ตอน ตอนที่ 330 ฟางเส้นสุดท้าย จาก โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 330 ฟางเส้นสุดท้าย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง ที่เขียนโดย ฮั่นเซียง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ฮั่วเทียนหลันกดปุ่มที่อยู่บนหัวเตียงของเขา ไม่นานก็มีบอดี้การ์ดเดินเข้ามา
“ไปหามาว่า จางรันไปได้รับบาดเจ็บอะไร?”
บอดี้การ์ดรีบวิ่งออกไป ห้านาทีผ่านไปก็กลับเข้ามา
“ท่านประธาน หยางหลิงรุ่ยถูกพวกวิ่งราวกระชากสร้อยคอ จางรันพยายามไปแย่งมันมาคืนให้ แต่ก็ถูกคนร้ายยิงเข้าที่ปอดทำให้เสียเลือดมาก ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล......”
ข้อมูลที่เหลือบอดี้การ์ดไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ฮั่วเทียนหลันรู้หมดแล้ว
เขาโบกมือให้บอดี้การ์ดออกไป
ร่างกายของเขา เข้ารู้ดีที่สุด
ช่วยหรือไม่ช่วย? ฮั่วเทียนหลันกำลังตัดสินใจ....
หมอเดินเข้ามาดูอาการและบอกให้หยางหลิงรุ่ยไปนั่งข้างๆจางรัน
ตอนนี้ยังไม่มีการถ่ายเลือด และการปฐมพยาบาลต่างๆก็ไม่เกิดผล
ทุกคนทำได้แค่มองหนึ่งชีวิตที่จะสูญสิ้นไปอย่างนิ่งๆ
จู่ๆสมองของหยางหลิงรุ่ยก็คิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับจางรันที่เคยทำร่วมกันมา
เขาพาเธอไปทำอะไรหลายๆอย่าง แค่เธอบอกว่าอยากทำถึงแม้ว่าเขาไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น เขาก็ยินดีที่จะไปกับเธอ
และในความคิดของเธอ เธอคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะเธอ
ตอนที่เขาเห็น ทำไมเธอถึงไม่บอกเขาหละ
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ก็แค่สร้อยคอเส้นเดียว ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร
ทำไมถึงไม่ห้ามเขาหละ? ก็แค่บอกเขาไปว่าเดี๋ยวตำรวจก็ช่วยจัดการ
แต่เขาก็ทำมันลงไปแล้ว จากนั้นถูกยิง และตอนนี้กำลังจะสิ้นใจ
น้ำตาไหลลงมาที่แก้มของเธอเหมือนสายน้ำ หยางหลิงรุ่ยเจ็บปวดมากจนหายใจไม่ออก
หยางหลินผลักหยางหยวนให้เข้ามาในห้องผู้ป่วยอย่างช้าๆ
มองเห็นน้ำตาที่ไหลพรากของน้องสาว หยางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เขาเดินมาหาเธอ และเช็ดน้ำตาให้เธอเบาๆ
“อย่าโทษตัวเองไปเลยหลิงรุ่ย ความเป็นความตายมันขึ้นอยู่กับโชคชะตา ไม่ว่าใครเห็นคนถูกขโมยของ เขาก็ต้องวิ่งไปแย่งกลับมาโดยไม่รู้ตัว! ”
หยางหลิงรุ่ยจ้องมองไปที่พี่ชายของเธอและพึมพำทั้งน้ำตา “เป็นเพราะฉัน ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน.....”
หยางหยวนถอดใจ เขาเพิ่งติดต่อกับเพื่อน ๆ ในวงการแพทย์
เลือดRHหายากเกินไป และคลังเลือดที่ใกล้ที่สุดยังต้องใช้เวลาสามชั่วโมงในการส่ง
ตอนนี้จางรันรอไม่ไหวแล้ว
ทันใดนั้นไฟห้องฉุกเฉินก็เปิดขึ้น และหมอก็พูดออกมาอย่างรีบร้อนว่า “ทุกคนออกไปก่อน เราได้เลือดแล้ว ต้องรีบพาตัวเขาเข้ามาทันที!”
หยางหลิงรุ่ยสะดุ้ง ตกใจจนตัวสั่น
หาเลือดได้แล้ว แสดงว่าจางรันก็มีทางรอดแล้ว
หยางหลิงรุ่ยยังไม่ทันตอบสนอง หยางหยวนก็ดึงแขนของเธอออกมาจากห้องฉุกเฉินโดยเร็ว
ตอนนี้เวลาสำคัญที่สุด
ประตูห้องฉุกเฉินปิดดังปัง และดวงไฟสีแดงก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง
หยางหลิงรุ่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ร้องไห้พรางหัวเราะพราง ร่างกายของเธอเป็นบ้าไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการที่มองเห็นความหวังตอนอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
หยางหยวนมองไปที่หยางหลิงรุ่ยและตบไหล่เธอเบาๆพร้อมพูดว่า “โอเคแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยไหม ไม่งั้นถ้าจางรันตื่นมาแล้วเห็นเธออยู่ในสภาพแบบนี้คงต้องโทษตัวเองแน่”
หยางหลิงรุ่ยตอบรับ ตอนนี้เธอเพิ่งจะหายจากอาการตื่นเต้น
เธอรีบลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำ
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ไฟของห้องฉุกเฉินก็ดับลง
เมื่อเห็นหมอที่ท่าทางดูเหนื่อยล้าออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่โล่งใจ หยางหลิงลุ่ยกระตุ้นตัวเองให้ตื่นขึ้น หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่คอและอ่อนแรงเพราะความตึงเครียด
จางรันดูส่งไปที่ห้องผู้ป่วยหนักและมีคนดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
แต่หยางหลิงรุ่ยยังคงดูแลอยู่ข้างกายเขาตลอด อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงขึ้นดูเหมือนว่าจะเป็นไข้
เธอเปลี่ยนผ้าขนหนูเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายให้เขาอย่างไม่หยุด ทั้งที่เห็นว่าเรื่องแบบนี้พยาบาลก็ทำได้ แต่ถ้าเธอไม่ได้ทำมันด้วยตัวเองแล้วคงรู้สึกไม่สบายใจ
กระทั่งตอนกลางคืน อุณหภูมิร่างกายของจางรันถึงกลับมาเป็นปกติ เธอถึงโล่งใจ
เนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นที่บริษัท หยางหลินและหยางหยวนจึงกลับไปก่อนแล้ว
หยางเทียนเห็นหยางหลิงรุ่ยมีท่าทางที่เหนื่อยล้าจึงเดินเข้าไปพูดกับเธอว่า “คุณหนู คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ!”
หยางหลิงรุ่ยเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้ไฟของห้องผู้ป่วยกำลังเปิดอยู่
เธอหันไปฝากฝังกับพยาบาลพิเศษอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นถึงตามหยางเทียนกลับคฤหาสน์ตระกูลหยาง
หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหยาง เธอเช็ดร่างกายส่วนล่างอย่างระมัดระวังด้วยผ้าเปียก พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า
เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวตรงที่มีบาลแผล
เธอคิดว่าในอาจจะเกิดขึ้นจากการหดตัว แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็น
เพื่อไม่ให้ชิงหรงต้องเป็นห่วง เธอจึงของให้ตงเหยียนดูแลชิงหรงแทนเธอไปก่อน
หลังจากที่ตงเหยียนพาชิงหรงเข้านอนแล้ว เธอก็เดินมาที่ห้องของหยางหลิงรุ่ย
“มีข่าวจากโรงพยาบาลว่าลักษณะทางกายภาพของจางรันนั้นดีขึ้นอย่างมาก เธอไม่ต้องกังวล พักผ่อนเยอะๆ!”
“อ่า” หยางหลิงรุ่ยพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความหดหู่
“พี่สะใภ้ ชิงหรงหลับแล้วหรือยัง?”
“หลับแล้ว วันนี้เธอเป็นเด็กดีมาก”
“งั้นก็ดีแล้ว”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมในห้องอีกครั้ง ตงเหยียนนั่งปลอบใจหยางหลิงรุ่ยอยู่สักพักและบอกให้เธอรีบพักผ่อน จากนั้นก็เดินออกจากไป
หยางหลิงรุ่ยนอนลงบนเตียง ก็เห็นอยู่ว่าตาของเธอจะปิดลงเต็มที แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงนอนไม่หลับ
เธอคิดว่าถ้าจางรันตื่นแล้ว จะหาเธอไหม?
จางรันยังคงอ่อนแอ เขาไม่แทบจะไม่มีแรงเคี้ยว นั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นว่าเขาฟื้นแล้ว หัวใจของหยางหลิงรุ่ยที่หดหู่มาหลายวันก็ผ่อนคลายขึ้นทันที
เธอเดินไปหาพยาบาลพิเศษแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณไปทำธุระเถอะ ตรงนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของฉันเอง!”
ค่อยทานทีละช้อน สุดท้ายจางรันก็ทานจนหมด
“ขอบคุณมากหลิงรุ่ย ” จางรันพูดออกมาเบาๆ
ดวงตาของหยางหลิงรุ่ยแดงขึ้น “จะขอบคุณอะไร? ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ไม่งั้นคุณก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ คุณยังรู้สึกเจ็บตรงไหนอยู่ไหม?”
จางรันส่ายหน้า “ฉันรู้สึกว่าทุกส่วนในร่างกายของฉันดีขึ้นหมดแล้ว”
มองไปที่ผ้าพันแผลที่ยังมีสีแดงติดอยู่บนหน้าอกของจางรัน ดวงตาของหยางหลิงรุ่ยก็มืดลง แน่นอนเธอรู้ว่าจางรันกำลังปลอบใจเธออยู่
“งั้นก็ดีแล้ว ช่วงนี้ก็พักผ่อนให้มากๆนะ ถ้าที่บริษัทมีเรื่องอะไรเดือดร้อนต้องการให้ตระกูลหยางช่วยก็ติดต่อฉันได้โดยตรงเลยนะ”
“อ่า เรื่องเล็กน้อย”
ยิ่งจางรันแสร้งทำเป็นผ่อนคลายมากเท่าไหร่ หยางหลิงรุ่ยก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น
เธอคุยกับจางรันอยู่สักพัก และเธอก็ไม่สามารถทนกับความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจของเธอได้จึงพูดออกมาว่า “ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเอง!”
จางรันมองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความประหลายใจ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยังยังคงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“พอแล้ว เด็กโง่เอ้ย ยังจะกังวลอะไรอีก ตอนนี้ฉันก็ตื่นแล้วไม่ใช่หรือไง? เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป”
จางรันยื่นมือออกไป พยายามที่จะไปลูบหัวของหยางหลิงรุ่ย
แต่ยกเท่าไหร่ก็ยกไม่ขึ้น เพราะเขายังไม่มีแรง
“ยังดีที่คนได้รับบาดเจ็บเป็นฉัน ถ้าหากเป็นเธอหละก็ฉันคงเสียสติไปแล้ว”
คำพูดของเขาทำให้ร่างกายของหยางหลิงรุ่ยหยุดนิ่ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ จมูกของเธอเริ่มแดงขึ้น
“จางรัน ฉัน....”
“ห้ามร้องไห้นะ แบบนั้นมันไม่สวย!”
ชีวิตของหยางหลิงรุ่ยแบ่งออกเป็นส่องส่วน คือคฤหาสน์ของตระกูลหยางกับโรงพยาบาล
เธอส่งมาหารมาทั้งสามมื้อ จางรันอยากทานอะไร ตราบใดที่มันเป็นไปตามมาตรฐานของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเธอจะพยายามทำอาหารด้วยตัวเองอย่างสุดความสามารถ
ตอนเที่ยงของวันนี้ หลังจากทานข้าวเสร็จ พยาบาลพิเศษทำความสะอาดเสร็จแล้วออกไป หยางหลิงรุ่ยพูดขึ้นมาว่า “จางรัน ต้องขอโทษจริงๆ เนื่องจากคุณได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ จึงทำให้เรื่องที่คุณจะต้องกลับไปทำที่ประเทศจีนล่าช้า......”
จางรันขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “หลิงรุ่ย ทำไมถึงพูดกับฉันแบบนี้อีกแล้ว? เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้นี่!”
เมื่อก่อน? นานแค่ไหนที่เรียกว่าเมื่อก่อน?
หยางหลิงรุ่ยตกใจ ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งรู้จักกับจางรันได้สองปีหรอ?
หรือว่าจางรันรู้จักกับเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว?
เรื่องราวเหล่านี้ พี่ใหญ่ยังไม่เคยเล่าให้เธอฟัง!
เรื่องบางเรื่อง เมื่อคุณเริ่มนึกถึงมัน คุณจะไม่สามารถหยุดคิดถึงมันได้
หยางหลิงรุ่ยสงสัยอยู่พักใหญ่ ถึงจะพูดออกมาว่า “จางรัน ตัวของฉันเมื่อก่อนเป็นคนอย่างไรหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง