ว่ากันว่าม้าดีไม่กินหญ้าย้อนรอย*
เป๋าฮวนคิดว่า แม้ว่าจริงๆ แล้วในใจของเธอไม่อาจปล่อยวางเฟิงหานชวนได้ แต่คิดไม่ถึงว่าการกระทำเหล่านั้นของเฟิงหานชวน ทำให้หัวใจของเธอแข็งแกร่งอีกครั้ง
เขามีอาการป่วยทางจิต อาจไม่ใช่เพราะเธอฆ่าตัวตาย แต่เป็นเพราะการฆ่าตัวตายของเธอทรมานเขาด้วยความรู้สึกผิด
สรุปได้ว่าไม่ว่าอย่างไร เธอคิดว่าตัวเองไม่สามารถอยู่กับเฟิงหานชวนได้อีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงหานชวนก็ไม่ได้มีท่าทีขอโทษที่เด่นชัดมากนัก ราวกับรอให้เธอประนีประนอม
เหมือนที่สุสานวันนี้ เขาทิ้งเธอไว้แล้วกลับไปก่อน ไม่เหมือนผู้ชายที่ยอมรับผิดเลย!
เมื่อเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของเป๋าฮวน เวินซือเหยียนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าระหว่างคนทั้งสองต้องมีเรื่องขัดแย้งใหญ่มากอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะไม่เดินมาถึงจุดนี้
ส่วนเกิดอะไรขึ้นนั้น สถานะของเขาในตอนนี้ไม่สามารถถามได้ และไม่มีสิทธิถาม
เขาในตอนนี้ สำหรับเป๋าฮวนแล้ว ก็เป็นแค่เพื่อนทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ในเมื่อเป๋าฮวนจะไม่อยากจะพูด เขาก็ไม่สะดวกที่จะถามต่อ
“ในเมื่ออยากลืมก็ลืมมันซะ แล้วมองไปข้างหน้า” เวินซือเหยียนตอบกลับด้วยประโยคดังกล่าวอย่างแผ่วเบา
เป๋าฮวนเบ้ปาก ในจังหวะที่บริกรที่อยู่ด้านข้างเดินผ่านมาพร้อมกับไวน์แดง เธอคว้าแก้วไวน์แดงขึ้นมา แล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
จากนั้น เธอวางแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าลง ก่อนจะคว้าแก้วไวน์แดงอีกแก้ว แล้วยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วอีกครั้ง
เมื่อเธอกำลังจะคว้าแก้วที่สาม เวินซือเหยียนก็ขวางเธอไว้ “อย่าดื่มเร็วนัก ระวังจะเมา”
“ฉันคอแข็งอยู่เหมือนกัน” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดื่มมากนัก แต่เพิ่งจะสองแก้วเท่านั้นเอง
อีกอย่างแก้วทรงสูงก้านยาวเช่นนี้ ในแต่ละแก้วมีไวน์แดงไม่มากนัก
“มีเรื่องทุกข์ใจอะไร พูดออกมาอาจจะรู้สึกดีขึ้นนะ เก็บไว้ในใจจะป่วยเอาได้” เวินซือเหยียนเริ่มพูดโน้มน้าวใจ
เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากแน่น เพราะว่าเพิ่งดื่มไวน์แดงไป ทำให้ริมฝีปากของเธอดูสวยสดงดงาม ยิ่งอยู่ใต้แสงไฟสีส้มที่สาดส่องลงมาด้วยแล้ว ดูเหมือนจะเย้ายวนชวนให้หลงใหลเป็นพิเศษ
เวินซือเหยียนตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ทว่ากลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว
“อันที่จริงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก พูดไปก็เปลี่ยนความจริงเหล่านั้นไม่ได้ เกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว” สิ่งที่หลิวอวี่ถงพูดและสิ่งที่หลิวอวี่ถงทำก็ผุดขึ้นมาในหัวของเป๋าฮวนอีกครั้ง
บางทีสิ่งที่เธอสนใจมากกว่า คือความไม่ซื่อสัตย์ของเฟิงหานชวน และความเจ้าชู้ของเฟิงหานชวน
“คุณกินข้าวเย็นแล้วหรือยัง” เวินซือเหยียนรู้ว่าตอนนี้เป๋าฮวนไม่สบายใจ จึงตัดสินใจไม่ถามอะไรอีก และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
เป๋าฮวนมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างด้วยความงุนงง จากนั้นส่ายศีรษะไปมา และตอบว่า “ฉันไม่ได้กินข้าวเย็น หิวนิดหน่อย”
“งั้นพอดีเลย ผมก็ไม่ได้กินข้าวเย็น ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินข้าว” เวินซือเหยียนดึงแขนของเธอ และจูงเธอเดินไปข้างหน้า
เมื่อเดินมาที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เป๋าฮวนถึงได้ตอบสนอง เธอหยุดฝีเท้าลงทันที แล้วรีบถามขึ้นว่า “เราจะออกไปกินข้าวเย็น? ไม่ได้ไปที่โต๊ะขนมตรงนั้นเหรอ”
“ผมไม่ชอบกินของหวาน ไปกินข้าวร้านอาหารของโรงแรมกันเถอะ” เวินซือเหยียนคิดว่าที่นี่คนพลุกพล่าน ไม่ค่อยเหมาะแก่การพูดคุยอะไรมากนัก
คนในวงการบันเทิงไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน* หากคนที่ใส่ใจได้ยินบทสนทนาของพวกเขา อาจจะส่งผลกระทบต่อเป๋าฮวนได้
“แต่ว่า นี่เป็นงานเลี้ยงที่คุณจัดนะ คุณแน่ใจเหรอว่าจะไป” เป๋าฮวนงุนงงเล็กน้อย
“ผมไม่เข้าร่วม ก็ไม่เป็นไรหรอก” เวินซือเหยียนยกยิ้ม ก่อนจะเดินไปข้างหน้า
เป๋าฮวนลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองไปมา สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินตามซือเวินเหยียนไปอย่างรวดเร็ว
……
ในเวลาเดียวกัน
รถยนต์คันสีดำสนิทหยุดจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าของโรงแรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย