"เธอตาบอดหรือไง"
ฮั่วเทียนหลันเอ่ยกับผู้หญิงคนดั่งกล่าวอย่างเฉียบพลัน
ประโยคที่เขาเอ่ยออกมานั้นค่อนข้างรุนแรง
แต่กับการที่พวกเธอมารังแกผู้หญิงของเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ถ้าไม่สั่งสอนสักหน่อย เกรงว่าคราวหน้าจะยิ่งโอหัง
ผู้หญิงคนดังกล่าวยืนนิ่ง ก่อนที่ขอบตาของเธอเริ่มจะขึ้นสีแดง
เธอโตมาจนป่านนี้ พึ่งเคยถูกพูดจาแรงๆใส่เป็นครั้งแรก
"ฉันขอโทษค่ะคุณชายฮั่ว ฉันแค่ แค่รีบเร่งไปสักหน่อยจึงไม่ทันได้มอง ... "
เธอพยายามอธิบายอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร น้ำตาพลันไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
ฮั่วเทียนหลันมองผู้หญิงคนนี้อย่างเย็นชา เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก หากเพียงแค่ทำท่าราวกับจะบอกเธอว่าเชิญเล่นละครอย่างเต็มที่
ฉวนฉีเหลียนเดินเข้ามาบังหน้าผู้หญิงคนนี้ไว้ราวกับจะปกป้อง : "พี่เทียนหลัน ทำไมถึงพูดให้พี่ชานชานแบบนี้ล่ะ เธอ... "
"เธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเธอ?"
เมื่อเรื่องลามมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องจะเสแสร้งใดๆ
ในตอนนี้ฮั่วเทียนหลันไม่สามารถเปิดโอกาสให้ฉวนฉีเหลียนและคนอื่นๆเอ่ยปัดความรับผิดชอบได้อีกต่อไป
ฉวนฉีเหลียนหน้าซีดเผือดลงในทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจ : "พี่เทียนหลันกำลังพูดอะไรอยู่คะ ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย นี่พี่ไม่เชื่อฉันจริงๆเหรอ"
ฮั่วเทียนหลันยิ้มเยาะพร้อมทั้งหัวเราะขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน : "ไม่เข้าใจก็ช่างมันเถอะ ถึงอย่างไรพวกเธอก็ถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่"
ผู้คนรอบข้างต่างได้ยินที่ฮั่วเทียนหลันพูดถากถางฉวนฉีเหลียนถึงธาตุแท้ที่ต่ำตมของเธอ แต่เธอยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่อย่างนั้น
ฉวนฉีเหลียนไม่ใช่คนโง่ที่จะฟังไม่ออก เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าขึ้นมาทันที ก่อนจะมองไปที่อันหรันอย่างโกรธแค้น : "ไม่ทราบว่าคุณหญิงฮั่วต้องการให้พวกเราขอโทษยังไงเหรอคะ คุณถึงจะได้พอใจ"
อันหรันไม่ได้อยากเข้าร่วมสงครามประสาทในครั้งนี้เลยสักนิด ฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพาดพิง
เธอดึงแขนของฮั่วเทียนหลัน แล้วพูดขึ้นเสียงเบา : "พวกเราไปกันเถอะนะ คุณชายฮั่ว"
ฮั่วเทียนหลันมองอันหรันอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้ แล้วเดินออกไปจากงานเลี้ยงในทันที
ฉวนฉีเหลียนโมโหจนโตสั่นที่เธอถูกเพิกเฉย
เธอก้าวไปข้างหน้าเตรียมจะเดิมตามไป แต่ยังไม่ถึงไหนก็ถูกดึงรั้งเอาไว้ซะก่อน
"ฉีเหลียน อย่าหุนหันพลันแล่น!"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น ฉวนฉีเหลียนจึงรีบหันกลับไป ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกอดอีกคนไว้แน่น พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นอย่างสะอื้น : "พี่คะ ฮั่วเทียนหลันเขาเปลี่ยนไปแล้ว!"
ฮั่วเทียนหลันขับรถกลับไปที่วิลล่า โดยมีอันหรันนั่งอยู่ด้านข้าง
แต่พอขับไปได้ครึ่งทางก็พบว่าทางด้านหน้ากำลังซ่อมไม่สามารถขับผ่านไปได้
ฮั่วเทียนหลันให้อันหรันนั่งรอในรถ ส่วนเขาจะเดินลงไปสอบถามคนงานสักหน่อย เพราะวิลล่าของพวกเขาอยู่แถบชานเมืองและมีเพียงถนนเส้นนี้เส้นเดียวเท่านั้นที่สามารถขับไปได้
สักพักเขาก็ขึ้นมาบนรถดังเดิม ก่อนจะเอ่ยพูดกับอันหรัน : "คืนนี้พวกเขาจะซ่อมถนน เราคงกลับไปที่วิลล่าไม่ได้แล้ว"
อันหรันอ้าปากค้าง ก่อนจะคิดได้ว่าตัวเองควรถามฮั่วเทียนหลันว่าจะไปที่ไหน
ฮั่วเทียนหลันราวกับอ่านความคิดของเธอออก เขาเอ่ยขึ้น : "เธอมันพวกชอบหลงทาง บอกไปเธอก็ไม่รู้หรอก "
อันหรันหน้าแดง เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ ผู้ชายคนนี้นี่มันยังไง แม้ว่าเธอจะขับรถไม่ค่อยคล่องและไม่ค่อยรู้จักเส้นทางเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เห็นต้องมาพูดวิพากษ์วิจารณ์เธอขนาดนี้เลยนี่นา
ฮั่วเทียนหลันขับไปตามถนนและตรอกซอกซอย จนในที่สุดก็ขับเข้ามาจอดตรงหน้าประตูที่ปิดสนิทของหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
เขาลงจากรถไปลงทะเบียน ขณะเดียวกันนั้นอันหรันเองก็เพ่งมองชื่อของหมู่บ้านนี้
Jinxiu Garden สถานที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Z เมื่อก่อนเคยเป็นย่านของชนชั้นสูง แต่ตอนนี้หลงเหลือเพียงตึกอาคารเก่าแก่ของเมื่อสิบปีที่แล้วเท่านั้น
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันลงทะเบียนเสร็จแล้ว เขาก็พาอันหรันขับเข้าไปในหมู่บ้าน จนถึงประตูวิลล่า
อันหรันลงจากรถแล้วเดินตามเขาไปยังชั้นหนึ่ง
เธอเดินตามฮั่วเทียนหลันเข้าไปในตัวบ้าน เมื่อเขากดเปิดไฟ ก็ทำให้ทราบว่าตึกหลังนี้คงไม่ค่อยมีใครแวะเข้ามาเท่าไหร่ เห็นได้จากเศษใยของฝุ่นที่เกาะอยู่บนตู้เก็บรองเท้าตรงหน้าประตู
ฮั่วเทียนหลันหยิบรองเท้าแตะจากข้างในตู้ออกมาสวม ก่อนจะโยนให้อันหรันอีกคู่หนึ่ง เขาเอ่ยขึ้น : "มันมีแค่ไซต์ของฉัน เธอก็ใส่ๆไปก่อนละกัน"
อันหรันตอบรับเสียงเบา ก่อนจะสวมใส่รองเท้าแตะแล้วเดินเข้าไปห้องนั่งเล่น
โซฟาในห้องนั่งเล่นถูกคลุมไว้ด้วยผ้ากันฝุ่น ฮั่วเทียนหลันดึงมันออกก่อนจะให้อันหรันนั่งลงที่ตรงนี้รอ แล้วตัวเองเดินเข้าไปห้องครัวเพื่อต้มน้ำร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง