รอจนงานเลี้ยงเลิกลา สติของอันหรันก็เลือนรางจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอเอนตัวพิงเข้ากับโซฟา ภาพของเหลียวซิรงและหลี่เฉียนตรงหน้าเบลอขึ้นไปเรื่อยๆ
หลี่เฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ :“ซิรง ฉันบอกแล้วว่าอย่าให้อันหรันดื่มเยอะ เห็นไหมตอนนี้เธอเมาจนไม่มีสติแล้ว!”
เหลียวซิรงมองไปที่ใบหน้าเล็กของอันหรันที่ตอนนี้มีสีแดงระเรื่อ เธอเมาจนไม่เหลือสติ แต่กลับดูน่ารักขึ้นเป็นพิเศษซะอย่างงั้น :"เมาก็ดีแล้ว เธอดูอันหรันสิ เห็นได้ชัดเลยว่าสภาพจิตใจของเขาไม่ค่อยจะดี เพราะในวงการต่างก็พากันพูดถึงเรื่องที่ฮั่วเทียนหลันไม่ชอบเธอ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเอามาพูดเล่นซี้ซั้ว มันจะต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว ทุกวันนี้การที่ได้อยู่ในตระกูลที่ดีร่ำรวยที่มีอิทธิพลแบบนี้ ถ้าไม่มีครอบครัวที่ดี ก็ทำจะให้อยู่ในสังคมแบบนี้ยาก!"
พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนของอันหรัน ดังนั้นพวกเขารู้ดีว่าครอบอันเป็นเช่นไร และทำอะไรกับอันหรันไว้บ้าง
หลี่เฉียนไม่ได้ดื่มเหล้าจึงต้องทำหน้าที่สารถี ส่วนเหลียวซิรงก็ได้ประคองร่างของอันหรันไว้ ยืนรอหลี่เฉียนขับรถมาที่ด้านหน้าโรงแรม
มองไปที่รถคันตรงหน้า อันหรันเริ่มมีท่าทางใจลอย มองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นภาพซ้อนกันหลายๆคน เขาพูดต่อ:“ ฉ…เฉียน เฉียนเฉียน ทำไม…เยอะขนาดนั้นล่ะ เธอ…”
หลี่เฉียนสีหน้าไม่ค่อยดี เพราะอันหรันที่มีสภาพเมาไร้สติแบบนี้ คนที่มาร่วมงานต่างได้เห็นสภาพเมาไร้สติของเธอ
เพื่อไม่ให้งานเลี้ยงเปลี่ยนเป็นฉากละครมอมเมา หลี่เฉียนและเหลียวซิรงจึงรีบอุ้มอันหรันยัดเข้าไปในรถทันที
อันหรันไม่ได้ขันขืน แต่กลับกลายเป็นว่าคว้าอะไรได้ก็คว้า
ยังดีที่ตัวเธอไม่หนักนัก แต่ถึงอย่างนั้นสองคนที่ช่วยพยุงอันหรันอยู่นาน เมื่อจัดการวางเธอลงที่ได้ หน้าผากก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อไม่น้อย
หลี่เฉียนใช้มือปาดเหงื่อที่หน้าผาก หลังจากขึ้นรถแล้วก็ให้เหลียวซิรงนั่งเบาะหลังเพื่อดูแลอันหรัน ไม่นานก็นึกขึ้นมาได้ว่าปัญหาสำคัญในตอนนี้คือพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี
พวกเขาสองคนมองกันไปมาอยู่พักหนึ่ง เหลียวซิรงก็หยิบโทรศัพท์มือถือของอันหรันขึ้นมา ปลดล็อคด้วยใบหน้า จากนั้นดูข้อมูลการติดต่อในโทรศัพท์มือถือของเธอ มีเบอร์โทรหนึ่งซึ่งเป็นเบอร์โทรติดต่อล่าสุด นั่นก็คือเบอร์ของป้าDing เห็นดังนั้นเขาจึงรีบกดโทรออก
หลังจากรู้ที่อยู่จากป้า Ding แล้ว หลี่เฉียนก็ขับรถตรงไปยังคฤหาสน์หลังนั้นทันที
ป้า Ding ออกมายืนรอพวกเขาที่หน้าบ้าน มองเห็นอันหรันในสภาพเมาเละเทะไร้สติแบบนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น:“เฮ้อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไมคุณหนูถึงได้ดื่มเยอะขนาดนี้!”
เหลียวซิรงและหลี่เฉียนมองตากันอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองแฝงไปด้วยรอยยิ้มเก้อเขิน จากนั้นก็เริ่มหาข้ออ้างเพื่อที่จะขอตัวลากลับก่อน
แต่ทว่าเหลียวซิรงยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินออกไป เสื้อของเขาก็ถูกจับเอาไว้อย่างแน่น อันหรันรู้สึกเพียงว่ารอบตัวเธอกำลังหมุน แต่ในความรู้สึกก็ยังจำได้ว่ามีคนสองคนพาเธอมาส่ง
“เฉียน เฉียนเฉียน เข้ามาดื่มกาแฟสักแก้ว แล้วค่อยกลับละกัน”
อันหรันพูดจบ ก็รู้สึกว่าลิ้มของเธอเริ่มไม่ฟังคำสั่งเอาเสียแล้ว
สักพักหนึ่งหลี่เฉียนก็หันหลัง จับมือของอันหรันอย่างเบาที่สุดจากบนเสื้อของเธอวางลง แล้วจึงเอ่ยขึ้น:“หรันหรัน เธอพักผ่อนเยอะๆนะ ทีหลังถ้าดื่มไม่ได้ ก็ไม่ต้องดื่มแล้ว เธอดูสภาพตัวเองในตอนนี้สิ ทุกคนต่างเป็นห่วงเธอทั้งนั้นเลยนะ! ”
ได้ยินเขาพูดมาแบบนั้น ปกติหลังจากที่ดื่มเหล้าก็จะมีอารมณ์เปราะบางอยู่แล้ว ทันใดนั้นอารมณ์ของอันหรันก็เริ่มประทุขึ้นมาเล็กน้อย
“ใครเป็นห่วง ไม่เห็นมีใครเป็นห่วงฉันเลย ฉันทำอะไรด้วยตัวเองตลอด ที่นี่ก็มีแต่ป้า Ding เท่านั้นแหละที่ดีกับฉันน่ะ ถ้าพวกเธอมีหนุ่มหล่อก็แนะนำมาให้ฉันหน่อยละกันนะ สามีของฉันก็เป็นแค่ของวางตกแต่ง....”
อันหรันยังไม่ทันพูดจบก็ถูกป้า Ding ที่กำลังเริ่มจะทนไม่ไหว ยื่นมือขึ้นมาปิดปากของเธอเอาไว้
หากเธอยังพูดต่อไป ยิ่งจะทำให้ตระกูลฮัวอับอายขายขี้หน้าขึ้นไปใหญ่
ป้า Ding หัวเราะขึ้นก่อนจะเอ่ยลา:“ดึกขนาดนี้ ลำบากพวกคุณสองคนแย่ เดี๋ยวป้าขอพาคุณหนูขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
เธอพูดจบ ก็พยายามบังคับลากพาตัวอันหรันเดินเข้าไปในบ้าน
หลี่เฉียนและเหลียวซิรงยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นว่าอันหรันเข้าไปในบ้านแล้ว พวกเธอถึงขึ้นรถเตรียมขับออกไป
แต่เพิ่งสตาร์ทรถได้สักพัก แสงสว่างจ้าด้านหน้าส่องเข้ามาในตาของพวกเธอ ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่เริ่มชัดขึ้นมาเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง