป๋ซู่ซู่มองไปที่รถม้า กล่าวว่า“ท่านไปเถอะ ตอนนี้กำลังสู้รบอยู่ทั่วสารทิศ คาดว่าจะต่อสู้อยู่หลายปี ในจดหมายของท่านกล่าวอย่างชัดเจน พวกข้าล้วนรู้ว่าท่านรีบไป”
มู่เหมียนจับเฟิ่งหลิงอวิ๋น กล่าวขึ้นว่า“ไม่ได้ ท่านไปอย่างนี้ไม่ได้ ข้าอยากจะดูท่านสักหน่อย”
“อย่าไร้สาระ นิสัยนี้ของท่านไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิดหนึ่ง รอไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่าน”เฟิ่งหลิงอวิ๋นรีบเดินทางกลับไป ไม่มีเวลาคุยกันถึงเรื่องในอดีต
มู่เหมียนถึงได้ปล่อยมือกล่าวว่า“เดินทางปลอดภัย!”
“ได้!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นเดินไปทางรถม้า เปิดออกแล้วไป๋ซู่ซู่กับมู่เหมียนจึงเดินไปดูคนด้านในรถ รอเฟิ่งหลิงอวิ๋นไปแล้ว ทั้งสองเลยเร่งดูซูมู่ไห่ จากนั้นได้เรียกคนมาหามซูมู่ไห่ลงจากรถม้า
ไป๋ซู่ซู่ใช้เข็มแทงฝังเข้าไปในศีรษะของซูมู่ไห่ ปิดกั้นความทรงจำของเขา
อย่างนี้ก็ไม่มีทางตายแล้ว
เฟิ่งหลิงอวิ๋นออกจากปีกใต้แล้วเร่งกลับแคว้นเฟิ่ง ครึ่งเดือนกว่าถึงกลับถึงแคว้นเฟิ่ง แคว้นเฟิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันจริง แต่หนานกงอวิ๋นเยียนไม่ได้ทำให้แคว้นเฟิ่งวุ่นวาย กลับกันกำลังฟังความคิดเห็นของเหล่าเสนาบดี ว่าต่อไปจะทำอย่างไรดี
เฟิ่งหลิงอวิ๋นกลับมาถึงพระราชวังแคว้นเฟิ่ง จึงรีบเปลี่ยนสถานะ
“ท่านแม่ ท่านสูงละหรือนี่?”หนานหงอวิ๋นเยียนยังเป็นองค์รัชทายาทไม่เพียงพอเลยนะ ทำไมถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้ ท่านพ่อก็สู้ค่อนข้างเร็ว พอพูดแล้วหนานกงอวิ๋นเยียนก็จิตใจห่อเหี่ยวอยู่บ้าง
เฟิ่งหลิงอวิ๋นดูความคิดของลูกสาวตัวเองออก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจนาง กลับกันได้ถามเอ๋าชิงเกี่ยวกับเรื่องราวช่วงนี้ของแคว้นเฟิ่ง
“ที่จริงทั้งสองเมืองรู้ว่าปีกใต้ถูกตีพ่าย ไม่ได้เพ้อฝันจะเกี่ยวดองกับพวกเราแล้ว พวกเขาก็คิดว่าเรื่องการเกี่ยวดองทำให้หนานกงเย่เดือดดาล เพราะฉะนั้นพวกเขาเลยต้องการเชื่อมโยงร่วมพันธมิตรสามเมือง มีเพียงเท่านี้ถึงจะต้านทานหนานกงเย่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ