“ใครเป็นคนพูดว่าเธอคือตัวซวยของตระกูลหยาง!”
หยางหลินยังไม่ทันได้ตอบกลับ ก็มีเสียงที่น่าประทับใจก็ดังมาจากด้านหลัง
น้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้ ทำให้เขาหันกลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และคนที่มานั้นก็คือพี่ใหญ่
หยางหยวนพาเขามาหาหยางหลิน
เขาเห็นไฟสีแดงที่ติดอยู่หน้าห้องผ่าตัดจึงขมวดคิ้ว แต่เพื่อไม่ทำให้หยางหลิงรุ่ยต้องกังวล เขาก็เลยเลิกทำ เขาค่อยๆยื่นมือไปลูบผมของหยางหลิงรุ่ยเบาๆ
“ไม่ต้องกังวล เขาจะต้องไม่เป็นไร”
“พี่ใหญ่.....” เสียงของหยางหลิงรุ่ยสั่น เธอกอดมาที่ขาของหยางหยวน ตัวเธอสั่นไปทั้งตัว
หยางหยวนไม่ได้พูดอะไร เขาถอนหายใจออกมา และลูบไปที่หลังของเธอเบาๆ
“หลิงรุ่ย อย่ากลัวไป ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเอง”
ทุกคนกำลังรออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด แต่จู่ๆประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกมา
พยาบาลท่านหนึ่งรีบวิ่งออกมาพร้อมตะโกนว่า “ใครเป็นญาติของคนไข้!”
“ฉัน ฉันเป็น.....” หยางหลิงรุ่ยรีบลุกขึ้น แต่ด้วยอารมณ์ที่เศร้าและนั่งนานเกินไปเธอเวียนหัวและล้มลงกับพื้น
หยางเทียนรีบเข้ามาพยุงเธอ และพูดออกมาว่า “คุณพยาบาล เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
นางพยาบาลรีบตอบออกมาว่า “ตอนนี้ผู้ป่วยเสียเลือดออกมาก และยังคงถ่ายเลือดต่อไป แต่ผู้ป่วยมีเลือด RH ที่หายากและไม่มีเลือดชนิดดังกล่าวเหลืออยู่ในคลังเลือด”
ประโยคนี้ทำให้คนที่ล้มลงไปอย่างอ่อนแรงแบบหยางหลิงรุ่ยถึงกับตะลึง
เธอพูดออกมาอย่างสิ้นหวังว่า “คุณพยาบาล คุณพยาบาล ขอร้องหละ ช่วยหาเลือดให้เขาที ช่วยชีวิตเขาด้วย!”
หยางหลิงรุ่ยไม่กล้าที่จะจินตนาการ ถ้าหากจางรันต้องมีเหตุการเสียชีวิตจากเธอ หลังจากนี้เธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
เธอเลือดกรุ๊ป AB ไม่เหมือนใครสักคนในตระกูลหยาง
หยางหยวนขมวดคิ้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรให้คนรีบหาเลือดชนิดนี้ให้
และพยาบาลคนนี้จะติดต่อสถานีวิทยุกระจายเสียงของโรงพยาบาล เพื่อหาว่ามีคนกรุ๊ปเลือด RH ที่อยู่ในโรงพยาบาลหรือไม่
เวลาที่ผ่านไป ยิ่งทำให้ความหวังของหยางหลิงรุ่ยค่อยๆเลือนลาง
เธอรู้ดีว่า จางรันอาจจะหมดหวังแล้ว
แม่ของจางรันมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับเขา แต่เธออยู่ที่ประเทศm ต่อให้นั่งเครื่องบินที่เร็วที่สุดมา กว่าจะถึงก็คงสายไปแล้ว
ตอนนี้ฉันทำได้เพียงอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อให้เขามีโอกาสมีชีวิตอยู่
แต่จู่ๆก็มีพยาบาลอีกคนเดินเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูพยาบาลคนนี้
พยาบาลหญิงดูเคร่งขรึมและดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเธอก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ได้ ร่างกายของคนไข้อ่อนแอมากจะถ่ายเลือดได้อย่างไร?”
ถ่ายเลือด? เมื่อได้ยินสองคำนี้ หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกว่าเธอเห็นความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณพยาบาล มีเลือดแล้วใช่ไหมคะ หาคนที่มีเลือดตรงกันกับเขาได้แล้วใช่ไหมคะ?” หยางหลิงรุ่ยยื่นมือออกไปเขย่าแขนของนางพยาบาล
เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้เธอเหมือนกับคนที่ตีโพยตีพายอะไรไปเอง
พยาบาลเอามือของเธอออกแล้วตอบอย่างหลีกเลี่ยง “ขอโทษด้วยนะคะ เงื่อนไขของคนนั้นไม่เพียงพอ”
“เป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร? เขาคือใคร ฉันจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้! แค่เขายอมถ่ายเลือด อยากได้อะไรฉันก็ยอม!” การใช้ชีวิตในครอบครัวของนักธุรกิจเป็นเวลานาน หยางหลิงรุ่ยก็ซึมซับนิสัยเหล่านั้นมาบ้าง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอไม่อยากเห็นความหวังที่มีอยู่ตรงหน้าหลุดลอยไป และปล่อยให้จางรันต้องตาย
พยาบาลยังคงลังเล และหยางหยวนที่สังเกตเห็นกิริยาของพวกเธอจึงไอออกมาหนึ่งครั้งแล้วพูดออกมาว่า “เชิญ ผอ. ของพวกคุณมาที!”
พยาบาลมองมาที่ชายวัยกลางคนคนนี้ด้วยความประหลาดใจ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยทำไมต้องเรียก ผอ. มาด้วย?
ในโรงพยาบาลนี้มีคนไข้เยอะแยะมากมาย ถ้าหาก ผอ. ต้องออกมารับหน้าตลอด เขาจะไม่ต้องวิ่งจนขาหักหรอ?
เธอกำลังจะพูดออกมา แต่ในตอนนั้นหยางเทียนก็พาคนใส่ชุดคลุมสีขาวมาสองสามคน
ผอ. ของโรงพยาบาลกลางวิ่งเหงื่อท่วมมาพร้อมกับพุงกางๆของเขา
“คุณหยาง คุณมาด้วยตัวเองเลยหรอ ทำไมไม่บอกกันก่อนสักคำ!”
ผอ. โรงพยาบาลโค้งตัวเพื่อเป็นการทักทาย แต่หยางหยวนกลับทำหน้านิ่งๆพร้อมพูดออกไปว่า “ตอนนี้ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณหนึ่งเรื่อง”
“ขอร้อง? ไม่ต้องขนาดนั้นครับ คุณหยางมีอะไรให้ผมช่วยบอกมาได้เลยครับ แค่คุณหยางมาหาผมก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว!”
ผอ. โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นเด็กกำพร้า และเติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของตระกูลหยาง ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนหรือค่าอาหาร ตระกูลหยางเป็นคนจัดการให้เขาจนเขามีทุกวันนี้ได้
สำหรับตระกูลหยางแล้ว โดยเฉพาะเป็นหยางหยวนผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เขาเคารพอย่างใจจริง
หยางหยวนไม่ได้พูดอะไร เขาแค่มองมาที่นางพยาบาลคนนั้น
นางพยาบาลรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร เธอจึงเดินมากระซิบข้างๆหูของ ผอ. สองสามคำ
ตอนแรกสีหน้าของ ผอ. ก็ดูผ่อนคลาย แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพยาบาลพูดออกมาแล้วสีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมา
เขาลังเลอยู่นาน จนสุดท้ายก็กัดฟันพูดขึ้นมาว่า “คุณหยาง รอผมสักครู่ ผมจะไปติดต่อกับเขาเดี๋ยวนี้”
ผอ. รีบเดินไปที่ลิฟท์ หยางหลิงรุ่ยก็เดินตามไป หยางเทียนเดินตามหลังเธอไปอีกที
เมื่อเห็นลิฟท์หยุดที่ชั้นบนสุด หยางหลิงรุ่ยถึงกับตะลึง
ที่ชั้นบนสุดมีคนไข้อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น กรุ๊ปเลือดของบอดี้การ์ดหลายสิบคน โรงพยาบาลแห่งนี้คนยังไม่เคยตรวจสอบ
หรือว่าจะเป็นฮั่วเทียนหลันที่มีเลือดRH?
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เธอจู่ๆเธอก็ถามกับตัวเองว่าควรออกไปดีไหม
ร่างกายของฮั่วเทียนหลันเป็นอย่างไร เธอเองก็รู้ดี
เขาเป็นคนป่วย และเขาก็เพิ่งติดเชื้อมา เขาอ่อนแอมาก
ด้านหนึ่งเป็นคนที่อ่อนแอ อีกด้านหนึ่งคือคนที่พร้อมจะตาย
หยางหลิงรุ่ยลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะก้าวออกไปจากลิฟท์
ออกจากลิฟท์มาได้ไม่นาน เธอก็เห็น ผอ. ถูกบอดี้การ์ดขวางทางอยู่ เขาจึงพูดออกไปอย่างกระวนกระวายใจว่า “รบกวนคุณช่วยไปบอกท่านประธานฮั่วหน่อยว่า ฉันมีเรื่องด่วนจะมาขอพบ”
แต่บอดี้การ์ดก็ส่ายหัวและพูดว่า “ท่านประธานไม่รับแขก!”
ผอ. ร้อนรน เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
แต่ตอนนั้นผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเขาก็พูดขึ้นมา “งั้นฉันขอพบคุณฮั่วได้ไหม?”
“คุณหนูหยาง เชิญเลยครับ!” บอดี้การ์ดพวกนี้ได้รับคำสั่งจากโจวหยวน ถ้าหากหยางหลิงรุ่ยมาที่นี่ก็อย่าไปขัดขวางเธอ
หยางหลิงรุ่ยเดินมาที่ประตูห้อง เคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป
เธอเดินเข้ามาในห้องนอน และเห็นฮั่วเทียนหลันที่เพิ่งปิดคอมพิวเตอร์
“คุณฮั่ว....”
เธอไม่ต่อความยาวสาวความยืด เธอพูดออกมาด้วยเสียงที่อ้อนวอน ฮั่วเทียนหลันจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่ได้เชิญให้หยางหลิงรุ่ยมา และเมื่อสักครู่ก็ได้ยินโรงยาบาลประกาศจากห้องประชาสัมพันธ์ เขาก็พอจะเดาได้ว่าเธอมาทำไม
“คุณหนูหยางมาในวันนี้ มีคำแนะนำอะไรหรือไม่?”
เสียงของเขาเพิ่งจะเงียบไป เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นรอยแดงที่คอของหยางหลิงรุ่ย เขาขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“เกิดอะไรขึ้น? ใครทำร้ายเธอ!”
เขาลุกจากโต๊ะหนังสือ และเดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว
“มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ฉันล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจ” หยางหลิงรุ่ยรีบไขข้อคล่องใจของเขา
ความโกรธมหึมาที่ชายคนนี้แผ่ออกมาด้วยเหตุผลบางประการทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกประหม่า
ฮั่วเทียนหลันยื่นมือออกมา จับคางของเธอเงยขึ้น มองไปที่รอยแผลเป็นที่คอของเธอและสร้อยคอก็หายไป
“เธอบอกว่าไม่มีอะไร แต่มันต้องมีอะไรแน่ๆใช่ไหม?”
รอยแผลที่อยู่ตรงคอของหยางหลิงรุ่ยนั้นไม่ธรรมดา และยิ่งถูกฮั่วเทียนหลันจับเงยคางขึ้น ยิ่งทำให้เธอเจ็บจนพูดไม่ถูก
เธอเจ็บมาก แต่เธอก็ต้องทนกับความเจ็บนั้นพร้อมพูดขึ้นมาว่า “คุณฮั่ว ฉันขอร้องอะไรคุณอย่างหนึ่งได้ไหม?”
ฮั่วเทียนหลันสังเกตเห็นความผิดปกติที่มือของตัวเอง เขาจึงถอยหลังออกมาสองก้าว จากนั้นก็พาหยางหลิงรุ่ยไปนั่งบนโซฟาแล้วพูดว่า “คุณหนูหยางเชิญพูด!”
หยางหลิงรุ่ยกัดริมฝีปากของตัวเอง ตอนนี้ในใจของเธอกำลังสับสน
เมื่อสักครู่หยางหลิงรุ่ยสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายฮั่วเทียนหลัน มันค่อนข้างสูงเลย ใบหน้าของเขาก็ยังแดงๆอยู่ ไม่เหมือนกับคนที่มีร่างกายแข็งแรงเลย
แต่ตอนนี้ความหวังเดียวก็เธอ ก็คือเขา
ถ้าหากเขาไม่ยอมช่วยหละก็ จางรันก็คง....
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เร่งให้เธอพูดออกมา เขารอหยางหลิงรุ่ยพูดออกมาเอง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้คำขอร้องนั้นแล้วก็ตาม
“คุณฮั่ว เกิดเรื่องขึ้นกับจางรัน กรุ๊ปเลือดของเขาคือRH และตอนนี้ที่คลังเลือดสำรองก็ไม่มีเลือดชนิดนี้ ในโรงพยาบาลนี้มีแค่คุณที่สามารถช่วยเขาได้ ขอร้องหละ คุณช่วยชีวิตเขาทีเถอะ! ”
หยางหลิงรุ่ยกัดฟันพูดประโยคนี้ออกมา เธอเกร็งจนร่างกายของเธอเกือบจะเป็นตะคริว
เธอรู้ว่า คำขอร้องนี้ของเธอมันน่าหัวเราะ
ถ้าหากร่างกายของฮั่วเทียนหลันแข็งแรงเหมือนปกติหละก็ คงไม่จำเป็นต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลนานขนาดนี้
ขอร้องผู้ป่วยคนหนึ่ง ให้ไปถ่ายเลือดให้ผู้ป่วยอีกคน
เกร่งว่าเรื่องแบบนี้ คงไม่มีใครเห็นด้วย
ดังนั้นหัวใจของเธอจึงตัดใจความความหวังนี้แล้ว และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่
ฮั่วเทียนหลันมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของเขาอย่างลึกซึ้ง เธอดูเหมือนแบกรับความโศกเศร้าไว้มาก มือทั้งสองข้างที่กุมกันอยู่แน่น ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความท้อแท้และความกังวัลในหัวใจของเธอ
“คุณหนูหยาง ถ้าคู่แข่งของคุณกำลังจะตาย คุณจะรีบไปช่วยชีวิตเขา หรือปล่อยให้เขาตายไปแบบนั้น?”
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้ตอบคำถามนี้มาตรงๆ แต่กลับถามหยางหลิงรุ่ยแทน
หยางหลิงรุ่ยถอนหายใจ ที่แท้ก็เป็นแบบที่เธอคิด เรื่องนี้มันไม่มีความหวังตั้งแต่แรก
“ขอโทษคะคุณฮั่ว ที่ฉันมาล่วงเกิน ดูแลตัวเองดีๆนะ!” หยางหลิงรุ่ยลุกขึ้นเตรียมที่จะออกไป
ตอนนี้จางรันกำลังตกอยู่ในอันตราย ถึงแม้นี้มันจะเป็นช่วงเวลาสุดท้าย เธอก็ยังอยากที่จะไปอยู่ข้างๆเขา
เธอไม่ได้เกลียดฮั่วเทียนหลัน เขาไม่ต้องมาคิดกับเหตุผลนี้ วิเคราะห์จากปัจจัยทางกายภาพแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาช่วยจางรัน
มองเห็นเงาหลังของหยางหลิงรุ่ยที่เดินไปอย่างโซซัดโซเซ
ฮั่วเทียนหลันรู้สึกปวดเวียนหัวเล็กน้อย เขาฟุบไปบนเตียงและสูดหายใจเข้าสองสามครั้งเพื่อเป็นการผ่อนคลาย
“คุณหนูหยาง เธอคุณจากไปแบบนี้ จางรันต้องตายแน่ๆ!”
หยางหลิงรุ่ยสะดุ้ง เธอไม่คิดว่าถึงขั้นนี้แล้วฮั่วเทียนหลันยังจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาอีก
“จะเป็นหรือตายสวรรค์เป็นคนกำหนด คุณฮั่ว ฉันไปก่อน”
“ถ้าขอร้องฉันดีๆ ฉันอาจจะไปช่วยเขา!”
หยางหลิงรุ่ยที่กำลังจับลูกบิดประตูเพื่อจะเปิดออกไป มือของเธอที่กำลังสั่นอยู่ก็หยุดนิ่ง
สุดท้ายเธอก็เปิดประตูและเดินออกไป
ออกไปจากห้องผู้ป่วย เธอออกไปสูดอากาศสดชื่นจากด้านนอก ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย
ในความเป็นจริงมันไม่สำคัญว่าเธอจะขอร้องฮั่วเทียนหลันหรือไม่
เรื่องของศักดิ์ศรีมันมีค่าอะไร?
แต่ว่า การหายใจหอบ และสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงของผู้ชายคนนั้น
ทำให้เธอไม่กล้าที่จะเอ่ยปากออกไป
เธอไม่สามารถเอาผู้ป่วยที่มีอาการหนักหนึ่งคนมาช่วยผู้ป่วยที่กำลังจะตายอีกคนได้
หยางหลิงรุ่ยเดินเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน มองเห็นใบหน้าที่ซีดจางของจางรัน เธอกุมมือของเขาไว้ ไม่ปล่อยให้เขาอยู่ห่างจากเธอ
แต่อุณหภูมิร่างกายของจางรันกำลังลดลงอย่างช้าๆ
เธอได้ยินหมอที่อยู่อีกด้านหนึ่งกระซิบกันเบาๆ ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้เลือด จางรันก็คงจะต้อง.....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง