ฮั่วเทียนหลันกดปุ่มที่อยู่บนหัวเตียงของเขา ไม่นานก็มีบอดี้การ์ดเดินเข้ามา
“ไปหามาว่า จางรันไปได้รับบาดเจ็บอะไร?”
บอดี้การ์ดรีบวิ่งออกไป ห้านาทีผ่านไปก็กลับเข้ามา
“ท่านประธาน หยางหลิงรุ่ยถูกพวกวิ่งราวกระชากสร้อยคอ จางรันพยายามไปแย่งมันมาคืนให้ แต่ก็ถูกคนร้ายยิงเข้าที่ปอดทำให้เสียเลือดมาก ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล......”
ข้อมูลที่เหลือบอดี้การ์ดไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ฮั่วเทียนหลันรู้หมดแล้ว
เขาโบกมือให้บอดี้การ์ดออกไป
ร่างกายของเขา เข้ารู้ดีที่สุด
ช่วยหรือไม่ช่วย? ฮั่วเทียนหลันกำลังตัดสินใจ....
หมอเดินเข้ามาดูอาการและบอกให้หยางหลิงรุ่ยไปนั่งข้างๆจางรัน
ตอนนี้ยังไม่มีการถ่ายเลือด และการปฐมพยาบาลต่างๆก็ไม่เกิดผล
ทุกคนทำได้แค่มองหนึ่งชีวิตที่จะสูญสิ้นไปอย่างนิ่งๆ
จู่ๆสมองของหยางหลิงรุ่ยก็คิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับจางรันที่เคยทำร่วมกันมา
เขาพาเธอไปทำอะไรหลายๆอย่าง แค่เธอบอกว่าอยากทำถึงแม้ว่าเขาไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น เขาก็ยินดีที่จะไปกับเธอ
และในความคิดของเธอ เธอคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะเธอ
ตอนที่เขาเห็น ทำไมเธอถึงไม่บอกเขาหละ
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ก็แค่สร้อยคอเส้นเดียว ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร
ทำไมถึงไม่ห้ามเขาหละ? ก็แค่บอกเขาไปว่าเดี๋ยวตำรวจก็ช่วยจัดการ
แต่เขาก็ทำมันลงไปแล้ว จากนั้นถูกยิง และตอนนี้กำลังจะสิ้นใจ
น้ำตาไหลลงมาที่แก้มของเธอเหมือนสายน้ำ หยางหลิงรุ่ยเจ็บปวดมากจนหายใจไม่ออก
หยางหลินผลักหยางหยวนให้เข้ามาในห้องผู้ป่วยอย่างช้าๆ
มองเห็นน้ำตาที่ไหลพรากของน้องสาว หยางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เขาเดินมาหาเธอ และเช็ดน้ำตาให้เธอเบาๆ
“อย่าโทษตัวเองไปเลยหลิงรุ่ย ความเป็นความตายมันขึ้นอยู่กับโชคชะตา ไม่ว่าใครเห็นคนถูกขโมยของ เขาก็ต้องวิ่งไปแย่งกลับมาโดยไม่รู้ตัว! ”
หยางหลิงรุ่ยจ้องมองไปที่พี่ชายของเธอและพึมพำทั้งน้ำตา “เป็นเพราะฉัน ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน.....”
หยางหยวนถอดใจ เขาเพิ่งติดต่อกับเพื่อน ๆ ในวงการแพทย์
เลือดRHหายากเกินไป และคลังเลือดที่ใกล้ที่สุดยังต้องใช้เวลาสามชั่วโมงในการส่ง
ตอนนี้จางรันรอไม่ไหวแล้ว
ทันใดนั้นไฟห้องฉุกเฉินก็เปิดขึ้น และหมอก็พูดออกมาอย่างรีบร้อนว่า “ทุกคนออกไปก่อน เราได้เลือดแล้ว ต้องรีบพาตัวเขาเข้ามาทันที!”
หยางหลิงรุ่ยสะดุ้ง ตกใจจนตัวสั่น
หาเลือดได้แล้ว แสดงว่าจางรันก็มีทางรอดแล้ว
หยางหลิงรุ่ยยังไม่ทันตอบสนอง หยางหยวนก็ดึงแขนของเธอออกมาจากห้องฉุกเฉินโดยเร็ว
ตอนนี้เวลาสำคัญที่สุด
ประตูห้องฉุกเฉินปิดดังปัง และดวงไฟสีแดงก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง
หยางหลิงรุ่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ร้องไห้พรางหัวเราะพราง ร่างกายของเธอเป็นบ้าไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการที่มองเห็นความหวังตอนอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
หยางหยวนมองไปที่หยางหลิงรุ่ยและตบไหล่เธอเบาๆพร้อมพูดว่า “โอเคแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยไหม ไม่งั้นถ้าจางรันตื่นมาแล้วเห็นเธออยู่ในสภาพแบบนี้คงต้องโทษตัวเองแน่”
หยางหลิงรุ่ยตอบรับ ตอนนี้เธอเพิ่งจะหายจากอาการตื่นเต้น
เธอรีบลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำ
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ไฟของห้องฉุกเฉินก็ดับลง
เมื่อเห็นหมอที่ท่าทางดูเหนื่อยล้าออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่โล่งใจ หยางหลิงลุ่ยกระตุ้นตัวเองให้ตื่นขึ้น หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่คอและอ่อนแรงเพราะความตึงเครียด
จางรันดูส่งไปที่ห้องผู้ป่วยหนักและมีคนดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
แต่หยางหลิงรุ่ยยังคงดูแลอยู่ข้างกายเขาตลอด อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงขึ้นดูเหมือนว่าจะเป็นไข้
เธอเปลี่ยนผ้าขนหนูเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายให้เขาอย่างไม่หยุด ทั้งที่เห็นว่าเรื่องแบบนี้พยาบาลก็ทำได้ แต่ถ้าเธอไม่ได้ทำมันด้วยตัวเองแล้วคงรู้สึกไม่สบายใจ
กระทั่งตอนกลางคืน อุณหภูมิร่างกายของจางรันถึงกลับมาเป็นปกติ เธอถึงโล่งใจ
เนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นที่บริษัท หยางหลินและหยางหยวนจึงกลับไปก่อนแล้ว
หยางเทียนเห็นหยางหลิงรุ่ยมีท่าทางที่เหนื่อยล้าจึงเดินเข้าไปพูดกับเธอว่า “คุณหนู คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ!”
หยางหลิงรุ่ยเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้ไฟของห้องผู้ป่วยกำลังเปิดอยู่
เธอหันไปฝากฝังกับพยาบาลพิเศษอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นถึงตามหยางเทียนกลับคฤหาสน์ตระกูลหยาง
หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหยาง เธอเช็ดร่างกายส่วนล่างอย่างระมัดระวังด้วยผ้าเปียก พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า
เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวตรงที่มีบาลแผล
เธอคิดว่าในอาจจะเกิดขึ้นจากการหดตัว แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็น
เพื่อไม่ให้ชิงหรงต้องเป็นห่วง เธอจึงของให้ตงเหยียนดูแลชิงหรงแทนเธอไปก่อน
หลังจากที่ตงเหยียนพาชิงหรงเข้านอนแล้ว เธอก็เดินมาที่ห้องของหยางหลิงรุ่ย
“มีข่าวจากโรงพยาบาลว่าลักษณะทางกายภาพของจางรันนั้นดีขึ้นอย่างมาก เธอไม่ต้องกังวล พักผ่อนเยอะๆ!”
“อ่า” หยางหลิงรุ่ยพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความหดหู่
“พี่สะใภ้ ชิงหรงหลับแล้วหรือยัง?”
“หลับแล้ว วันนี้เธอเป็นเด็กดีมาก”
“งั้นก็ดีแล้ว”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมในห้องอีกครั้ง ตงเหยียนนั่งปลอบใจหยางหลิงรุ่ยอยู่สักพักและบอกให้เธอรีบพักผ่อน จากนั้นก็เดินออกจากไป
หยางหลิงรุ่ยนอนลงบนเตียง ก็เห็นอยู่ว่าตาของเธอจะปิดลงเต็มที แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงนอนไม่หลับ
เธอคิดว่าถ้าจางรันตื่นแล้ว จะหาเธอไหม?
ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ต่อไปเขายังจะกล้าอยู่กับเธออีกไหม?
เธอนอนไม่หลับทั้งคืน
เช้าวันต่อมาเธอไม่ได้ทานข้าวเช้า และรีบไปที่โรงพยาบาล ดวงตาทั้งสองข้างของเธอมีสีดำคล้ายกับดวงตาของหมีแพนด้า
ในห้องผู้ป่วย หยางเทียนกำลังคุยโทรศัพท์ “แบบนี้ก็แสดงว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้มีการไตร่ตรองไว้ก่อน?”
“อ่า พวกเขาทำมาหากินจากการปล้น ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมือของตำรวจแล้ว”
“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของครอบครัวฉัน กฎหมายมันจะทำอะไรได้? นายเข้าใจความหมายของฉันนะ!”
ในตอนนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น หยางหยวนจึงรีบวางสายโทรศัพท์
เขาลุกขึ้นมาเปิดประตู มองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของหยางหลิงรุ่ย เขาจึงพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “คุณหนู ทำไมถึงมาเช้าขนาดนี้ มีเรื่องอะไรไหม?”
หยางหลิงรุ่ยส่ายหน้าพร้อยตอบไปว่า “หยางเทียน นายดูแลเขามาทั้งคืนแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
มองจากท่าทางของหยางหลิงรุ่ยแล้ว หยางเทียนคิดว่าคนที่ดูแลคนไข้มาทั้งคืนจะดูสดชื่นมากกว่าคนที่พักผ่อนมาทั้งคืนนะ
“คนที่ต้องพักผ่อนก็คือคุณหนู คุณหนูกลับไปพักผ่อนที่บ้านอีกสักพักเถอะ เดี๋ยวผมจะดูแลเขาให้เอง”
หยางเทียนพูดจบ ก็ตะโกนให้บอดี้การ์ดเข้ามาเตรียม ถ้าหากหยางหลิงรุ่ยไม่ฟังที่เขาพูด ก็จะให้บอดี้การ์ดพาตัวเธอออกไป
แต่หยางหลิงรุ่ยส่ายหัวอย่างดื้อดึงและพูดว่า “หยางเทียน นายไม่ต้องมาสนใจฉัน ฉันกลับไปก็นอนไม่หลับ ฉันอยากอยู่ดูแลจางรันที่นี่ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาจะได้รู้ว่าฉันดูแลเขาอยู่ข้างกายเสมอ”
ได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดแบบนี้แล้ว หยางเทียนก็รู้ว่าทำอะไรต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
“ก็ได้ ถ้าหากคุณหนูรู้สึกง่วงก็บอกได้เลยนะครับ จะมีคนมาดูแลแทนคุณหนูทันที”
หยางเทียนพูดจบก็เตรียมตัวที่จะออกไป
แต่ก็ถูกหยางหลิงรุ่ยดึงไว้อย่างกะทันหัน “ใช่แล้ว คนที่มาถ่ายเลือดให้เมื่อวาน รู้หรือยังว่าเป็นใคร?”
การช่วยชีวิตครั้งนี้เป็นบุญคุณชั่วชีวิตของเธอ
หยางหลิงรุ่ยต้องการที่จะขอบคุณคนที่ให้ความหวังนี้กับเธอเมื่อคืน
แต่หยางเทียนก็ส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “ผมไปหามาแล้ว แต่ ผอ. ของโรงพยาบาลนี้บอกว่าคนผู้นั้นต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เขาจึงไม่สามารถบอกกับพวกเราได้”
อยากเก็บไว้เป็นความลับ?
ผอ. เป็นคนของตะกูลหยาง แต่ยังไม่สามารถบอกข้อมูลของอีกฝ่ายได้
คิดดูแล้วตัวตนของคนคนนี้ต้องพิเศษมากแน่ๆ
หยางหลิงรุ่ยอยู่ดูแลจางรันอยู่ในห้องทั้งวัน แต่เขาก็ยังไม่ฟื้น
ตอนกลางคืนเธอง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น หยางเทียนจึงพาตัวเธอไปส่งที่คฤหาสน์ของตระกูลหยาง
ครั้งนี้เธอไม่มีแรงฝืนการนอนครั้งนี้แล้ว เธอนอนมาถึงตอนกลางวันของวันถัดมา
หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่ามีสายไม่ได้รับสามสาย ทั้งหมดเป็นชื่อของหยางเทียน
เธอตกใจ หยางเทียนโทรมาหาเธอหลายครั้งขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่โรงพยาบาลก็ได้?
เธอรีบโทรกลับไป แต่ดีที่เรื่องเลวร้ายที่เธอคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น
หยางเทียนบอกข่าวดีกับเธอว่าหยางเทียนฟื้นขึ้นมาแล้ว
หยางหลิงรุ่ยรีบไปโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด หลังจากที่ไปถึงห้องผู้ป่วยเธอก็เห็นพยาบาลพิเศษกำลังป้อนโจ๊กให้จางรันอยู่
จางรันยังคงอ่อนแอ เขาไม่แทบจะไม่มีแรงเคี้ยว นั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นว่าเขาฟื้นแล้ว หัวใจของหยางหลิงรุ่ยที่หดหู่มาหลายวันก็ผ่อนคลายขึ้นทันที
เธอเดินไปหาพยาบาลพิเศษแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณไปทำธุระเถอะ ตรงนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของฉันเอง!”
ค่อยทานทีละช้อน สุดท้ายจางรันก็ทานจนหมด
“ขอบคุณมากหลิงรุ่ย ” จางรันพูดออกมาเบาๆ
ดวงตาของหยางหลิงรุ่ยแดงขึ้น “จะขอบคุณอะไร? ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ไม่งั้นคุณก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ คุณยังรู้สึกเจ็บตรงไหนอยู่ไหม?”
จางรันส่ายหน้า “ฉันรู้สึกว่าทุกส่วนในร่างกายของฉันดีขึ้นหมดแล้ว”
มองไปที่ผ้าพันแผลที่ยังมีสีแดงติดอยู่บนหน้าอกของจางรัน ดวงตาของหยางหลิงรุ่ยก็มืดลง แน่นอนเธอรู้ว่าจางรันกำลังปลอบใจเธออยู่
“งั้นก็ดีแล้ว ช่วงนี้ก็พักผ่อนให้มากๆนะ ถ้าที่บริษัทมีเรื่องอะไรเดือดร้อนต้องการให้ตระกูลหยางช่วยก็ติดต่อฉันได้โดยตรงเลยนะ”
“อ่า เรื่องเล็กน้อย”
ยิ่งจางรันแสร้งทำเป็นผ่อนคลายมากเท่าไหร่ หยางหลิงรุ่ยก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น
เธอคุยกับจางรันอยู่สักพัก และเธอก็ไม่สามารถทนกับความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจของเธอได้จึงพูดออกมาว่า “ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเอง!”
จางรันมองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความประหลายใจ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยังยังคงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“พอแล้ว เด็กโง่เอ้ย ยังจะกังวลอะไรอีก ตอนนี้ฉันก็ตื่นแล้วไม่ใช่หรือไง? เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป”
จางรันยื่นมือออกไป พยายามที่จะไปลูบหัวของหยางหลิงรุ่ย
แต่ยกเท่าไหร่ก็ยกไม่ขึ้น เพราะเขายังไม่มีแรง
“ยังดีที่คนได้รับบาดเจ็บเป็นฉัน ถ้าหากเป็นเธอหละก็ฉันคงเสียสติไปแล้ว”
คำพูดของเขาทำให้ร่างกายของหยางหลิงรุ่ยหยุดนิ่ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ จมูกของเธอเริ่มแดงขึ้น
“จางรัน ฉัน....”
“ห้ามร้องไห้นะ แบบนั้นมันไม่สวย!”
ชีวิตของหยางหลิงรุ่ยแบ่งออกเป็นส่องส่วน คือคฤหาสน์ของตระกูลหยางกับโรงพยาบาล
เธอส่งมาหารมาทั้งสามมื้อ จางรันอยากทานอะไร ตราบใดที่มันเป็นไปตามมาตรฐานของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเธอจะพยายามทำอาหารด้วยตัวเองอย่างสุดความสามารถ
ตอนเที่ยงของวันนี้ หลังจากทานข้าวเสร็จ พยาบาลพิเศษทำความสะอาดเสร็จแล้วออกไป หยางหลิงรุ่ยพูดขึ้นมาว่า “จางรัน ต้องขอโทษจริงๆ เนื่องจากคุณได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ จึงทำให้เรื่องที่คุณจะต้องกลับไปทำที่ประเทศจีนล่าช้า......”
จางรันขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “หลิงรุ่ย ทำไมถึงพูดกับฉันแบบนี้อีกแล้ว? เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้นี่!”
เมื่อก่อน? นานแค่ไหนที่เรียกว่าเมื่อก่อน?
หยางหลิงรุ่ยตกใจ ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งรู้จักกับจางรันได้สองปีหรอ?
หรือว่าจางรันรู้จักกับเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว?
เรื่องราวเหล่านี้ พี่ใหญ่ยังไม่เคยเล่าให้เธอฟัง!
เรื่องบางเรื่อง เมื่อคุณเริ่มนึกถึงมัน คุณจะไม่สามารถหยุดคิดถึงมันได้
หยางหลิงรุ่ยสงสัยอยู่พักใหญ่ ถึงจะพูดออกมาว่า “จางรัน ตัวของฉันเมื่อก่อนเป็นคนอย่างไรหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง