โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 278

เที่ยวบินขากลับประเทศคือวันที่สองตอนเที่ยง หลังจากเครื่องบินบินขึ้นทิวทัศน์ด้านล่างของปากีสถานก็เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ อันหรันถอนหายใจออกยาวๆอย่างโล่งอก

การใช้ชีวิตที่นี่น่าหวาดกลัวมากเลยจริงๆ

และเธอไม่คิดอยากจะมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง

อาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอยังไม่หายดี คุณภาพทางด้านการแพทย์ของปากีสถานก็เทียบไม่ได้กับประเทศจีน

สิ่งแรกที่อันหรันทำเมื่อกลับถึงจีนคือไปตรวจร่างกายอีกครั้งที่โรงพยาบาลของฟาเรนไฮต์ จากนั้นก็คอยรักษาแผลไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น

หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆ

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนจะเห็นข้อความของฉีหลาน

“ฉันจะแต่งงานแล้ว อย่าลืมมาเด็ดขาด!”

อันหรันจำได้ว่าวันแต่งงานของเธอคือพรุ่งนี้แล้ว

เธอจึงบอกให้คนขับเปลี่ยนเส้นทางชั่วคราวเพื่อไปซื้อของขวัญก่อนจะกลับบ้าน

การ์ดเชิญจากตระกูลหยูถูกส่งไปยังตระกูลฮัวล่วงหน้านานแล้ว

งานแต่งงานของคนรุ่นน้อยเช่นนี้หลี่รูย่าจึงไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานก็ได้

ฮั่วเทียนหลันเร่งจัดการธุระให้เสร็จก่อนจะพาอันหรันไปที่โรงแรมในเช้าวันรุ่งขึ้น

ตระกูลหยูนั้นมีอำนาจมากและเป็นที่พูดถึงในเมือง Z อย่างมากล้น ไม่ว่าใครต่างก็ต้องไว้หน้าพวกเขา

ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างก็มาร่วมงานแต่งงานในครั้งนี้ และจะถูกตรวจสอบร่างกายและสัมภาระทั้งหมดยกเว้นผู้ที่สามารถเดินผ่านช่อง VIP ได้เท่านั้น

ทันทีที่อันหรันเดินตามฮั่วเทียนหลันเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ผู้บริหารหลายคนก็เดินเข้ามาล้อมรอบพวกเขาในทันที

"ท่านประธาน ฉันคือ... " คำพูดแนะนำตัวมากมายถูกเอ่ยขึ้นมาจากผู้คนที่มีใบหน้าที่คุ้นเคย

แต่ฮั่วเทียนหลันกลับนิ่งขรึม พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่อันหรันแทน

อันหรันยิ้มอย่างสง่างามและตอบรับคำทักทายทีละคน

ยังดีที่พวกคนใหญ่โตเหล่านี้ยังพอรู้เห็นสมควร หลังจากพูดคุยกันได้สองสามประโยคพวกเขาก็เดินถอยออกไป

ทันใดนั้นอันหรันก็มองเห็นเหลียวซิรงและคนอื่นๆ เธอจึงเอ่ยกับฮั่วเทียนหลันเสียงเบา : "คุณชายฮั่วคะ ฉันขอเดินไปหาพวกเหลียวซิรงสักครู่ได้ไหมคะ"

ฮั่วเทียนหลันอืมตอบ ก่อนจะพูดกำชับขึ้น : "อย่าหายไปไหนอีก!"

อันหรันตอบรับเสียงอู้อี้ ก่อนจะเดินไปหาเหลียวซิรงอย่างรวดเร็ว

หลังจากเหลียวซิรงมองเห็นอันหรัน เธอก็เตรียมจะเข้ามากอดอันหรันทันที

แต่ก็ถูกอันหรันยกมือขึ้นห้าม เพราะภายในงานมีผู้คนมากมายและไม่รู้ว่ามีพวกปาปารัสซี่แฝงตัวเข้ามาด้วยหรือเปล่า

ถ้าหากโดนถ่ายรูปแล้วนำไปเขียนข่าวว่าเหลียวซิรงเป็นพวกรักเพศเดียวกันล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องน่าเศร้ามากเลยทีเดียว!

“ไปปากีสถานครั้งนี้มาเป็นอย่างไรบ้าง บรรยากาศแปลกใหม่นั้นน่าดึงดูดหรือเปล่า ที่นั่นมีอาหารอร่อยๆเยอะไหม” ตราบใดที่ไม่มีคนนอกอยู่ใกล้ๆ เหลียวซิรงก็มักจะพูดคุยอย่างเป็นกันเองเสมอ

อันหรันยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น การไปปากีสถานในครั้งนี้ทำเอาเธอเกือบไม่มีชีวิตรอดกลับมา

เรื่องของบรรยากาศแปลกใหม่และอาหารอร่อยพวกนั้นในคราแรกมันก็ดีอยู่หรอก

แต่หลังจากนั้นก็ทำเอาเธอเกือบตายเลยล่ะ และมันได้กลายเป็นเรื่องแผลข้างในหัวใจเธอไปตลอดชีวิต

“ที่นู่นวุ่นวายมากเลย เธอไม่ต้องไปหรอก” เหลียวซิรงสังเกตเห็นว่าอันหรันพูดไปด้วยขมวดคิ้วไปด้วย

เมื่อก่อนตอนที่ถ่ายทำเธอเคยล้มหัวกระแทกพื้น จึงทำให้เธอคุ้นเคยกับปฏิกิริยานี้เป็นอย่างดี

เธอชะโงกมองที่ศีรษะของอันหรัน ก่อนจะเอ่ย : "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ได้รับแรงกระแทกที่หัวมาใช่ไหม"

อันหรันส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าตัวเหลียวซิรงให้เดินตามไปที่โซฟาตรงมุมห้อง จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตอนที่อยู่ปากีสถานอย่างคร่าวๆ

ภายในฝูงชนที่กำลังอลหม่าน สายตาของฮั่วเทียนหลันคอยจ้องมองที่มุมห้องอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าเธอยังอยู่ตรงนั้นเขาถึงรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง

และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงอย่างรวดเร็ว พิธีกรของงานเป็นพิธีกรชื่อดังระดับนานาชาติ หลังจากที่เขาพูดจบลงก็ได้เรียนเชิญบ่าวสาวขึ้นมาเวที

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นมา

นายหญิงหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพูดกับคนสนิทของเธอ : "ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น ซิงเหวินกับผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่"

อันหรันเองก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเธอรู้ว่าฉีหลานไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานนัก

ผู้หญิงที่ไม่เต็มใจคนนี้จะสามารถทำเรื่องที่เหนือความคาดหมายหรือเปล่า เธอเองก็เดาไม่ได้

เธอกดส่งข้อความใน WeChat หาเหลียวซิรง : "พี่ฉีหลานจะทำเรื่องบ้าๆอะไรขึ้นหรือเปล่า เธอสะดวกไปดูหน่อยไหม"

ไม่กี่วินาทีต่อมาเหลียวซิรงก็ส่งข้อความตอบกลับ เป็นรูปมือที่ทำท่าโอเค

เหลียวซิรงลุกขึ้นและเดินไปที่หลังเวที

แต่ทันทีที่เตรียมจะเดินไปทางนั้นก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนรั้งเอาไว้ก่อน

"ขออภัยครับ คนนอกไม่สามารถเข้าได้" บอดี้การ์ดคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเป็นทางการ

เหลียวซีหรงฮึดฮัดอยู่ครู่นึง ก่อนจะทำตัวโอ่อ่า : "ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวทำไมจะเข้าไม่ได้!"

ถึงอย่างไรฉีหลานก็กำลังจะกลายเป็นภรรยาของนายน้อยหยู ดังนั้นบอดี้การ์ดก็ควรจะไว้หน้าเธอบ้าง

หนึ่งในบอดี้การ์ดที่ดูมีอายุเยอะสุดเอ่ยขึ้น : "ถ้าอย่างนั้นกรุณารอสักครู่ ผมต้องไปขออนุญาตก่อน"

บอดี้การ์ดคนดังกล่าวเดินไปยังห้องที่ลึกที่สุดของทางเดิน ก่อนจะเคาะประตูแต่กลับไม่มีใครตอบรับ

เขาลองเคาะดูอีกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับ จึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

เขารีบโบกมือเรียกบอดี้การ์ดอีกคน เหลียวซิรงจึงเดินตามเข้าไป

พวกเขาพยายามเปิดประตูออกแต่ข้างในถูกล็อกเอาไว้จึงต้องออกแรงถีบเข้าไป

ประตูพังลงตามเสียง แต่ฉากที่อยู่ในห้องทำให้ทุกคนชะงักขึ้นอย่างตกใจ

หยูซิงเหวินถูกมีดแทงเข้าที่หน้าอกและหมดลมหายใจไปแล้ว

ส่วนฉีหลานนั้นใบหน้าซีดเผือดและมีบางส่วนที่ขึ้นสีเทาดำอย่างผิดธรรมชาติ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับยาพิษเป็นแน่

เหลียวซิรงตกตะลึง เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่างานที่น่ายินดีจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ บอดี้การ์ดอีกสองก็อึ้งไม่แพ้กัน

เหลียวซิรงดึงสติได้ก่อนจะตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ : "ยังจะนิ่งอยู่อีก รีบเรียกรถพยาบาลสิ!"

หลังจากพูดจบเธอก็รีบส่งข้อความหาอันหรันทันที จากนั้นจึงรีบพยุงตัวฉีหลานขึ้นมาแล้ววางเธอลงบนโซฟา

เธอไม่กล้าสัมผัสตัวหยูซิงเหวินเพราะกลัวจะกระทำอะไรผิด บาดแผลของหยูซิงเหวินขยายใหญ่และดูเหมือนเขาจะเสียชีวิตแล้ว

เมื่ออันหรันได้รับข่าวก็ตกใจเป็นอย่างมาก เธอกำลังจะลุกขึ้นแต่ถูกฮั่วเทียนหลันคว้าตัวเอาไว้ก่อน

ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเธอนั้นฉายชัดเป็นอย่างมาก

“มีอะไรเหรอ” ฮั่วเทียนหลันเอ่ยถาม

อันหรันชำเลืองมองไปรอบๆ ก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบข้างหูฮั่วเทียนหลัน

ดวงตาของฮั่วเทียนหลันหรี่ลง เหตุการณ์ในครั้งนี้เกินความคาดหมายของเขามาก

เขาจับมือของอันหรันแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ฉันจะไปกับเธอด้วย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัวหยู เธอห้ามยื่นมือเข้าไปยุ่งเด็ดขาดเข้าใจไหม"

อันหรันตอบรับ ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็กำลังอยู่ในความเป็นความตาย ไม่มีเหตุผลที่จะแบ่งแยกว่าใครถูกหรือผิด

เมื่อพวกเขาทั้งสองมาถึงที่เกิดเหตุ ครอบครัวหยูก็มาถึงก่อนหน้าแล้ว

เมื่อเห็นท่าทีใกล้จะตายของหยูซิงเหวิน นายหญิงหยูก็สติแตกขึ้นมาทันที

"โอ้พระเจ้า! ดาวมรณะดวงนี้ช่างจิตใจโหดเหี้ยมเสียจริง ครอบครัวหยูคอยช่วยเหลือเกื้อกูลคุณมาตั้งมากมาย คุณยังกล้าลงมือฆ่าคนได้!"

นายหญิงหยูร้องไห้จนไม่มีเสียง ขณะที่หยูเฟยจอหัวหน้าตระกูลหยูมีสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะเอ่ย : “ไปอพยพคนในห้องจัดเลี้ยงออกไปให้หมด บอกว่าเจ้าสาวไม่สบาย อีกหน่อยรถพยาบาลคงมาถึง ถ้าไม่เป็นการเสียเวลาก็พยายามออกไปทางประตูหลัง "

ถึงตอนนี้แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าคนแค่ไหน แต่ก็รู้ดีว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างใจเย็น

ผู้คนในห้องจัดเลี้ยงอพยพออกไปเกือบหมดแล้ว แม้ว่ารถพยาบาลจะเข้ามาในทางที่ลับตาคนแค่ไหน แต่ก็ยังมีใครบางคนสังเกตเห็นแล้ว

ปาปารัสซี่ที่รอทำข่าวอยู่ข้างนอกก็รีบวิ่งเข้ามารุมล้อมพวกเขาทันที

เป็นผลให้รถพยาบาลไม่สามารถขับออกไปได้ หยูเฟยจอโมโหเป็นอย่างมาก เขายกมือส่งสัญญาณก่อนที่ชายกลุ่มหนึ่งจะรีบวิ่งไปจัดการกับพวกนักข่าวทันที

อันหรันยืนมองเหตุกาารณ์ต่างๆที่ชั้นบน ราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันและภาพลวงตาเท่านั้น

ทำไมฉีหลานถึงทำเช่นนี้

หยูซิงเหวินถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง Z หลังจากทำการรักษาเบื้องต้นแล้วจึงถูกถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลกลางของเมืองหลวง

หลังจากรักษาอย่างสุดความสามารถ ในที่สุดก็กอบกู้ชีวิตอีกหนึ่งชีวิตคืนมาได้

โชคดีที่มีดไม่แทงทะลุถึงหัวใจ ถ้าหากลึกกว่านั้นอีกหน่อยเขาคงได้กลับบ้านบ้านเก่าเป็นแน่

แต่ฉีหลานนั้นกลับอ้างว้าง

ครอบครัวฉีถูกปราบปรามจนฉีหลานเกือบจะถูกทิ้งให้กลายเป็นศพเฝ้าโรงพยาบาล

เป็นอันหรันที่ร้องขอฮั่วเทียนหลันอย่างสุดชีวิต จนทำให้ฉีหลานถูกโรงพยาบาลของฟาเรนไฮต์รับเรื่องเอาไว้ในที่สุด

เธอได้รับการผ่าตัดถึงแปดครั้งก่อนจะสามารถรั้งชีวิตเอาไว้ได้

แต่ฉีหลานนั้นดื่มยาพิษลงไป และยาที่เธอดื่มมีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง

แม้ว่าเธอจะได้รับการช่วยเหลือให้รอดชีวิต แต่ร่างกายของเธอจะได้รับผลที่ตามมาจากยานั้น

อันหรันไปเยี่ยมฉีหลานบ่อยครั้ง เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้พร้อมเครื่องช่วยหายใจ จังหวะการเต้นของหัวใจเธอนั้นยังไม่คงที่

ตามที่แพทย์ระบุไว้ว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่เธอจะตื่นขึ้นมา และเธอมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกาย

กระดาษไม่สามารถห่อไฟเอาไว้ได้ แม้ว่าตระกูลหยูจะระดมกำลังเพื่อปิดกั้นการรายงานของสื่อไว้แค่ไหน

แต่ข่าวเกี่ยวกับงานแต่งงานก็ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ผู้คนมากมายต่างพูดถึงความคับแค้นใจของครอบครัวเศรษฐี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความยุ่งเหยิงของความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นหัวข้อดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนมากที่สุด

หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนฉีหลานก็ฟื้นคืนสติ

ครั้งแรกที่เธอฟื้นขึ้นมานั้นก็ถูกตำรวจนำตัวไปสอบปากคำ

ทันทีที่อันหรันทราบข่าวเรื่องการฟื้นของฉีหลาน เธอก็แทบทรุดตัวลงกับโซฟา

ทำไมต้องฟื้นขึ้นมาอีก กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราต่อไปไม่ดีกว่าเหรอ

เพราะหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา ความกดดันจากผู้คนมากมายก็พร้อมจะส่งไปให้ตัวเธอแทบทั้งหมด

อันหรันไม่สามารถทนเห็นฉีหลานตายไปได้ แต่การที่ฉีหลานเป็นเจ้าหญิงนิทรานั้น อย่างน้อยก็ยังถือว่าเธอมีชีวิตอยู่

ตระกูลทันจ้างทนายความที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก เพื่อฟ้องฉีหลานในข้อหาฆาตกรรม

นอกจากนี้ยังตรวจสอบทุกข้อกล่าวหาของฉีหลานอย่างละเอียด เพราะจุดประสงค์ทั้งหมดของพวกเขานั้นคือการประหารชีวิตของฉีหลานด้วยการยิงเป้า

เนื่องจากอาชญากรรมของฉีหลานไม่ได้นำไปสู่ความตาย หลายคนจึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้

และต้องเผชิญกับความเป็นธรรมทางกฎหมาย

อันหรันขอให้ฮั่วเทียนหลันช่วยรวบรวมหลักฐาน พบว่ามีดที่หน้าอกของหยูซิงเหวินนั้นไม่พบรอยนิ้วมือของฉีหลานเลย

แต่ขวดยาพิษที่ฉีหลานดื่มนั้นกลับเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของหยูซิงเหวิน

หลักฐานพวกนี้เพียงพอที่จะโต้แย้งกรณีข้อหาของฉีหลานได้

เธอขอให้ฮั่วเทียนหลันช่วยเรื่องขอความยุติธรรมให้กับฉีหลาน

แต่ฮั่วเทียนหลันกลับหยิบแฟ้มเอกสารและส่งให้เธอ

หลังจากอันหรันเปิดดูก็พบว่ามันคือข้อความการถอดเสียงของฉีหลานหลังจากถูกคุมขัง

ฉีหลานเขียนระบุรายละเอียดทุกอย่างอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยอมรับโทษทั้งหมด

อันหรันชะงักไปครู่นึง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมฉีหลานถึงต้องรับผิดแทนเช่นนี้

ฮั่วเทียนหลันมองดูอันหรันที่ทำหน้าเศร้าสร้อย ก็อดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ : "ตราบใดที่ยังไม่ใช่โทษประหารก็ปล่อยให้เธออยู่ในคุกไปก่อนเถอะ! ให้เธอออกมาก็ไม่เห็นว่ามีผลดีต่อเธอเลย"

อันหรันนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย : "หมายความว่าไงคะ"

ฮั่วเทียนหลันยกยิ้มอย่างเฉยเมย อันหรันยังอ่อนต่อโลกกินไป เธอคิดแค่ว่าต้องการหาความยุติธรรมให้ฉีหลานเกี่ยวกับเรื่องนี้

อำนาจของตระกูลหยูนั้น แม้ฉีหลานจะพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอแค่ไหน

แต่หลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว คิดว่าตระกูลหยูจะยอมให้เธอมีชีวิตรอดต่อไปงั้นหรือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง