พูดจบ ฮั่วเทียนหลันก็เดินผ่านฉวนฉีเหลียนไป ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางอันหรัน
ฉวนฉีเหลียนมองตามทิศทางที่ฮั่วเทียนหลันกำลังเดินไป เธอเดินตามหลังไปได้สองสามก้าว ก่อนจะเอื้อมมือหวังจะคว้าเสื้อของฮั่วเทียนหลันไว้
แต่เมื่อเห็นสายตาของคนในบริเวรนั้นที่มองมา ถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นจุดสนใจ
ถ้าเกิดคุณพ่อและคุณปู่ทราบว่าเธอตามตอแยผู้ชายที่แต่งงานแล้วแบบนี้ จนทำให้ครอบครัววงศ์ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียขึ้นมา เธอจะต้องมีปัญหาตามแน่ๆ
ฉวนฉีเหลียนเป็นคนหุนหันพลันแล่นก็จริง แต่กลับสามารถบริหารธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ แน่นอนว่าเธอก็ต้องควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
คนหนุ่มสาวที่ทำผิดพลาดในเรื่องเล็กๆน้อยๆกับคนหนุ่มสาวที่มุทะลุจนทำให้ครอบครัวเสียหน้า ผลรับที่ได้นั้นมันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ท้ายที่สุดเธอจึงยอมวางมือ มองดูฮั่วเทียนหลันที่เดินจากไปไกลเรื่อยๆ
ภาพเงาของคนตัวใหญ่และคนตัวเล็กสองคนที่ยืนขอพรภายใต้แสงสีทองของดวงอาทิตย์ในยามที่มันกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปนั้น กำลังแตกสลายอยู่ภายในใจของเธอ
อันหรันเรียนรู้วิธีทำตัวดั่งนกกระจอกเทศ หลังจากที่หนีออกมาจากหยูซิงเหวินได้แล้ว เธอก็เดินไปหยิบอาหารติดมือมาเล็กน้อย ก่อนจะไปนั่งหลบมุมตรงโซฟาและลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย
แต่บางครั้งยิ่งอยากจะหลีกเลี่ยงปัญหามากเท่าไหร่ ปัญหาก็ยิ่งจะตามมามากขึ้นเท่านั้น
"อันหรัน ไม่เจอกันนานเลยนะ!"
น้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้ ทำให้อันหรันรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะอึ้งไปชั่วขณะ
หลี่รอซี ทำไมเธอถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ
หลี่รอซีตั้งใจมาหาเรื่องอย่างแน่นอน เห็นได้จากสุภาพสตรีที่ตามมาด้วยด้านหลังสามสี่คน
พวกหล่อนต่างก็แสร้งทำตัวเป็นคนมีหน้าตามีฐานะ ที่แทบจะไม่ยอมก้มลงนั่งคุยกับอันหรันดีๆด้วยซ้ำ กลับยืนพูดค้ำหัวเธออยู่อย่างนั้น
อันหรันพยักหน้าโดยไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกไป เธอคิดในใจถ้าหากหลี่รอซีอยู่ที่นี่ หยางจื่อหยินก็ต้องมาด้วยอย่างแน่นอน
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหยางจื่นหยินตามตอแย วิธีที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นการหลบซ่อนตัวอยู่กับฮั่วเทียนหลัน
เธอกำลังเตรียมลุกขึ้นเดินหนีไป แต่ก็ถูกผู้หญิงหนึ่งในนั้นดักทางไว้ก่อน
"ฉันควรเรียกเธอว่าคุณหญิงฮั่วหรือผู้หญิงที่มีพรสวรรค์หมายเลขหนึ่งดีล่ะ"
ผู้หญิงที่มีพรสวรรค์หมายเลขหนึ่งนั้นคือชื่อของอันหรันในตอนที่ครอบครัวอันยังมีหน้ามีตาในสังคมอยู่ ในขณะนั้นอันหรันเองก็ถือว่าเหมาะสมกับคำเรียกนี้อยู่มากเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ การที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเรียกเธอเช่นนี้มันไม่ได้หมายถึงกำลังเอ่ยชมเธอเลยสักนิด แต่มันคือการดูถูกเยียดหยามว่าเธอในตอนนี้ต่ำต้อยกว่าคนธรรมดาเสียอีก
อันหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างเฉยเมย แล้วจึงเอ่ยขึ้น : "หลบทางหน่อย!"
"โย่! เด็กสาวผู้มีพรสวรรค์ควรจะอ่อนโยนไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านนี้ถึงได้พูดจาไม่สุภาพอย่างนี้เล่า!" ผู้หญิงด้านข้างอีกคนเอ่ยเสริมขึ้น
สำหรับพวกเขาแล้ว การได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของอันหรันนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จมากเลยทีเดียว
อันหรันหัวเราะเยาะขึ้นและพูดว่า : "ตำแน่งของผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ ก็เป็นสิ่งที่พวกเธอไม่สามารถเป็นได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ!"
พูดจบอันหรันก็มีท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย เธอผลักผู้หญิงที่ขวางทางอยู่ให้หลบไปอีกด้าน ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
เดิมทีหลี่รอซีตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำให้อันหรันรู้สึกอับอาย แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอันหรันจะตอบกลับด้วยท่าทางแข็งกร้าวหัวรั้นเช่นนี้ได้
เธอมองตามอันหรันอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยกับกลุ่มผู้หญิงที่มาด้วยกันเสียงแข็ง : "ไร้ประโยชน์เสียจริง!
ครอบครัวของผู้หญิงคนนี้อยู่ในชนชั้นกลาง เพียงแค่เธอกิ๊กกับทายาทของเศรษฐีมีตังค์ ดังนั้นเธอจึงได้รับเกียรติให้เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย
เมื่อได้ยินหลี่รอซีกล่าวว่าตัวเองเช่นนั้น ดวงตาของเธอก็ฉายแววโกรธเล็กน้อย แต่ก็ยอมก้มหน้าลงและกล่าวขอโทษ
อันหรันเดินตามหาฮั่วเทียนหลันจนเจอ ก่อนจะพบว่าตอนนี้รอบตัวของเขาถูกรายล้อมไปด้วยผู้หญิงหน้าตาสะสวยอยู่หลายคน
อย่างที่ว่ากันว่าผู้ชายที่เพรียบพร้อมก็มักจะมีผู้หญิงเข้ามาไม่ขาดสาย
อันหรันไม่อยากสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ดังนั้นเธอจึงเดินเลี่ยงไปที่ห้องรับรองแขกแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง