หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น Miller ก็ล้มเลิกความคิดที่อยากเกียวดองกับตระกูลฮัวทั้งหมด
แม้ว่าตระกูลฮัวยังมีลูกชายคนเล็กที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ตระกูล Dallas ก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้ มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายเกินไปที่หากไม่ได้คนใหญ่ก็จะเอาคนเล็กแทนแบบนี้
Auch ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ย : "คุณพ่อคะ เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยทีหลัง! เพราะเรื่องของดอร่าทำให้ตอนนี้บริษัทยุ่งเหยิงมากและหนูไม่มีกะจิตกะใจมาคิดเรื่องส่วนตัวหรอกค่ะ"
“Cage เอาใจใส่เธอมากนะ เธอควรจะให้โอกาสเขาดูสักครั้ง” Miller เองก็ค่อนข้างถูกใจในตัว Cage
แต่เขาเป็นพ่อที่เปิดกว้างและเรื่องของความรู้สึกเช่นนี้เขาจะให้ลูกชายลูกสาวตัดสินใจเอง
"อืม หนูรู้ค่ะ" Auch เอ่ยเสียงเบา
เมื่อเห็นท่าทางนิ่งเฉยราวกับน้ำของลูกสาว Miller ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจึงยกมือขึ้นโบกเพื่อบอกให้เธอไปพักได้แล้ว
Auch เดินออกจากห้องหนังสือก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาลและหยุดเดินเพื่อรักษาระยะห่างไว้สิบกว่าเมตร
เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่ รู้แค่ว่าในหัวของเธอกำลังสับสน
เป็นห่วงอันหรันงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้เพราะนั่นคือคู่แข่งของเธอ
หรือว่ามาหาฮั่วเทียนหลันเพื่อดูว่ายังพอมีพื้นที่ให้เธอและเขากลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า น่าจะเป็นเช่นนั้น
"ใคร!" เธอยืนอยู่สักพัก ก่อนที่บอดี้การ์ดของตระกูลฮัวจะสังเกตเห็น
Auch ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า : "ฉันอยากพบเทียนหลันสักหน่อย"
โจวหยวนรู้จัก Auch เขาจึงหยุดบอดี้การ์ดที่ยังคงถามคำถามเธอ ก่อนจะเป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง : "คุณ Auch ครับ ท่านประธานฮั่วไม่มีอารมณ์จะพบแขกในตอนนี้ ขอให้คุณกลับไปก่อนดีกว่า!"
Auch ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นเสียงแข็ง : "วันนี้ฉันต้องเจอเขาให้ได้!"
โจวหยวนตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เขาก็มองเห็นความมุ่งมั่นของ Auch เช่นเดียวกัน จึงเอ่ยขึ้น : "ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมมาแจ้งให้ทราบอีกที ถ้าหากท่านประธานฮั่วไม่อยากพบคุณล่ะก็... "
โจวหยวนยังพูดขึ้นอย่างไว้หน้า Auch
Auch พยักหน้ารับ เขาเดินไปเคาะประตูรอจนคนข้างในจะตอบรับจากนั้นจึงเข้าไป
ฮั่วเทียนหลันนั่งอยู่ข้างๆอันหรัน มือของเขายังคงถือโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอของมันมืดดับไปแล้ว
ดวงตาของเขาคอยจดจ้องใบหน้าของอันหรัน
เมื่อใดที่สีหน้าของอันหรันเปลี่ยนไปแม้จะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาก็จะรีบเข้าไปใกล้ในทันที
"ท่านประธานฮั่วครับ คุณ Auch มาพบ" โจวหยวนพูดขึ้นอยางระมัดระวัง
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้หันกลับไปมอง เขาทำเพียงเอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง : "นายลืมสิ่งที่ฉันบอกไปแล้วเหรอ"
โจวหยวนชะงักไปครู่นึง ก่อนจะรีบเอ่ย : "เปล่านะครับ...ผมบอกคุณ Auch ไปแล้ว แต่ดูท่าเธอจะไม่ยอมไปไหนหากคุณไม่ยอมพบเธอ!"
ฮั่วเทียนหลันหัวเราะเยาะ เหอะ Auch นี่มีความสามารถจริงๆ ตอนนี้ยังเรียนรู้การคุกคามคนอื่นอย่างนุ่มนวลได้อีก
"บอกเธอไปว่าฉันไม่ต้องการพบ!"
โจวหยวนเดินออกมาข้างนอกก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวว่าจะทำให้อันหรันตื่น
เขาเดินไปหยุดตรงหน้า Auch ก่อนจะเอ่ย : "คุณ Auch ครับ คุณชายฮั่วไม่ต้องการพบคุณ"
Auch มองตรงไปที่โจวหยวนโดยไม่พูดอะไร
แต่โจวหยวนทราบดีว่าดวงตาของเธอไม่ได้มองที่เขา แต่มองผ่านตัวเขาเข้าไปข้างในห้องที่มีฮั่วเทียนหลันนั่งอยู่
แม้แต่นอนหลับฝันร่างกายของอันหรันก็มีสั่นขึ้นเป็นครั้งคราว
ความกลัวห้องแห่งความลับในครั้งนี้ทำให้เธอมีบาดแผลในจิตใจ
บาดแผลบนศีรษะของเธอได้รับการรักษาแล้ว มันได้รับแรงกระแทกพอสมควร
ฮั่วเทียนหลันสั่งให้คนจัดเตรียมเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่อันหรันดีขึ้นมาอีกหน่อย พวกเขาก็จะกลับประเทศในทันที
ในห้องใต้ดินตอนนี้ Elena แทบเป็นบ้าคลั่ง
เธอร้องตะโกนและทุบตีทุกที่อย่างหวังว่าจะมีคนพาเธอออกไป
แต่รอบข้างกลับเงียบสงบไม่มีใครสนใจเลยสักนิด
เธอตัวสั่นขึ้นด้วยความหนาว จากนั้นก็นึกถึงตอนที่ตนเองโยนผ้าห่มขาดลง
เธอรีบมองหาผ้านวมผืนนั้น ก่อนจะพบว่าผ้านวมที่เธอโยนลงมานั้นอยู่ข้างในโลงศพสีทองที่เปิดอยู่ โครงกระดูกที่อยู่ในโลงศพนั้นถูกผ้าห่มทับจนแตกหักและผงเถ้าของมันยังเปรอะเปื้อนไปทั่วผ้าห่มผืนนั้น
แม้ว่าปกติ Elena จะไม่ค่อยกลัวอะไรอยู่แล้ว แต่การที่ต้องมาอยู่ห้องมืดๆนี้เพียงลำพัง
ที่มีโครงกระดูกต่างๆ รูปปั้นพระพุทธรูปน่าสยองและวัตถุโบราณที่น่ากลัวมากมายอยู่บริเวณรอบๆเช่นนี้ ก็สามารถทำลายล้างความเข้มแข็งในใจของเธอไปจนหมด
เธอยื่นมือออกไปกำผ้าห่มอย่างสั่นเทา ก่อนจะเอ่ย : "พี่ชายใหญ่ พี่สาวใหญ่ คุณปู่ คุณย่า... ฉันไม่ได้จะลบหลู่นะคะ แต่ฉันแค่หนาวเกินไป หากไม่ได้ห่มผ้ากลัวว่าฉันจะตาย ... "
เธอพยายามดึงผ้าห่มนวมออกมา แต่ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออกราวกับมีอะไรรั้งไว้
เธอตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นและรีบพูดขึ้น : "ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันทำตัวไม่ดี... "
แต่รออยู่พักหนึ่งก็ไม่มีเสียงใดๆดังขึ้น
Elena จึงลุกขึ้นยืนอย่างสั่นเทา ก่อนจะชะเง้อมองพบว่าผ้านวมติดอยู่กับส่วนที่ยื่นออกมาของโลงศพ
เธอดึงผ้าห่มออกมาห่อหุ้มร่างกายไว้อย่างไม่คิดใส่ใจว่ามันสกปรกหรือเปล่า
เมื่ออยู่เพียงลำพัง นิสัยต่างๆรวมถึงการเสแสร้งก็ถูกลบล้างไปจนหมด
เธอร้องไห้ขึ้นมาและพูดกับตัวเองว่า : "ฉันยังไม่อยากตาย หัวของฉันเจ็บมากเลย! พระเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทั้งปวง ถ้าหากพวกท่านมีอยู่จริงได้โปรดมาช่วยฉันด้วยเถอะ!"
คำพูดของเธอถูกตอบสนองด้วยความสยดสยองภายในห้องใต้ดินขนาดใหญ่แห่งนี้ จนทำให้เธอหดตัวลงอีกครั้ง
การห่อตัวด้วยผ้านวมเช่นนี้ทำให้เธอไม่หนาวอีกต่อไป
เธอจำไม่ได้ว่าเธอทิ้งอันหรันไว้ที่นี่นานแค่ไหน แต่ถ้าหากนับเวลาคร่าวๆเธอน่าจะถูกขังไว้ที่นี่ราวๆ 4-5 ชั่วโมงได้
4-5 ชั่วโมงที่จะทำให้เธอเป็นบ้าตาย!
แต่ความเกลียดชังที่มีต่ออันหรันนั้นแทบจะมาถึงจุดสูงสุด
"นังผู้หญิงคนนี้ เป็นเพราะแกคนเดียวเลย! ฉันแค่สั่งสอนนิดหน่อย แต่แกกลับจะฆ่าฉัน! ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยโดนกระทำเช่นนี้เลย ทั้งยังตีหัวฉันอีก ถ้าหัวของฉันได้รับแรงกระทบจนเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง"
Elena ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเธอออกไปได้แล้ว พี่สาวน้องสาวและเพื่อนคนอื่นๆของเธอจะมองเธอยังไง
เรื่องที่เกิดวันนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ใหญ่จนคนอื่นรู้ไปทั่วหมดแล้ว และยังรู้ว่าเรื่องนี้เธอเป็นคนร้าย
ศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีก็ไม่เหลือแล้ว
ทันใดนั้นเอง หน้าต่างบานเล็กที่อยู่เหนือศีรษะของเธอก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน
มีสิ่งของบางอย่างถูกโยนลงมาข้างล่าง
Elena รู้สึกใจชื้นขึ้นมาก่อนจะรีบตะโกน : "มีใครอยู่ไหม ช่วยฉันด้วย มาช่วยฉันด้วย!"
แต่แล้วหน้าต่างก็ถูกปิดลง และไม่มีใครตอบรับเสียงของเธอเลยสักคน
เธอรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงมองดูสิ่งที่ถูกโยนลงมา พอเห็นว่าเป็นอะไรเธอก็ดีใจขึ้นมาทันที
ถุงน้ำร้อนสองสามถุงถูกโยนลงมาจากด้านบนพร้อมกับห่ออาหารอุ่นหนึ่งห่อ เห็นได้ชัดว่านำมาให้เธอประทังชีวิตให้รอดพ้นจากช่วงนี้ไปก่อน
แม้ว่ารอบตัวจะมืดมนน่ากลัวเป็นอย่างมากและบนตัวของเธอที่ห่อหุ้มด้วยผ้านวมที่มีผงขี้เถ้าจากโครงกระดูก
แต่ตอนนี้ความหิวของเธอเอาชนะทุกอย่าง
เธอเปิดห่อของกินออก ก่อนจะยัดลงในปากทันที
หลังจากกินจนท้องเริ่มแน่น เธอถึงยอมวางอาหารออกจากมือ
ทันใดนั้นภายในใจของเธอก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาและมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก!
อันหรันพักที่คฤหาสน์ Dallas จนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น ฮัวเส้าซู่จัดเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนเพื่อมารับตัวเธอ
จากนั้นจึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกลางก่อนถึงกลับไปที่โรงแรมแห่งชาติ
ในระหว่างเดินทางเธอรู้สึกตัวขึ้นมาสองครั้งและสิ่งแรกที่เธอทำหลังจากนั้นคือมองหาฮัวเทียนหลันไปทั่วทุกที่
หากฮั่วเทียนหลันไม่อยู่ เธอก็จะสูญเสียการควบคุมเล็กน้อย
ฮั่วเทียนหลันจึงทำได้เพียงวางทุกอย่างลงจากมือและคอยอยู่ดูแลเธอข้างๆ
เมื่อมองอันหรันที่นอนอยู่บนเตียง สีหน้าและท่าทางของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมา
ฮั่วเทียนหลันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เพิ่งรู้จักกับอันหรัน
เขาเกลียดเธอมาก ไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ และคอยทำทุกวิถีทางเพื่อขับไล่เธอออกไปจากชีวิต
และทุกครั้งอันหรันก็จะยอมอยู่เงียบๆ ไม่คิดต่อต้าน
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย เธอกลับพุ่งเข้าใส่อย่างกล้าหาญและผลักเขาออกไปด้านข้างแทน โดยไม่คิดเสียดายชีวิตตัวเอง
ผู้หญิงเช่นนี้ เขายังเคยสงสัยในความจริงใจของเธอ
เมื่อคืนเขากลัวจริงๆว่าจะเสียเธอไป
เรื่องเข้าใจผิดอะไรที่เคยเกิดขึ้นมันไม่สำคัญอีกต่อไป
เธอดีกับเขามาก และเขาก็เข้าใจความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเธอแล้ว
ถ้าเช่นนั้นก็มาเริ่มต้นชีวิตสามีภรรยาไปด้วยกันเถอะ!
อันหรันสลบไปสองวัน ระหว่างนั้นจึงต้องอาศัยอาหารเหลวเพื่อช่วยให้ฟื้นตัว
แต่เธอก็ทานได้ไม่มากนัก เนื่องจากอาการปวดหัวจึงทำให้พลอยไม่อยากอาหารไปด้วย
รอจนเธอฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้วถึงได้พบว่าตัวเธอผอมลงไปมากเลยทีเดียว
เธอเหลือบมองไปที่ด้านข้างของเธอ ตอนนี้ฮั่วเทียนหลันกำลังกุมมือเธอเอาไว้ พร้อมกับหลับตาเอนหลังลงบนโซฟาเพื่อพักผ่อน
อันหรันนึกถึงช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมาที่เขาคอยดูแลเธอแต่ก็พบว่าความทรงจำของตัวเองเริ่มเลือนรางมากเต็มที
จำได้เพียงว่าเขามาช่วยเธอเอาไว้ก่อนที่จะสลบไป
เธอยื่นมือออกไปอย่างต้องการสัมผัสฮั่วเทียนหลัน
แต่ทันทีที่เธอขยับ ฮั่วเทียนหลันก็ลืมตาขึ้นมาทันใด
เขาเพียงแค่พักสายตาจึงทำให้ตื่นขึ้นมาอย่างเร็ว
"เธอตื่นแล้วเหรอ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หิวไหม ฉันให้แม่ครัวจัดเตรียมโจ๊กบำรุงร่างกายไว้ให้แล้ว รอสักครู่เดี๋ยวฉันไปอุ่นให้"
พูดจบฮั่วเทียนหลันก็ลุกขึ้นยืน
อันหรันรีบจับมือของฮั่วเทียนหลันเอาไว้ ก่อนจะออกแรงรั้งไม่ให้เขาเดินออกไป : "คุณชายฮั่วอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนเถอะค่ะ!"
ฮั่วเทียนหลันหันไปมองอันหรัน สายตาขอร้องอ้อนวอนของเธอทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง
"อืม" เขานั่งลงก่อนจะจับมือของอันรันด้วยมือทั้งสองข้าง
"ก่อนหน้านี้ฉันทำให้คุณเดือดร้อนหรือเปล่า" อันหรันเอ่ยถึงเรื่องเดิมอีกครั้ง
ฮั่วเทียนหลันส่ายหน้าก่อนจะเอ่ย : "ไม่ ใครทำผิดก็ควรได้รับบทลงโทษ ฉันจัดการลงโทษเขาเรียบร้อยแล้วล่ะ"
“ถ้าเพราะฉันทำให้คุณต้องมีศัตรูขึ้นมาเพิ่ม ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก ... ” อันหรันเสแสร้งแกล้งทำตัวสบายดี แต่เพียงขยับเล็กน้อยหัวของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที
ฮั่วเทียนหลันมองดูท่าทีของเธอ ก่อนจะรีบจับตัวเธอเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้น : "ใครบอกให้เธอขยับ! รู้หรือเปล่าว่าเธอยังต้องพักฟื้นจากการถูกแรงกระแทกที่หัว"
อันหรันตอบรับเสียงอู้อี้ คำพูดดุเธอของฮั่วเทียนหลันนั้นเธอไม่โกรธเลยสักนิด
เพราะเธอฟังออกว่าผู้ชายคนนี้กำลังเป็นห่วงเธอ
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนโยนของเธอ ฮั่วเทียนหลันก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจเล็กน้อย
เธอเป็นคนซื่อสัตย์เกินไปไม่เคยคิดต่อต้านคนอื่น ถึงได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากผู้คนมากมายเช่นนี้
ผู้หญิงเพียงคนเดียว ที่ไม่แม้แต่จะปกป้องตัวเองได้ ทั้งยังเอาแต่พูดถึงเรื่องตัวเองเป็นภาระให้เขาตลอดทั้งวัน
“คุณชายฮั่ว คุณจัดการธุระทางนี้เสร็จแล้วเหรอคะ” อันหรันเปลี่ยนเรื่อง
ฮั่วเทียนหลันพยักหน้า : "ส่วนที่เหลือเดี๋ยวเส้าซู่จัดการ"
อันหรันอืมตอบ ก่อนจะถามขึ้นอย่างหยั่งเชิง : "งั้นฉันกลับจีนก่อนได้ไหมคะ"
"ได้ แต่ทำไมเธอต้องกลับไปเองคนเดียวล่ะ ฉันเกะกะมากเหรอ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง