โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 310

เมื่อนึกถึงชายคนนั้น หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกว่าริมฝีปากของเธอรู้สึกเสียวซ่า

ช่างป่าเถื่อนและไร้ยางอายเกินไปแล้ว

ทำไมคนคนนี้ถึงได้ไม่มีเหตุผลขนาดนี้

เมื่อมองเสื้อสูทที่ถูกตัดจนขาด ก็ยิ่งทำให้เธอไม่สามารถระบายความโกรธข้างในใจออกไปได้

ก่อนจะหยิบคว้ามันและนำไปโยนทิ้งถังขยะข้างนอกตัวบ้านที่อยู่ชั้นล่าง

หึ กล้ารังแกฉันแบบนี้ ฉันจะแก้แค้นนายให้หนักกว่านี้เลยคอยดู!

หลังจากกลับเข้ามาในห้องนอน เธอก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

และแช่ตัวอยู่ในห้องน้ำนานกว่าสองชั่วโมง จนผิวหนังของเธอเริ่มแดงเถือกเธอถึงเดินออกมา

หยางหลิงรุ่ยนอนอยู่บนเตียงก่อนจะหยิบมือถือขึ้นดูสักพัก แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้กดโทรหาพี่ชายใหญ่ของเธอ

ทันใดนั้นเอง มือถือของเธอก็สั่นขึ้นเนื่องจากมีข้อความส่งมาในวีแชท

เธอชำเลืองมองเล็กน้อยก่อนจะหรี่ตาลง เป็นจางรันที่ส่งข้อความมา

หลังจากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกละอายใจต่อจางรันเล็กน้อย

"หลิงรุ่ย นอนหรือยัง"

"ยังค่ะ"

"เมื่อคืนเธอไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันเห็นเธอใส่เสื้อสูทของผู้ชาย"

"เมื่อตอนค่ำอากาศค่อนข้างหนาว ตอนที่ฉันเดินเล่นริมแม่น้ำฉันเจอผู้ชายใจดีคนหนึ่ง เขาเห็นว่าฉันหนาวจนตัวสั่นจึงถอดเสื้อสูทให้กับฉันน่ะ นี่ก็ว่าวันหลังจะให้คนเอาเสื้อไปคืนเขาให้อยู่เหมือนกัน"

หยางหลิงรุ่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อยเเพราะเธอพึ่งเคยโกหกเป็นครั้งแรก

ความจริงแล้วผู้ชายคนนั้นทำเสื้อผ้าของเธอเปียกและยับเยินไปหมด เธอจึงจำเป็นต้องใส่เสื้อสูทของเขา

“อืม…ผู้ชายคนนั้นช่างเป็นคนดีจริงๆ!”

เดิมทีจางหรันอยากจะใส่เครื่องหมายคำพูดตรงคำ'คนดี' แต่พอคิดแล้วก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างชัดเจนเกินไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์เพื่อแสดงความไม่พอใจ

ภาษาจีนได้รับการสืบทอดมาเป็นเวลาหลายพันปี คำคำเดียวกันแต่ถ้าใส่เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์อื่นๆลงไปด้วยก็สามารถตีความได้แตกต่างกัน

จางรันจับมือถือบนมือแน่น

หลังจากหยางหลิงรุ่ยเดินจากไป เขาได้ยืนรออยู่ที่ทางเดินสักพัก

และเขาก็เห็นผู้ชายคนที่เขาเกลียดนักหนาคนนั้น

ฮั่วเทียนหลันเดินตรงออกมาโดยสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตเท่านั้น

สายตาที่ดุร้ายของเขาถูกฮั่วเทียนหลันมองข้ามไม่สนใจ

ในตอนที่เขากำลังจะเดินผ่านไป จางรันจึงเอื้อมมือไปคว้าเสื้อของฮั่วเทียนหลันไว้

“ประธานฮั่วครับ คุณหยางเป็นผู้หญิงของผม!” จางรันเน้นเสียงสี่คำสุดท้าย

ในตอนนั้นเองฮั่วเทียนหลันถึงได้ตระหนักว่ามีบุคคลเช่นนี้ยืนอยู่ข้างๆเขา เขามองไปที่จางรันอย่างไม่แยแส ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง : "ปล่อย!"

จางรันหยุดนิ่งสองสามวิ แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือ

แม้ว่าจะรู้ว่าฮั่วเทียนหลันเคยติดต่อกับหยางหลิงรุ่ยมาก่อน แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานมายืนยัน

และฮั่วเทียนหลันเป็นคนที่เขาจะไปยั่วยุได้ที่ไหนกัน

"ฉันจำนายได้ นายคือจางรัน และนายได้ร่วมลงทุนในโครงการบางอย่างที่เมื่อ Z" คำพูดของฮั่วเทียนหลันแฝงไปด้วยน้ำเสียงข่มขู่ชัดเจน

จางรันนิ่งงัน ในตอนที่ได้สติและกำลังจะเอ่ยขึ้นมานั้นฮั่วเทียนหลันก็เดินออกไปไกลแล้ว

เขามองไปที่ร่างของผู้ชายคนนี้ที่ห่างออกไป ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

จางรันคิดมาตลอดว่าการที่ตนพยายามดิ้นรนจนถึงตอนนี้จะสามารถแข่งกับผู้ชายคนนี้ได้อย่างทัดเทียม แต่ใครจะรู้ว่าตนนั้นถูกกดให้ต่ำได้เพียงประโยคไม่กี่ประโยคที่เขาเอ่ยออกมา

“ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ!” เป็นครั้งแรกที่จางรันคุยกับหยางหลิงรุ่ยและเป็นคนเอ่ยปิดบทสนทนาเช่นนี้

"อืม... " หยางหลิงรุ่ยเองก็รู้สึกเศร้าในใจเล็กน้อย

จางรันรู้สึกกลัดกลุ้มใจ เขาปิดหน้าจอมือถือก่อนจะโยนไปด้านข้าง

ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นอีกรอบ

เขาหยิบมันมาดูและพบว่าเป็นข้อความจากหยางหลิงรุ่ย : "อารัน... "

“มีอะไรหรือเปล่า”

"เปล่า ไม่มีอะไร... วันนี้คุณเหนื่อยมากแล้ว รีบเข้านอนด้วยนะ แล้วก็อย่าลืมอาบน้ำ... "

หยางหลิงรุ่ยลังเลอยู่นาน แต่ก็ยังไม่ได้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ออกมา

หลังจากกลับมา เธอได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฮั่วเทียนหลันบนอินเทอร์เน็ต เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ได้ครอบครองทรัพย์สินมหาศาลของฟาเรนไฮต์ และยังมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์...

คำชมเชยและเยินยอมากมายที่ถูกเขียนลงในนั้นทำให้คนอ่านแทบตาลาย

ต่อมาเธอก็เห็นชื่ออันหรันที่ถูกพูดขึ้นโดยผู้ชายคนนั้น

มีทั้งเสียงชื่นชมและคำวิพากษ์วิจารณ์ปะปนกันไป แต่สุดท้ายก็น่าสังเวชที่ต้องจบชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีลูกสาวเพียงคนเดียวที่หลงเหลือไว้ให้ดูต่างหน้า

เมื่อมองดูรูปถ่ายที่ค่อนข้างเบลอของอันหรันแล้วก็รู้สึกว่ามีความคล้ายตัวเองอยู่มากเหมือนกัน

ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายคนนั้นจะมองผิดไป!

จู่ๆหยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจขึ้นมาเสียดื้อๆ

เธอรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเธอเป็นคนที่ค่อนข้างอินกับอะไรง่ายๆ และเมื่อสักครู่คงคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่ชื่ออันหรันอยู่ล่ะมั้ง

เธอนอนอยู่บนเตียงสักพัก แต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับสักที

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

วิธีการเคาะที่คุ้นเคยนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยตัวสั่นขึ้นมา

แย่แล้ว เธอลืมเรื่องสำคัญไปเลย เพราะวันนี้มั่วแต่อารมณ์เสียให้กับผู้ชายที่ชื่อฮั่วเทียนหลันจนลืมไปรับชิงหรงมา

เธอรีบลุกจากเตียงและเดินไปเปิดประตู

ด้านนอกประตู ชิงหรงปากคว้ำ รอบดวงตาของเธอขึ้นสีแดง ใบหน้าเล็กน่ารักของเธอยับยู้ยี้เพราะความโกรธ

พี่สะใภ้ตงเหยียนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับจึงเอ่ยขึ้น : "หรงหรงแกนอนไม่ได้ ขยับตัวพลิกไปมาไม่ยอมหลับสักทีเพราะอยากกลับมาที่นี่ ถ้าหากไม่ได้กลับมาเกรงว่าแกจะไม่ยอมนอนจริงๆ ฉันก็เลยทำได้แค่พาแกมาส่ง ... "

หยางหลิงรุ่ยยิ้มขึ้นอย่างรู้สึกผิดก่อนจะเอ่ย : "พี่สะใภ้ไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวหรงหรงฉันจะดูแลเอง ฉันกลับมาด้วยความรีบร้อนและคิดว่าหรงหรงคงหลับไปแล้วก็เลยไม่ได้ไปรับแกมา"

ตงเหยียนตอบรับก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วเดินลงไปที่ชั้นล่าง

หยางหลิงรุ่ยโน้มตัวลงไปเพื่อที่จะอุ้มหรงหรง

แต่ชิงหรงกลับผลักเธอออก ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : "คุณแม่นิสัยไม่ดี!"

หยางหลิงรุ่ยไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย เธอก้มลงไปอุ้มตัวชิงหรงแกมบังคับพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกขอโทษ : "ขอโทษนะลูกรัก วันนี้หัวใจของคุณแม่ก็สับสนมากเลย"

“เพราะงั้นถึงไม่ต้องการหนูแล้วใช่ไหม” ชิงหรงเอ่ยขึ้นมาฉับพลัน

หยางหลิงรุ่ยถอนหายใจ เธอโน้มใบหน้าเข้าไปแนบกับชิงหรงก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "ฉันจะไม่ต้องการลูกรักของฉันได้อย่างไรกัน"

หยางหลิงรุ่ยปลอบชิงหรงอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะนอนหลับไปบนเตียงข้างๆ แต่ตัวเธอเองกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด

ชิงหรงหน้าคล้ายเธอมาก แต่ไม่รู้ว่าคิ้วและตานั้นเหมือนใคร

ทันใดนั้นเองสมองของเธอก็ปรากฎหน้าผู้ชายคนหนึ่งที่เธอพบเมื่อตอนเย็น

คิ้วและดวงตานี้ไม่ใช่เหมือนอย่างเขาเป้ะๆเลยหรือ

ชิงหรงพูดพึมพำขึ้นมาสองสามคำ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่นราวกับกำลังฝันร้าย

หยางหลิงรุ่ยรู้สึกไม่สบายใจ เธอลูบหัวของคนตัวเล็กเบาๆจนคิ้วของอีกฝ่ายคลี่ออกจากกันเธอถึงได้วางใจ

ชิงหรงเป็นลูกสาวของเธอ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมแล้ว

แต่หยางหลิงรุ่ยไม่เคยเอ่ยถึงพ่อของเจ้าตัวเลยสักครั้ง เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าพ่อของลูกเธอคือใคร

เธอเคยถามพี่ชายใหญ่อยู่หลายครั้ง พี่ชายใหญ่บอกเธอว่าเด็กคือคนที่เธอพามาด้วยปีไหนสักปี

อาจจะเก็บมาได้จากข้างถนนอย่างนั้นน่ะเหรอ

แต่หยางหลิงรุ่ยไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะถ้าหากเก็บมาจากข้างถนนจริง แล้วทำไมหน้าตาของเจ้าตัวถึงได้คล้ายกับเธอมากเช่นนี้

ต่อมาก็มีคำตอบอย่างขอไปทีว่าพ่อของเด็กตายไปแล้ว

แต่แม้จะเป็นคำตอบแบบส่งๆแต่ดูเหมือนว่าทั้งครอบครัวจะถูกอบรมมาเช่นเดียวกัน เพราะทุกคนต่างก็ตอบเธอเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าเป็นเช่นนั้น

ทุกครั้งที่เธอต้องการนึกถึงเรื่องราวของชิงหรง สมองของเธอก็เจ็บปวดจนทำให้เธออยากร้องไห้

พี่ชายใหญ่บอกว่า ตอนที่เธอตกบันไดครั้งนั้นเธอเกือบจะไม่มีชีวิตรอด

หรือไม่ก็อาจจะเป็นอัมพาตตลอดชีวิต แต่เพราะได้รับการรักษาทางการแพทย์แบบสมัยใหม่จึงทำให้เธอมีชีวิตรอดกลับมาอย่างคนปกติ

การปวดหัวหรือสูญเสียความทรงจำนั้นจึงแทบจะเทียบอะไรไม่ได้เลย

ชิงหรงเติบโตขึ้นทุกวัน แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หยางหลิงรุ่ยรู้ดีว่าชิงหรงเองก็ต้องการพ่อเช่นเดียวกัน

เธอเคยได้ยินใครบางคนหลุดปากบอกว่า ก่อนหน้านี้ชิงหรงเรียกพี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้ว่าคุณพ่อและคุณแม่อีกด้วย

แต่หลังจากที่มีเธอก็ไม่เคยเรียกแบบนั้นอีกเลย

หลังจากที่มีเธอมันหมายความว่าอย่างไรกันนะ หยางหลิงรุ่ยรู้สึกว่าชีวิตของเธอช่างมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่ยากจะเข้าใจจริงๆ

แต่เธอกลับไม่กล้าที่จะคิดใคร่ครวญ

"คุณแม่ ... " เสียงเล็กนุ่มนวลของชิงหรงดึงหยางหลิงรุ่ยกลับมาจากห้วงความคิด

"เป็นอะไรคะลูกรัก หิวน้ำเหรอ" หยางหลิงรุ่ยเอ่ยถามอย่างห่วงใย ลูกสาวของเธอมักจะกระหายน้ำในตอนกลางคืน ดังนั้นเธอจึงต้องเตรียมน้ำอุ่นไว้เสมอ

ชิงหรงส่ายหัว รอบดวงตาของเธอขึ้นสีแดงก่ำ : "เมื่อกี้หนูฝันว่าคุณแม่หายไป ถูกคนเลวจับตัวไป!"

“จะเป็นไปได้อย่างไร คุณแม่อยู่ข้างหรงหรงตลอด และจะอยู่ดูหนูเติบโตไปเรื่อยๆ!” หยางหลิงรุ่ยพูดปลอบโยนอย่างใจเย็น อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ไปรับหรงหรงกลับมาด้วยในวันนี้ จึงทำให้หรงหรงรู้สึกเสียใจจนเก็บมาฝันเช่นนี้

“แต่หนูฝันถึงคุณพ่อด้วย!”

"อ่า... " หยางหลิงรุ่ยตกตะลึง ทันใดนั้นร่างของฮั่วเทียนหลันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ เธอรู้สึกมันช่างเหลวไหลสิ้นดีก่อนจะรีบส่ายหัวอย่างแรงเพื่อสะบัดภาพความคิดออกไปจากหัว

“หรงหรงฝันเห็นหน้าคุณพ่อด้วยหรือเปล่าคะ”

แต่ชิงหรงกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอพูดขึ้นสองสามคำก่อนความง่วงจะเข้ามาเล่นงานอีกครั้ง

เปลือกตาบนและล่างต่อสู้กันอย่างหนัก ก่อนจะพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่ายและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอหลับสนิทไปแล้ว หยางหลิงรุ่ยจึงลุกขึ้นและกลับไปที่เตียงของตน

เธอเหลือบมองเวลาก่อนจะพบว่าตอนนี้ปาไปตีสองกว่าๆแล้ว

เธอหดตัวลงบนเตียงอย่างไม่รู้สึกง่วง ในหัวของเธอหลันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่หยุดหย่อน

เจือบจนท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเธอถึงได้หลับไป

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็รู้สึกปวดบริเวณดวงตาไปหมด ก่อนจะมึนงงสับสนอยู่ครู่นึงถึงจำได้ว่าตนเองเป็นใคร

เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียง และทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดถูกออกเบาๆ

ใบหน้าน่ารักของชิงหรงโผล่ออกมาจากรอยแยกของประตู : "คุณแม่หลับสบายดีไหมคะ"

หยางหลิงรุ่ยขยี้ตาที่ปวดร้าวของเธอ ก่อนจะเหลือบมองเวลาแล้วพูดขึ้นเบาๆ : "ขอโทษนะลูกรัก วันนี้คงจะไปส่งหนูไปโรงเรียนไม่ทันแล้ว"

ชิงหรงเดินเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูลง ตอนนั้นเองหยางหลิงรุ่ยถึงได้มองเห็นว่าเธอถือจานอยู่ในมือ

บนจานมีนมหนึ่งแก้ว ขนมปังหนึ่งแผ่นและไข่หนึ่งฟอง มองดูเป็นอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเลยทีเดียว

"หนูไปโรงเรียนเองได้แล้วค่ะ คุณแม่ทานข้าวเช้านะคะ"

ชิงหรงยื่นจานส่งมาให้ หยางหลิงรุ่ยรับมันและวางไว้ด้านข้าง

เธอลุกขึ้นตรวจดูกระเป๋านักเรียนของชิงหรง จากนั้นจึงจัดการดูความเรียบร้อยของชุดของชิงหรงที่หน้ากระจก

หลังจากเห็นว่าครบเรียบร้อยแล้ว เธอจึงจะหยิบขนมปังขึ้นมา

แต่ยังไม่ทันที่มือจะโดนขนมปัง ก็ถูกชิงหรงห้ามขึ้นมาก่อน

“คุณแม่ยังไม่ล้างมือเลย!”

“โอ้ ขอโทษนะลูกรัก... ”

เนื่องจากหยางหลิงรุ่ยนอนไม่ค่อยหลับ เธอจึงรู้สึกเบลอเล็กน้อยจนลืมเรื่องเหล่านี้ไป

หลังจากไปล้างมือมาเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับมาทานอาหารเช้า

ลูกสาวมองเธอด้วยใบหน้าจริงจัง รอเธอทานอาหารเช้าเสร็จ เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาพอจึงเธอจึงไปส่งลูกที่โรงเรียน

โรงเรียนได้รับเงินทุนและสร้างขึ้นมาโดยตระกูลหยางด้วยเงินจำนวนมาก ครูของที่นี่ได้รับคัดเลือกมาอย่างมีคุณภาพ แต่ชิงหรงกลับเรียนที่นี่เหมือนนักเรียนคนอื่นๆทั่วไป ไม่มีการได้รับการดูแลเป็นพิเศษแต่อย่างใด

พี่ชายใหญ่บอกว่าเด็กควรมีความธรรมดาและรู้จักคบค้าสมาคมกับคนอื่น ไม่ใช่ทำตัวไม่เข้าพวก

อันหรันเคี้ยวขนมปังพร้อมทั้งดื่มนมไปด้วย

เธอมองดูลูกสาวอย่างจริงจัง ในใจพลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

เธอคิดว่าตนเองต้องสมองกลับแล้วแน่เลย ทำไมต้องเอาลูกสาวของตนเองไปเปรียบเทียบกับฮั่วเทียนหลันอยู่เช่นนั้นด้วยนะ

คิ้วและดวงตาเหมือนกัน นิสัยก็เหมือนกัน ...

หรือว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์แบบรักคืนเดียวกับเขาอย่างในละครจริงๆ

เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย เป็นไปไม่ได้!

เธอรีบโยนความคิดบ้าบอนี้เข้าไปในกระดูกทันที

ลูกของเธอเป็นเด็กหญิงที่น่ารักขนาดนี้ ไม่มีทางเหมือนกับนายนักโทษข่มขื่นคนป่าเถื่อนไร้ยางอายคนนั้นได้หรอก

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเป็นทางการขึ้นมาหน่อย จากนั้นจึงจูงมือชิงหรงลงไปยังชั้นล่าง

ตอนเธอออกมาเธอได้ยินเสียงทะเลาะกันที่ชั้นล่าง

เสียงแหลมคมของผู้หญิงและเสียงที่พยายามพูดคืนดีของผู้ชาย ทำให้เธอส่ายหัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ใช่ พี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้กำลังทะเลาะกันอีกแล้วล่ะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง