เที่ยวบินขากลับประเทศคือวันที่สองตอนเที่ยง หลังจากเครื่องบินบินขึ้นทิวทัศน์ด้านล่างของปากีสถานก็เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ อันหรันถอนหายใจออกยาวๆอย่างโล่งอก
การใช้ชีวิตที่นี่น่าหวาดกลัวมากเลยจริงๆ
และเธอไม่คิดอยากจะมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง
อาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอยังไม่หายดี คุณภาพทางด้านการแพทย์ของปากีสถานก็เทียบไม่ได้กับประเทศจีน
สิ่งแรกที่อันหรันทำเมื่อกลับถึงจีนคือไปตรวจร่างกายอีกครั้งที่โรงพยาบาลของฟาเรนไฮต์ จากนั้นก็คอยรักษาแผลไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น
หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนจะเห็นข้อความของฉีหลาน
“ฉันจะแต่งงานแล้ว อย่าลืมมาเด็ดขาด!”
อันหรันจำได้ว่าวันแต่งงานของเธอคือพรุ่งนี้แล้ว
เธอจึงบอกให้คนขับเปลี่ยนเส้นทางชั่วคราวเพื่อไปซื้อของขวัญก่อนจะกลับบ้าน
การ์ดเชิญจากตระกูลหยูถูกส่งไปยังตระกูลฮัวล่วงหน้านานแล้ว
งานแต่งงานของคนรุ่นน้อยเช่นนี้หลี่รูย่าจึงไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานก็ได้
ฮั่วเทียนหลันเร่งจัดการธุระให้เสร็จก่อนจะพาอันหรันไปที่โรงแรมในเช้าวันรุ่งขึ้น
ตระกูลหยูนั้นมีอำนาจมากและเป็นที่พูดถึงในเมือง Z อย่างมากล้น ไม่ว่าใครต่างก็ต้องไว้หน้าพวกเขา
ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างก็มาร่วมงานแต่งงานในครั้งนี้ และจะถูกตรวจสอบร่างกายและสัมภาระทั้งหมดยกเว้นผู้ที่สามารถเดินผ่านช่อง VIP ได้เท่านั้น
ทันทีที่อันหรันเดินตามฮั่วเทียนหลันเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ผู้บริหารหลายคนก็เดินเข้ามาล้อมรอบพวกเขาในทันที
"ท่านประธาน ฉันคือ... " คำพูดแนะนำตัวมากมายถูกเอ่ยขึ้นมาจากผู้คนที่มีใบหน้าที่คุ้นเคย
แต่ฮั่วเทียนหลันกลับนิ่งขรึม พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่อันหรันแทน
อันหรันยิ้มอย่างสง่างามและตอบรับคำทักทายทีละคน
ยังดีที่พวกคนใหญ่โตเหล่านี้ยังพอรู้เห็นสมควร หลังจากพูดคุยกันได้สองสามประโยคพวกเขาก็เดินถอยออกไป
ทันใดนั้นอันหรันก็มองเห็นเหลียวซิรงและคนอื่นๆ เธอจึงเอ่ยกับฮั่วเทียนหลันเสียงเบา : "คุณชายฮั่วคะ ฉันขอเดินไปหาพวกเหลียวซิรงสักครู่ได้ไหมคะ"
ฮั่วเทียนหลันอืมตอบ ก่อนจะพูดกำชับขึ้น : "อย่าหายไปไหนอีก!"
อันหรันตอบรับเสียงอู้อี้ ก่อนจะเดินไปหาเหลียวซิรงอย่างรวดเร็ว
หลังจากเหลียวซิรงมองเห็นอันหรัน เธอก็เตรียมจะเข้ามากอดอันหรันทันที
แต่ก็ถูกอันหรันยกมือขึ้นห้าม เพราะภายในงานมีผู้คนมากมายและไม่รู้ว่ามีพวกปาปารัสซี่แฝงตัวเข้ามาด้วยหรือเปล่า
ถ้าหากโดนถ่ายรูปแล้วนำไปเขียนข่าวว่าเหลียวซิรงเป็นพวกรักเพศเดียวกันล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องน่าเศร้ามากเลยทีเดียว!
“ไปปากีสถานครั้งนี้มาเป็นอย่างไรบ้าง บรรยากาศแปลกใหม่นั้นน่าดึงดูดหรือเปล่า ที่นั่นมีอาหารอร่อยๆเยอะไหม” ตราบใดที่ไม่มีคนนอกอยู่ใกล้ๆ เหลียวซิรงก็มักจะพูดคุยอย่างเป็นกันเองเสมอ
อันหรันยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น การไปปากีสถานในครั้งนี้ทำเอาเธอเกือบไม่มีชีวิตรอดกลับมา
เรื่องของบรรยากาศแปลกใหม่และอาหารอร่อยพวกนั้นในคราแรกมันก็ดีอยู่หรอก
แต่หลังจากนั้นก็ทำเอาเธอเกือบตายเลยล่ะ และมันได้กลายเป็นเรื่องแผลข้างในหัวใจเธอไปตลอดชีวิต
“ที่นู่นวุ่นวายมากเลย เธอไม่ต้องไปหรอก” เหลียวซิรงสังเกตเห็นว่าอันหรันพูดไปด้วยขมวดคิ้วไปด้วย
เมื่อก่อนตอนที่ถ่ายทำเธอเคยล้มหัวกระแทกพื้น จึงทำให้เธอคุ้นเคยกับปฏิกิริยานี้เป็นอย่างดี
เธอชะโงกมองที่ศีรษะของอันหรัน ก่อนจะเอ่ย : "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ได้รับแรงกระแทกที่หัวมาใช่ไหม"
อันหรันส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าตัวเหลียวซิรงให้เดินตามไปที่โซฟาตรงมุมห้อง จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตอนที่อยู่ปากีสถานอย่างคร่าวๆ
ภายในฝูงชนที่กำลังอลหม่าน สายตาของฮั่วเทียนหลันคอยจ้องมองที่มุมห้องอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าเธอยังอยู่ตรงนั้นเขาถึงรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงอย่างรวดเร็ว พิธีกรของงานเป็นพิธีกรชื่อดังระดับนานาชาติ หลังจากที่เขาพูดจบลงก็ได้เรียนเชิญบ่าวสาวขึ้นมาเวที
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นมา
นายหญิงหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพูดกับคนสนิทของเธอ : "ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น ซิงเหวินกับผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่"
อันหรันเองก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเธอรู้ว่าฉีหลานไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานนัก
ผู้หญิงที่ไม่เต็มใจคนนี้จะสามารถทำเรื่องที่เหนือความคาดหมายหรือเปล่า เธอเองก็เดาไม่ได้
เธอกดส่งข้อความใน WeChat หาเหลียวซิรง : "พี่ฉีหลานจะทำเรื่องบ้าๆอะไรขึ้นหรือเปล่า เธอสะดวกไปดูหน่อยไหม"
ไม่กี่วินาทีต่อมาเหลียวซิรงก็ส่งข้อความตอบกลับ เป็นรูปมือที่ทำท่าโอเค
เหลียวซิรงลุกขึ้นและเดินไปที่หลังเวที
แต่ทันทีที่เตรียมจะเดินไปทางนั้นก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนรั้งเอาไว้ก่อน
"ขออภัยครับ คนนอกไม่สามารถเข้าได้" บอดี้การ์ดคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเป็นทางการ
เหลียวซีหรงฮึดฮัดอยู่ครู่นึง ก่อนจะทำตัวโอ่อ่า : "ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวทำไมจะเข้าไม่ได้!"
ถึงอย่างไรฉีหลานก็กำลังจะกลายเป็นภรรยาของนายน้อยหยู ดังนั้นบอดี้การ์ดก็ควรจะไว้หน้าเธอบ้าง
หนึ่งในบอดี้การ์ดที่ดูมีอายุเยอะสุดเอ่ยขึ้น : "ถ้าอย่างนั้นกรุณารอสักครู่ ผมต้องไปขออนุญาตก่อน"
บอดี้การ์ดคนดังกล่าวเดินไปยังห้องที่ลึกที่สุดของทางเดิน ก่อนจะเคาะประตูแต่กลับไม่มีใครตอบรับ
เขาลองเคาะดูอีกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับ จึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
เขารีบโบกมือเรียกบอดี้การ์ดอีกคน เหลียวซิรงจึงเดินตามเข้าไป
พวกเขาพยายามเปิดประตูออกแต่ข้างในถูกล็อกเอาไว้จึงต้องออกแรงถีบเข้าไป
ประตูพังลงตามเสียง แต่ฉากที่อยู่ในห้องทำให้ทุกคนชะงักขึ้นอย่างตกใจ
หยูซิงเหวินถูกมีดแทงเข้าที่หน้าอกและหมดลมหายใจไปแล้ว
ส่วนฉีหลานนั้นใบหน้าซีดเผือดและมีบางส่วนที่ขึ้นสีเทาดำอย่างผิดธรรมชาติ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับยาพิษเป็นแน่
เหลียวซิรงตกตะลึง เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่างานที่น่ายินดีจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ บอดี้การ์ดอีกสองก็อึ้งไม่แพ้กัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง