วันรุ่งขึ้นได้ข่าวมาจากแคว้นเฟิ่งว่าจวินโม่ซ่างลอบโจมตีอวิ๋นจวิ้นจู่ที่เตรียมจะส่งข่าวให้หนานกงเย่ ข่าวแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วและก็แพร่ไปถึงหูของหนานกงเย่ด้วย
หนานกงเย่อยู่หวาชิงและคนอื่นๆใช้กำลังทหารกดดันชายแดนปีกใต้เป็นการชั่วคราว เขาได้เตรียมกำลังทหารเต็มจำนวนไปโจมตีจวินโม่ซ่าง
จวินโม่ซ่างทราบข่าวก็เป็นเวลาครึ่งเดือนให้หลังแล้วซึ่งกองทัพของหนานกงเย่จะถึงยังชายแดนอยู่แล้ว
“ไร้สาระ ข้าไม่เคยพบอวิ๋นจวิ้นจู่มาก่อน ข้าจะจับอวิ๋นจวิ้นจู่ไปข่มขู่เขาได้อย่างไร? นี่เป็นข่าวลือทั้งสิ้น หนานกงเย่จงใจที่จะโจมตีเมืองอู๋โยวของเรา ทุกอย่างเป็นเพียงข้อแก้ตัว” จวินโม่ซ่างโกรธจัดจนโยนสิ่งของต่างๆไม่น้อย
ถังหลงกังวลยิ่งนักจึงกล่าวกับจวินโม่ซ่างว่า: "ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถึงตาพวกเราแล้ว ฝ่าบาท เราควรต่อสู้หรือไม่?"
ถังหลงรู้มานานแล้วว่าจะยอมจำนน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะยอมจำนน ตอนนี้ยอมจำนนพวกเขาเมืองอู๋โยวไร้ซึ่งผลประโยชน์ใดๆ เกรงว่าแม้แต่โอกาสรอดชีวิตของฝ่าบาทก็จะไม่มี
“สู้ ถึงตายก็ต้องสู้ สู้จนสุดกำลังก็จะต้องสู้ ไม่สู้ก็จะขายหน้า เฟิ่งหลิงอวิ๋นท่านทำกับข้าได้ข้าตายก็จะไม่ยอมปล่อยท่านไป”
จวินโม่ซ่างสั่งการลงไปให้จัดกำลังทหารทั้งแคว้นไม่ต่อสู้ไม่ได้
ถังหลงรู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นการสู้สุดชีวิตแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก ไม่สู้ก็ตายสู้ก็ตาย เช่นนั้นก็สู้ให้ตายกันไปเลย
จวินโม่ซ่างคิดบางอย่างออกจึงถามว่า: "ยังไม่มีข่าวจากเซวียนเหอหรือ?"
ถังหลงกล่าวว่า: "เขาได้กลับไปถึงยังแคว้นหลิงอวิ๋นแล้วแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตอบพวกเรา เขาต้องการสิ่งใดพวกเรายังไม่รู้แน่ชัด?"
“เจ้าไปบอกเขาว่าหากเขาเต็มใจที่จะร่วมมือกับเราและพวกเราสองแคว้นสู้ให้สุดกำลังยังมีโอกาสรอด หากสู้ชนะผลประโยชน์ทั้งหมดจะให้แก่เขา หากแพ้เมืองอู๋โยวเราจะรับผิดชอบเอง"
จวินโม่ซ่างได้พยายามอย่างยิ่งแล้วเขาไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ร่วมมือกับเซวียนเหอยังพอมีโอกาส
ถังหลงกล่าวว่า “ข้าจะไปลองดู ฝ่าบาทต้องทรงรอขกระหม่อม อย่าได้ทรงกระทำพลการ”
“เจ้าไปเถอะ เจ้าบอกเซวียนเหอว่า บอกว่าแม้ว่าเขาจะไม่สู้แล้วยืนดูอยู่ข้างๆ สุดท้ายตีข้าแล้วก็เป็นเขาแล้ว เฟิ่งหลิงอวิ๋นเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนั้น เขาจะไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย"
ถังหลงพยักหน้าจากนั้นก็หันหลังจากไป
เซวียนเหอต้อนรับถังหลงด้วยตนเอง พบหน้าแล้วถังหลงก็ถวายความเคารพและถ่ายทอดคำพูดของจวินโม่ซ่างไปอย่างตรงประเด็น
เซวียนเหอทำความเคารพต่ออย่างสุภาพ: "คุณชายเชิญนั่ง"
ถังหลงก้มตัวลง: "มิกล้า"
“ถึงเวลานี้แล้วเสนาบดีถังไม่จำเป็นต้องมากพิธี แม้ว่าตอนนี้ข้าจะเป็นฝ่าบาทแต่ก็ไม่รู้ว่าวันใดจะไม่ใช่”
ถังหลงไม่ได้กล่าวสิ่งใด เซวียนเหอนั่งลงกล่าวว่า : "สิ่งที่จักรพรรดิอู๋โยวกล่าวนั้นข้าเข้าใจ ไม่ปิดบังท่านเสนาบดีการสู้รบในครั้งนี้เป็นการรบอันเลวร้ายผู้ใดก็ไม่สามารถหลบหนีได้
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ข้าได้ไปยังแคว้นเฟิ่งซึ่งเรื่องนี้จักรพรรดิอู๋โยวก็ทราบเช่นกัน และข้าได้รับปากกับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเฟิงว่าจะยับยั้งทัพไม่เคลื่อนพลชั่วคราวเนื่องจากผู้ใดรบก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี"
ถังหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง: “แต่หากเราไม่สู้แม้ว่าจะรักษาอำนาจเอาไว้ได้ รอเมืองอู๋โยวของเราพินาศย่อยนับแล้วรายต่อไปก็จะเป็นหลิงอวิ๋นแล้ว ที่หนึ่งไม่มีเหลืออีกที่หนึ่งก็ไม่มีด้วย ผู้ใดจะอยู่รอดได้?"
เซวียนเหอพยักหน้า: “ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริง น่าสงสารที่หลิงอวิ๋นเพิ่งก่อตั้งแคว้นก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ว่าครานี้ไม่รบก็จะไม่มีโอกาสแล้ว มีสิทธิ์ใดที่จะไม่รบหล่ะ?”
“จักรพรรดิหลิงอวิ๋นหมายความว่า?” ถังหลงรู้สึกยินดีอย่างเหนือความคาดหมาย
"ความหมายของข้าก็เหมือนกับความหมายของจักรพรรดิอู๋โยว แม้ว่าข้าจะรับปากกับแคว้นเฟิ่งแล้วแต่ก็เป็นเพียงแผนการณ์ชั่วคราว เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่ต้องการสู้รบนางต้องการรอ รอจนกว่าหนานกงเย่จะตีเมืองอู๋โยวของพวกท่านแล้วมาตีหลิงอวิ๋น
เมื่อถึงเวลานั้นท้ายที่สุดแคว้นเฟิ่งก็จะยอมจำนน เนื่องจากถึงท้ายที่สุดแล้วรบหรือไม่รบเป็นไปตามใจหมายของราษฎร แม้ว่าจะยอมจำนนแล้วก็จะไม่ถูกราษฎรรังเกียจ
ความคิดของแคว้นเฟิ่งนั้นดีแต่กลับคิดว่าสองแคว้นเราเป็นคนโง่
เสียดายที่ข้ารู้ช้าไป ไม่เช่นนั้นพวกเราร่วมมือกันสู้กับหนานกงเย่ตั้งแต่แรกก็จะชนะเป็นแน่"
ถังหลงยกเสื้อคลุมแล้วคุกเข่าลง: "จักรพรรดิหลิงอวิ๋นทรงพระปรีชา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ