ตระกูลฉีต่างก็ถูกตระกูลหยูเล่นงานอย่างไม่เหลือชิ้นดี การกระทำอย่างไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ของฉีหลานนั้นจำเป็นต้องได้รับการชดใช้!
แต่การที่ต้องมองดูฉีหลานตายไปนั้น อันหรันเองก็ไม่สามารถทำใจได้เช่นกัน
และเรื่องนี้หลักฐานทั้งหมดต่างชี้เป้าไปที่ฉีหลาน
ตระกูลฮัวสามารถยื่นมือเข้าไปแทรกได้ก็จริง แต่เพื่อเพื่อนของตัวเองเพียงคนเดียว ต้องถึงกับให้ตระกูลฮัวสร้างศัตรูกับตระกูลหยูเลยงั้นเหรอ
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฮั่วเทียนหลันจะยื่นมือเข้าไปหรือไม่ แค่มองจากหลักจิตวิทยาอันหรันเองยังคิดว่าไม่ควรทำเช่นนั้นเลย
มีวันหนึ่งอันหรันบอกว่าคิดถึงเจ้ารวยแล้ว อยากไปที่ Jinxiu Garden
แม้ว่าฮั่วเทียนหลันจะรู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็ยอมมากับเธอด้วย
เจ้ารวยยังคงออกไปเล่นสนุกสนานข้างนอกเช่นเคย และไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นฮั่วเทียนหลันเลยสักนิด
แต่เมื่อมองเห็นอันหรันเดินลงมาจากอีกด้าน มันก็รับวิ่งเข้ามาหาทันที
สมองของมันจดจำว่าหากเมื่อใดที่อันหรันมาจะต้องมีของกินอร่อยๆมากมายแน่นอน
และก็เป็นเช่นนั้น ครั้งนี้อันหรันเตรียมปลาแห้งและขนมต่างๆมากมายมาด้วย
ทั้งยังไม่มีเจ้าต้าหลางตามมาแย่งอาหาร นั่นจึงทำให้มันเกิดความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่มันกินดื่มเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมออกไปวิ่งเล่นข้างนอก
แต่กลับถูกฮั่วเทียนหลันคว้าเข้าที่หลังก่อนจะยกมันขึ้นมา
เจ้าหญิงรวยผู้ซึ่งยิ่งใหญ่เกรียงไกรและไม่เคยยอมแพ้ใครกลับเลือกที่จะทำตัวประนีประนอม และนอนแผ่หลาบนตัวฮั่วเทียนหลัน
อันหรันซื้อผลไม้มาจำนวนมาก หลังจากเธอล้างอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงถามว่าฮั่วเทียนหลันต้องการดื่มชาชนิดไหน
การแสดงความเอาอกเอาใจเช่นนี้ ไม่ต้องให้อันหรันบอกฮั่วเทียนหลันก็พอเดาได้ว่าเธอมีเรื่องอยากคุยกับเขา
พอกลับมาที่ Jinxiu Garden แล้ว มีเจ้ารวยคอยอยู่ข้างๆจึงทำให้จิตใจดีขึ้นมาด้วย
ดังนั้นหากมันเป็นเรื่องที่ไม่เกินความสามารถ ฮั่วเทียนก็จะไม่ปฏิเสธ
หลังจากรินชาให้ฮั่วเทียนหลันเสร็จ อันหรันเห็นว่าฮั่วเทียนหลันยังไม่ได้แตะผลไม้สักชิ้นก็คิดว่าวันนี้เขาคงไม่อยากกินมันเท่าไหร่ เธอจึงเตรียมออกไปซื้อขนมหวานให้เขา
แต่ทันทีที่เธอลุกขึ้น ฮั่วเทียนหลันก็ยื่นมือออกมาทำท่าบอกให้เธอนั่งลง
“เธอมีเรื่องกังวลใจเหรอ” ฮั่วเทียนหลันถามออกไปตรงๆ
อันหรันชะงักเล็กน้อย นี่เธอแสดงออกมากขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมเขาถึงดูออกล่ะ
เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "อืม ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี"
เธอประหม่าเล็กน้อย สองมือถูกันไปมาไม่หยุด หากเพิ่มความเร็วขึ้นคาดว่าผิวหนังของเธออาจจะหลุดออกมาได้
ฮั่วเทียนหลันมองดูท่าทีของเธอก็ตัดสินได้ทันที
เพราะโจวหยวนคอยรายงานให้เขาทราบเสมอว่าช่วงนี้อันหรันกำลังยุ่งอะไรอยู่
เรื่องของฉีหลานนั้น เขาเองก็เคยพิจารณาอยู่บ้าง
แต่เรื่องนี้หากก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว แม้จะเป็นตระกูลฮัวที่มีอำนาจมากแค่ไหนก็ถือได้ว่าเป็นการก้าวลงหลุมที่ค่อนข้างใหญ่มากเช่นเดียวกัน
“เรื่องของตระกูลหยูน่ะเหรอ”
"อืม ไม่ ไม่ใช่... " อันหรันโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วหลังจากหลุดตอบไปอย่างไม่ทันคิด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาอันแหลมคมของฮั่วเทียนหลัน อันหรันจึงก้มหน้าลงและเลือกที่จะเงียบ
"ทำไมถึงไม่บอกฉัน"
“เพราะว่าคุณยุ่งมาก คุณชายฮั่วยุ่งกับงานทุกวันเลย ฉันไม่ทำให้คุณเหนื่อยใจเพิ่ม” อันหรันเอ่ยตอบเสียงเบา
ฮั่วเทียนหลันตบเข้าที่หัวเจ้ารวยหนึ่งครั้ง ก่อนจะเริ่มออกแรงกว่าเดิมจนทำให้เจ้ารวยร้องขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ตนเองอารมณ์ไม่ดีทำไมต้องมายุ่งกับหัวคนอื่นด้วย ฉันไปทำอะไรให้นายนักหนา เจ้ารวยคิด
ฮั่วเทียนหลันรู้สึกโกรธเล็กน้อย อันหรันบอกเองว่าไม่อยากให้เขาเหนื่อยใจ แล้วนี่เธอไม่ได้กำลังทำเช่นนั้นอยู่เหรอ
การที่เธอยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เท่ากับกำลังทำให้ฮัวเทียนหลันโดนไฟเผาอยู่แล้ว
ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ทุกคนต่างก็รู้จักเธอในนามคุณหญิงฮั่วไม่ใช่อันหรัน
"เธออยากจะช่วยเขาจริงๆเหรอ แล้วรู้หรือเปล่าว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขายอมรับโทษทั้งหมดแล้ว" ฮั่วเทียนหลันเอ่ยขึ้นอย่างใช้เหตุผล
อันหรันอืมตอบ เธอลังเลอยู่ครู่นึงก่อนจะเอ่ย : "คุณชายฮั่วคะ พี่ฉีหลานเป็นเพื่อนของฉัน และตามที่ฉันตรวจสอบข้อมูลมา... "
"เธอตรวจสอบอะไร แล้วให้ใครตรวจสอบให้" ฮั่วเทียนหลันพูดตัดบทอันหรัน ก่อนจะโยนคำถามที่สามารถฆ่าเธอได้ออกมา
อันหรันพูดไม่ออกชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ย : "เรื่องนั่น คือ... "
ฮั่วเทียนหลันยกมือขึ้นมาเพื่อบอกให้เธอเปลี่ยนเรื่องคุย
บางครั้งการสื่อสารกับอันหรันนั้นก็เป็นเรื่องยาก แต่เรื่องนี้ฮั่วเทียนหลันรู้ดีว่าฮัวเส้าซู่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งแล้ว
แต่อันหรันกลับชอบคิดว่าตัวเองทำอะไรนั้นสามารถรอดพ้นสายตาของเขาได้ จึงเอาแต่คอยปิดบังอยู่อย่างนี้
"ตอนนี้เธอตอบฉันมาเพียงข้อเดียวว่าเธออยากจะช่วยเขาไหม!"
"อยากค่ะ!" อันหรันเอ่ยขึ้นในทันที
แม้ว่าจะถูกบดขยี้จนแหลก แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้
"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว" ฮั่วเทียนหลันตอบเสียงเรียบ ทำให้อันหรันนิ่งงัน
เข้าใจแล้ว? เข้าใจแล้วคืออะไร?
นี่เขาตกลงยอมช่วยเธอแล้วงั้นเหรอ
ฮั่วเทียนหลันหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาและโทรออก
"ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับคดีของครอบครัวหยูให้ละเอียดจากนั้นไปหาทนายชซ่างหยวนเพื่อเป็นขอให้เขามาตัวแทนในการพิจารณาคดีล่าสุดหน่อย"
ฮั่วเทียนหลันออกคำสั่งเสร็จก็วางสายทันที
อันหรันจ้องมองไปที่เขาเหม่อลอย พร้อมทั้งความสับสนที่ตีวนอยู่ในใจ
เนื่องจากพักหลังมานี้เธอได้ทำการตรวจสอบหาข้อมูลมากมายเพื่อช่วยชะล้างความผิดของฉีหลาน และได้ติดต่อสำนักงานกฎหมายหลายแห่ง แต่ก็ถูกปฏิเสธหมดเนื่องจากเรื่องนี้มีความยุ่งยากเป็นอย่างมาก
และอันหรันเองก็รู้จักสำนักงานกฎหมายซ่างหยวนด้วยเช่นกัน เพราะสำนักงานนี้ถูกจัดเป็นอับดับที่หนึ่งของสำนักงานกฏหมายในประเทศ
ทุกกรณีที่พวกเขาเป็นตัวแทนทนายนั้น ต่างก็สามารถชนะความได้ทั้งหมด
หากใครสักคนทนต่อแรงกดดันของตระกูลหยูได้ และการยื่นมือเข้าไปยุ่งของฮั่วเทียนหลันนั้นก็เท่ากับการที่ตระกูลฮัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ความกดดันนั้นจึงไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด
เธออ้าปากขึ้นอยากจะพูดอะไรสักคำ แต่ก็รู้สึกว่าการกล่าวขอบคุณของเธอนั้นมันดูจะไม่ควรเท่าไหร่ การสำนึกบุญคุณนั้นก็ดูไม่ถูกต้องอีกด้วย
สุดท้ายเธอจึงฉันทำเพียงแค่ส่ายหัวและกล่าวขอโทษ : "ฉันขอโทษระคะคุณชายฮั่ว ขอโทษที่หาเรื่องให้คุณอีกแล้ว...ทางฝั่งตระกูลหยู... "
"รู้ว่ายุ่งยากแล้วก็ดี แต่ในเมื่อขอให้ฉันช่วยเหลือแล้วก็ควรจะมีอะไรมาตอบแทนหรือเปล่า" ฮั่วเทียนหลันใช้โทรศัพท์มือถือของตนเกาที่คอให้เจ้ารวย ทำให้ตอนนี้มันนอนแผ่หลาอย่างสบายใจ
ตอบแทน...ใบหน้าของอันหรันขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอคิดว่าตนเองน่าจะเดาความคิดของฮั่วเทียนหลันออก
เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "คุณชายฮั่วคะ ตอนนี้ มันกลางวัน... "
“กลางวัน?” ฮั่วเทียนหลันพูดขึ้นซ้ำอย่างสงสัย สมองของเขาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าของอันหรันขึ้นสีแดง
"เธออดทนรอไม่ไหวแล้วเหรอ" เขาพูดขึ้นพลางยกตัวเจ้ารวยออกจากตัวปล่อยให้มันไปเล่นด้วยตัวเอง ก่อนเอนตัวเข้าหาอันหรันทันที
อันหรันรู้สึกประหม่าจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เธอเอ่ยขึ้นตะกุกตะกัก : "คุณ... คุณชายฮั่ว... "
มือของฮั่วเทียนหลันยกขึ้นลูบแก้มของเธอเบาๆ ก่อนจะลูบไล้ลงมาตามลำคอหยก
จนมาถึงตำแหน่งนุ่มนวลของอันหรัน เขาออกแรงบีบมันเล็กน้อย ทำใหอันหรันตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ผ้าม่านตรงหน้าต่างยังไม่ได้ปิด หากมีคนตัวสูงเดินผ่านมาก็คงเห็นฉากล่อแหลมของพวกเขาทั้งสองแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อันหรันก็ใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"ฉันต้องการแค่อย่างเดียว!"
ฮั่วเทียนหลันปล่อยมือออกจากตัวอันหรัน ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนโซฟาดังเดิม
อันหรันชะงักไปครู่นึง สิ่งที่เธอจินตนาการไว้กลับไม่เป็นเช่นนั้นจึงทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
"ขอแค่ช่วยพี่ฉีหลานได้ ไม่ว่าคุณชายฮั่วต้องการอะไรฉันก็รับปากหมดเลย"
อันหรันเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ร้องขอให้ฮั่วเทียนหลันช่วยอะไร แต่ฮั่วเทียนหลันก็ยังสามารถขออะไรกับเธอได้หมดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
“เราสองคนก็แต่งงานกันมานานแล้ว ดังนั้นก็ถึงเวลาสืบทอดตระกูลสักที!” ฮัวเทียนหลันกล่าว
อันหรันตกตะลึง ก่อนจะนึกสงสัยกับสิ่งที่ตนเองได้ยินเมื่อกี้ว่าฟังผิดหรือเปล่า
เธอพูดตะกุกตะกัก : "คุณ คุณชายฮั่ว คุณ คุณพูดอะไรคะ"
"ทำลูกกันเถอะ! คุณแม่อยู่บ้านคนเดียวมันเหงา ต้องการคนอยู่ด้วย"
เมื่อเห็นอันหรันแสร้งทำเป็นโง่ ฮั่วเทียนหลันจึงพูดตรงไปที่ประเด็นทันที
จริงๆแล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แค่เพียงประโยคธรรมดาๆอย่างเขาต้องการมีลูกกับเธอ
เขากลับไม่กล้าเอ่ยขึ้นมา แต่เลือกที่จะอ้างว่าแต่งงานมานานแล้วและแม่ของเขาก็ต้องการคนมาอยู่ข้างๆแทน
ราวกับกำลังรู้สึกประหม่าขึ้นมาในใจอย่างไรอย่างนั้น
อันหรันเกิดความลังเลขึ้นมา นี่คือความฝันก่อนหน้านั้นของเธอที่เคยฝันเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกที่อยู่กับฮั่วเทียนหลัน
แต่ตอนนี้เธอได้รับบทเรียนมามากมายจนทำให้เริ่มไม่แน่ใจในความฝันนั้น
อันหรันไม่ยอมเอ่ยอะไรขึ้นมาสักทีจนทำให้ฮั่วเทียนหลันเริ่มมึนตึง
เขาหัวเราะเยาะขึ้น ก่อนจะเอ่ย : "ในเมื่อเธอไม่ยินยอมฉันก็คงจะไม่บังคับแล้วล่ะ เรื่องวันนี้ก็คิดซะว่าฉันไม่เคยพูดออกมาแล้วกัน!"
พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาโจวหยวนทันที : "คดีเกี่ยวกับตระกูลหยูไม่ต้องไปยุ่งแล้ว ปล่อยมันไปยังงั้นแหละ!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโจวหยวนก็มึนงงขึ้นมาเล็กน้อย
เนื่องจากคดีของตระกูลหยูกำลังจะขึ้นศาลเร็วๆนี้ และโจวหยวนก็ได้จัดการให้คนติดต่อทนายซ่างหยวนไปตั้งแต่ท่านประธานฮั่วโทรมาสั่งครั้งแรก
และยังซ็นสัญญาอะไรเรียบร้อยแล้วด้วย
เดิมทีคิดว่าจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ท่านประธานกลับโทรมาบอกให้ล้มเลิกทุกอย่างซะอย่างงั้น
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน : "ท่านประธานฮั่วครับ ถ้าหากล้มเลิกกลางคัน พวกเราจะต้องจ่ายเงินค่าปรับ ... "
โจวหยวนได้ยินฮัวเทียนหลันหัวเราะเบาๆสองสามครั้ง หัวใจของเขาก็สั่นไหวขึ้นมา เพราะรู้ว่าตนเองจะโดนเข้าให้แล้ว
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงของอันหรันก็ดังขึ้น : "ไม่เอาแบบนี้ คุณชายฮั่วคะ ฉันตกลง ฉันตกลงทุกอย่าง!"
โจวหยวนนิ่งงัน หลังจากนั้นก็ได้ยินฮั่วเทียนหลันเอ่ยขึ้นว่าให้จัดการทุกอย่างตามเดิม ก่อนที่จะวางสายไป
อันหรันแค่รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ในใจของเธอก็ยินยอมอยู่แล้ว
แต่ไม่คิดว่าฮั่วเทียนหลันจะเข้าใจผิดกับการลังเลของเธอเมื่อครู่
เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฮั่วเทียนหลันถึงอยากมีลูกขึ้นมา มันเกี่ยวกับชิงหรงหรือเปล่า
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะถ้าหากฮั่วเทียนหลันชอบเธอ คงจะไม่รีบนำตัวเธอไปส่งคืนเช่นนั้นหรอก
ดังนั้นจึงเหลือเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือฮั่วเทียนหลันไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของหลี่รูยาได้ จึงต้องมีเด็กมาแลกเปปลี่ยน
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองเริ่มแปลกไป
อันหรันหาเหตุผลจนพบ ก่อนจะออกไปซื้อผักมาทำอาหารกลางวันที่ไม่ได้หลากหลายเมนูนักแต่กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น
สีหน้าของฮั่วเทียนหลันไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็ไม่เลวมากเช่นเดียวกัน
หลังจากทานอาหารเสร็จ อันหรันและฮั่วเทียนหลันก็ช่วยกันอาบน้ำให้กับเจ้ารวย
แต่ว่าระหว่างอาบน้ำให้เจ้ารวยนั้น เจ้ารวยกระโดดดิ้นไปมาจนอันหรันจับมันไว้ไม่ไหว
เธอจึงโดนฮั่วเทียนหลันไล่ออกมา จากคำพูดของเขามันหมายความว่า ถ้าหากยังคงอาบต่อไปแบบนี้ ก็คงไม่ใช่อาบน้ำให้เจ้ารวยเเล้วเเหละ แต่เหมือนอาบน้ำให้อันหรันเสียมากกว่า!
ในช่วงบ่าย ที่บริษัทมีธุระอย่างกระทันหัน ทำให้ฮั่วเทียวหลันต้องออกจากบ้านไป
ไม่นานก็เป็นเวลา 6 โมงเย็น
ฮั่วเทียนหลันโทรศัพท์มาบอกอันหรันว่าคืนนี้น่าจะกลับช้าหน่อย ไม่ต้องรอเขา
แต่ว่าการอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวที่ทุกทิศทุกทางมืดไปหมดเช่นนี้ ก็ทำให้อันหรันรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
มีบางเรื่องที่เธอยังไม่ได้บอกกับฮั่วเทียนหลัน หลังจากผ่านเรื่องราวที่ปากีสถานแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นโรคกลัวที่เเคบขึ้นมา
สำหรับพื้นที่คับแคบ หรือความมืดไร้เเสงสว่าง มันทำให้เธอยิ่งหวาดกลัวอย่างไม่สามารถบรรยายได้
เธอนั่งกอดเขาตัวสั่นอยู่บนเตียงคนเดียว ไฟในห้องยังคงสว่างไสว
และแม้จะง่วงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหลับตาลงได้ เธอจึงทำได้เพียงรอให้ฮั่วเทียนหลันกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง