โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 330

เธออยากรู้ไหม” หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันปรากฏตัวขึ้น จางรันก็รู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้อีกต่อไป

"อืม นายก็บอกกับฉันสิ!" หยางหลิงรุ่ยจับมือจางหรันเขย่าไปมาอย่างออดอ้อน

ใบหน้าหล่อเหลาของจางรันยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยเสียงเบา : "ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็รู้จักเธอแล้ว"

พวกเธอเป็นคู่รักที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กยังงั้นเหรอ

จู่ๆหยางหลิงรุ่ยก็มีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาในหัว แต่แล้วเธอก็ปฏิเสธความคิดอันนี้

เพราะถ้าหากเป็นเช่นนี้ก็คงจะไม่มีเรื่องที่ว่าเธอกับฮั่วเทียนหลันเคยคบกัน

จางรันตกอยู่ในห้วงความทรงจำ เขาเล่นเรื่องอดีตอันแสนสุขของเขากับหยางหลิงรุ่ยเมื่อตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก

หยางหลิงรุ่ยตั้งใจฟังเรื่องเล่าของเขาและยกยิ้มขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้จางรันที่มองอยู่รู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์

เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าตนเองนั้นกำลังเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย

เพราะสิ่งที่เขาเล่ามาทั้งหมดไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันในเวลานั้น

เขาไม่อยากให้เธอรู้เรื่องราวในอดีตระหว่างพวกเขาทั้งสอง

เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ความรู้สึกเช่นนี้ก็จะต้องเผชิญกับความท้าทาย

แม้ว่าคนของตระกูลหยางจะรู้รายละเอียดเรื่องของตนเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่มีใครพูดชี้แจงเรื่องนี้ขึ้นมา นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด

แต่ถ้าหากหยางหลิงรุ่ยรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พวกเขาสองคนก็ไม่มีโอกาสไปต่ออีกแน่

จางรันรู้ดีว่าไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือว่าตอนนี้ เธอก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นญาติและน้องชายคนหนึ่งเท่านั้น

แม้ว่าพวกเขาสองคนจะเป็นแฟนกันและมีบ้างบางครั้งที่ทำกิริยาท่าทางสนิทสนมอย่างคนเป็นแฟนกับชอบทำ

หลังจากพูดคุยกันมาได้ครึ่งชั่วโมง หยางหลิงรุ่ยก็สังเกตเห็นว่าจางรันดูอ่อนเพลีย เธอจึงปล่อยให้เขานอนพักผ่อนสักพัก

เธอเดินออกมาจากห้องคนไข้และยืนบิดเอวคลายความเหนื่อยล้าอยู่ครู่นึง ขณะนั้นเองพยาบาลสองคนก็เดินผ่านมา

“คนไข้ในห้องนี้ก็หล่อมากเช่นกัน เธอลองหาโอกาสมาให้เห็นกับตาตัวเองดู!”

“จริงหรือเปล่า หล่อกว่าหนุ่มหล่อที่ห้อง Supreme คนนั้นอีกจริงเหรอ คนนั้นเขาหล่อมากเลยและยังมีบอดี้การ์ดมากมายคอยเฝ้าอีกด้วย เขาต้องเป็นคนที่มีอำนาจและฐานะมากอย่างแน่นอน!”

“เธออย่าได้ฝันเลย คุณเขาฐานะสูงส่งขนาดนั้นคงไม่มาชอบเธอหรอก!”

“เออใช่ ฉันพึ่งนึกออกว่าคนไข้คนนั้นบริจาคเลือดให้กับคนไข้ในห้องนี้ด้วยล่ะ พวกเขาเป็นญาติกันหรือเปล่า”

...

หยางหลิงรุ่ยที่กำลังจะเดินออกไปจากตรงนั้นอยู่แล้ว พอได้ยินพยาบาลพูดเช่นนี้เธอก็รีบเดินกลับไปแล้วรั้งพยาบาลหญิงคนที่พูดเมื่อตะกี้ทันที

"เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ"

พยาบาลสาวผงะเล็กน้อย เธอมองหยางหลิงรุ่ยที่สวมเสื้อผ้าหรูหราและพึ่งเดินออกมาจากห้องคนไข้ห้องนี้ก็อดที่จะเข้าใจผิดไม่ได้

"ฉัน ฉัน ... ฉันบอกว่าคนไข้ที่ห้องนี้หล่อมาก!" พยาบาลสาวคนนั้นตอบเสียงสั่น เธอคิดว่าตนเองกำลังจะมีปัญหาแล้วแน่ ๆ

"ไม่ใช่ ไม่ใช่ประโยคนี้ คุณบอกว่าผู้ป่วยห้อง Supreme บริจาคเลือดให้เขางั้นเหรอ" หยางหลิงรุ่ยถามขึ้นอย่างร้อนใจ

เมื่อพยาบาลสาวคนดังกล่าวได้ยินดังนั้นเธอก็รีบส่ายหัวทันที : "ขออภัยค่ะ โรงพยาบาลต้องรักษาความเป็นส่วนตัวของคนไข้ ขอความกรุณาคุณผู้หญิงช่วยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทีนะคะ! ไม่เช่นนั้นถ้าหากหัวหน้ารู้ ฉันต้องถูกไล่ออกแน่เลย!"

พูดจบ พยาบาลสาวทั้งสองก็รีบเดินออกไปทันที

หยางหลิงรุ่ยยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลาเนิ่นนาน จนแทบที่จะสามารถทำความเข้าใจกับเรื่องทั้งหมดได้

มิน่าล่ะ ถึงได้เลือดมาเร็วขนาดนั้นและแหล่งที่มาของมันยังถูกเก็บเป็นความลับอีกด้วย

ที่แท้คือฮั่วเทียนหลันที่บริจาคเลือดนี่เอง!

ร่างกายของเขาเป็นเช่นนั้น หากบริจาคเลือดจะไม่มีผลกระทบจริงหรือ

หยางหลิงรุ่ยกลับมาบ้านด้วยความฟุ้งซ่าน เธอถือโทรศัพท์มือถือไว้ตลอดทั้งบ่ายด้วยความคิดไม่ตก

ในช่วงเวลาที่เริ่มคบค้าสมาคมกัน เธอได้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์มือถือของฮั่วเทียนหลันเอาไว้ ตอนนี้เธอลังเลว่าจะโทรหาฮั่วเทียนหลันหรือว่าส่งข้อความทาง WeChat เพื่อขอบคุณเขาสักหน่อยดีไหม

ช่วงเวลาอาหารค่ำ จิตใจของเธอก็ยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

"คุณแม่คะ อันนี้อร่อยมาก ... " ชิงหรงเป็นเด็กที่พูดรู้เรื่อง เธออายุน้อยแต่รู้จักสักเกตสีหน้าและคำพูดของผู้อื่น ทั้งยังเป็นรู้จักตักอาหารให้กับหยางหลิงรุ่ยอีกด้วย

หยางหลิงรุ่ยตักข้าวใส่ปากอย่างเหม่อลอย แม้แต่เรื่องที่ต้องไปส่งข้าวให้จางรันก็ลืมไปหมดเช่นกัน

"หลิงรุยเป็นอะไร ใจลอยไปไหน!" เมื่อเห็นหยางหลิงรุ่ยกำลังนั่งเหม่อ ตงเหยียนจึงใช้ตะเกียบเคาะถ้วยของเธอสองสามครั้ง

หยางหลิงรุ่ยอุทานขึ้นก่อนจะได้สติกลับมา เมื่อมองเห็นข้าวที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย : "ขอโทษค่ะพี่สะใภ้ ฉันใจลอย"

“กินข้าวยังใจลอยได้อีกนะ รีบกินอาหารที่หรงหรงตักให้เร็วเข้า”

เมื่อได้ยินที่ตงเหยียนพูด หยางหลิงรุ่ยถึงได้สังเกตเห็นอาหารกว่าครึ่งจานที่ถูกตักมาวางตรงหน้าเธอ

เธอโน้มตัวลงหอมแก้มชิงหรง : "ขอบคุณนะลูกรัก!"

"อี๋... " ชิงหรงอุทานขึ้นอย่างรู้สึกรังเกียจ : "แม่คุณยังไม่ได้เช็ดปากเลย!"

ชิงหรงเป็นคนที่รักสะอาดมาก ปกติถ้าถูกคนในครอบครัวกระทำเช่นนี้ด้วยเธอจะต้องโกรธอย่าแน่นอน

แต่ถึงกระนั้นโรครักสะอาดขึ้นสมองของเธอก็ยกเว้นหยางหลิงรุ่ยไว้คนหนึ่ง

หลังทานอาหารค่ำเสร็จ หยางหลิงรุ่ยให้หยางเทียนช่วยนำอาหารบำรุงไปส่งที่โรงพยาบาล

เธอไม่ได้นั่งทำการบ้านเป็นเพื่อนชิงหรงมานานแล้ว หลังจากดูชิงหรงทำการบ้านทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็กล่อมชิงหรงนอน

เธอรู้สึกว่าสมองของเธอยังคงวุ่นวายและยังไม่รู้สึกง่วงนอนเท่าไหร่ จึงเตรียมตัวออกไปเดินเล่นสักหน่อย

หลังจากเดินมาถึงศาลาที่สวนด้านหลังคฤหาสน์และนั่งลงได้สักพักก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

เธอเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเป็นตงเหยียนที่เดินมา

“พี่สะใภ้ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่นอนอีกคะ”

ด้านหลังของตงเหยียนเป็นคนใช้ที่ถือผลไม้และไวน์แดงมาด้วย ก่อนจะวางลงไว้บนโต๊ะหินในศาลา

“เห็นวันนี้เธอดูมีเรื่องให้กังวลเยอะแยะ ก็เลยอยากมานั่งคุยเล่นกับเธอสักหน่อย”

"ฉันไม่เป็นไร……"

หยางหลิงรุ่ยตอบเสียงเบา แต่ในใจเธอกลับกำลังคิดถึงเรื่องของฮั่วเทียนหลันอยู่

จางรันดีกับเธอ ฮั่วเทียนหลันเองก็เช่นเดียวกัน ผู้ชายสองคนนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอแล้ว

ถ้าหากพูดอย่างจริงจัง จางรันมีผลต่อใจของเธอมากกว่าเล็กน้อย

หยางหลิงรุ่ยเกิดความรู้สึกสงสัยตัวเอง ว่ากันว่าผู้ชายต่างก็เจ้าชู้ด้วยกันหมด

แล้วตัวเธอล่ะ เรียกว่าหลายใจเหมือนกันหรือเปล่า

"โห ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกนะ แปปเดียวก็เหม่ออีกแล้ว คิดถึงหนุ่มคนไหนล่ะ"

ตงหยานยกแก้วไวน์แดงของเธอขึ้นมาพร้อมกับพูดเพื่อให้บรรยากาศดูผ่อนคลายขึ้น จากนั้นแตะแก้วไวน์ตนเองกับของหยางหลิงรุ่ยเบาๆ

หยางหลิงรุ่ยยกไวน์แดงขึ้นจิบ รสชาติของไวน์นี้ค่อนข้างคุ้นเคยเลยทีเดียว

ดูเหมือนกับ

ตงเหยียนราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ อีกฝ่ายเอ่ยขึ้น : "ไวน์แดงนี้จางรันเป็นคนส่งมาให้ก่อนหน้า เขาบอกว่าเธอชอบมันมาก"

"อืม……"

“จางรันนี่เป็นผู้ชายที่ดีมากเลยจริงๆ หากเขาเกิดก่อนสักสิบปี ไม่แน่ฉันอาจจะแย่งเขากับเธอก็ได้!” เมื่อเห็นหยางหลิงรุ่ยยังคงรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ตงเหยียนจึงยิ้มและเอ่ยขึ้นมา

"ใช่……"

หยางหลิงรุ่ยยังคงรู้สึกแย่ ความทุกข์ในใจของเธอไม่สามารถพูดระบายกับคนอื่นได้เลยจริง ๆ

"เธอมีเรื่องอะไรในใจบอกกับพี่สะใภ้มาหน่อยเร็ว ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่าเธอแน่นอน" เมื่อหยางหลิงรุ่ยยังคงไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา ดังนั้นตงเหยียนจึงถามเธอออกไปตรง ๆ

และเพื่อสร้างความมั่นใจแก่เธอ เขายังกล่าวอีกว่า : "วางใจได้ ฉันจะไม่บอกพี่ชายใหญ่ของเธอแน่นอน"

หยางหลิงรุ่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย เธออ้าปากขึ้นเตรียมจะเล่า แต่สุดท้ายก็ส่ายหัวและพูดว่า : "พี่สะใภ้ ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ คงเพราะจางรันยังไม่หายดี ฉันก็เลยรู้สึกกังวลเล็กน้อยน่ะ!"

ตงเหยียนปอกผลกีวีและส่งให้หยางหลิงรุ่ย

"อาการบาดเจ็บของจางรันเกือบจะหายเป็นปกติดีแล้ว อีกสักพักก็คงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ดังนั้นอย่าได้เป็นกังวลไปเลย"

"ค่ะ"

ทั้งสองคนนั่งคุยกันสักพัก ตงเหยียนเห็นว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถพูดโน้มน้าวใจหยางหลิงรุ่ยได้ จึงเร่งให้เธอรีบกลับห้องไปนอนพักผ่อนแทน

ในตอนท้ายเธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“อ้อ สุดสัปดาห์นี้โรงเรียนจะจัดงานกีฬาระหว่างผู้ปกครองและเด็ก เธออย่าลืมเข้าร่วมกับหรงหรงด้วยล่ะ”

เมื่อหยางหลิงรุ่ยกลับถึงห้องนอน เธอก็เช็ดตัวด้วยผ้าเปียก

บาดแผลที่คอของเธอดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางจุดที่ยังมีรอยแดงและบวมเล็กน้อย แต่กระนั้นหากไม่กดมันก็ไม่ได้รู้สึกปวดเท่าไหร่

คงเป็นเพราะเธอเช็ดตัวคราวก่อนและมีน้ำหยดซึมลงไป

เธอนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับมือที่ถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ หน้าจอยังคงค้างอยู่ที่หมายเลขโทรศัพท์ของฮั่วเทียนหลัน ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว

เธอลังเลอยู่นานและในที่สุดก็ตัดสินใจกดโทรออกหาฮั่วเทียนหลัน

แต่เธอลืมคิดไปว่าเวลานี้มันดูจะรบกวนเวลาพักผ่อนไปหน่อย

รอสายอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังไม่มีใครกดรับเสียที

เธอจึงกดโทรผ่าน WeChat อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย

ช่างเถอะ สงสัยเขาคงไม่อยากรับล่ะมั้ง!

หยางหลิงรุ่ยนำโทรศัพท์มือถือชาร์จทิ้งไว้บนหัวเตียง ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมร่างกายและนอนหลับไปด้วยความรู้สึกกังวลใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นเธอถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์

เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับอีกแล้ว และช่วงเวลานี้มันควรจะเป็นเวลาที่เธอจะได้นอนทดแทน

เธอเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือลงมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะปัดเพื่อกดรับสาย

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหยาง เมื่อคืนผมนอนพักผ่อนไปแล้ว คุณโทรหาผมมีอะไรหรือเปล่า”

เสียงโทนต่ำและแหบแห้งของชายคนหนึ่งขึ้นเข้ามาในสาย

หยางหลิงรุ่ยที่สมองเบลออยู่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็นึกได้ว่านี่คือฮั่วเทียนหลันที่โทรกลับหาตนเอง

เธอตื่นเต็มตาทันที ก่อนจะกระแอมเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น : "ขอ ขอโทษค่ะคุณฮั่ว ฉันเพิ่งตื่นนอน และก็ไม่มีอะไรแค่ได้ยินมาว่าคุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว ร่างกายคุณดีขึ้นแล้วหรือยังคะ"

เดิมทีหยางหลิงรุ่ยอยากจะถามเกี่ยวกับการถ่ายเลือด แต่พอถึงเวลาจริงๆเธอกลับเปลี่ยนคำถาม

เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้เก็บเอาไว้ความลับก็เพราะไม่อยากให้เธอรู้

“คุณหยางเป็นห่วงผมเหรอ” ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เอ่ยตอบแต่เลือกที่จะถามขึ้นมาแทน

หยางหลิงรุ่ยนิ่งชะงัก ก่อนจะพูดตะกุกตะกัก : "เอ่อ อันนี้ จะ จะว่างั้นก็ได้ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่เหรอคะ"

“แต่ผมไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับคุณหยางนี่ ทำอย่างไรดี” น้ำเสียงของฮั่วเทียนหลันบ่

งบอกว่าจะไม่ยอมแพ้หากยังไม่ได้ในสิ่งที่หวัง

หยางหลิงรุ่ยอ้าปากค้าง เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี

ในสายเงียบไปชั่วขณะ เธอไม่ยอมพูดอะไรขึ้นมาและเขาเองก็เช่นเดียวกัน

เนิ่นนานกว่าจะก็มีเสียงแผ่วเบาจากฝั่งของฮั่วเทียนยหลันแทรกเข้ามาในสาย ฮั่วเทียนหลันจึงเอ่ยขึ้น : "คุณหยางมีธุระอะไรอีกไหมครับ"

"ไม่ ไม่มีค่ะ ฉันแค่อยากรู้ว่าแผลของคุณหายดีแล้วหรือยังแค่นั้น" หยางหลิงรุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล เพราะฮั่วเทียนหลันร่างกายยังไม่ทันหายดีแต่ก็ยังไปบริจาคเลือดให้จางรัน

กลัวว่าจะยิ่งซ้ำร้ายเข้าไปอีก

"ยังไม่ดีเลย ยังคงร้ายแรงอยู่มาก ต้องการใครสักคนมาเฝ้าดูแลใกล้ชิดติดขอบเตียงถึงจะหายเร็วขึ้น"

"อะไรเนี้ย ฉันกำลังซีเรียสอยู่นะ! " หยางหลิงรุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกอายและโมโห ฮั่วเทียนหลันคนนี้ไม่เคยลืมที่จะพูดแกล้งเธอสักครั้งเลยจริง ๆ

“ผมก็กำลังพูดเรื่องซีเรียสกับคุณหยางอยู่นี่ไง”

"คุณแค่บอกฉันมาว่าร่างกายของคุณดีขึ้นหรือยัง ถ้ายังก็รีบไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลซะ คุณฮั่ว ไม่ว่าเรื่องจะเร่งด่วนและสำคัญมากแค่ไหน ก็ไม่สำคัญไปกว่าร่างกายที่แข็งแรงนะคะ" หยางหลิงรุ่ยรู้สึกเป็นกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก หรือว่าผู้ชายคนนี้ร่างกายยังไม่หายดีจริง ๆ

ถ้าหากยังไม่ดี เขาโง่หรือไงที่ออกจากโรงพยาบาลไปก่อนเช่นนั้น

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของฮั่วเทียนหลันดังเข้ามาในสาย : "ถ้าหากคุณหยางเป็นห่วงผมจริง ๆ เช่นนั้นก็จัดทำอาหารมาให้ผมทานสามมื้อต่อวัน แล้วก็มาอยู่ดูแลผมบ่อย ๆ สิ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง