เธออยากรู้ไหม” หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันปรากฏตัวขึ้น จางรันก็รู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้อีกต่อไป
"อืม นายก็บอกกับฉันสิ!" หยางหลิงรุ่ยจับมือจางหรันเขย่าไปมาอย่างออดอ้อน
ใบหน้าหล่อเหลาของจางรันยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยเสียงเบา : "ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็รู้จักเธอแล้ว"
พวกเธอเป็นคู่รักที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กยังงั้นเหรอ
จู่ๆหยางหลิงรุ่ยก็มีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาในหัว แต่แล้วเธอก็ปฏิเสธความคิดอันนี้
เพราะถ้าหากเป็นเช่นนี้ก็คงจะไม่มีเรื่องที่ว่าเธอกับฮั่วเทียนหลันเคยคบกัน
จางรันตกอยู่ในห้วงความทรงจำ เขาเล่นเรื่องอดีตอันแสนสุขของเขากับหยางหลิงรุ่ยเมื่อตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก
หยางหลิงรุ่ยตั้งใจฟังเรื่องเล่าของเขาและยกยิ้มขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้จางรันที่มองอยู่รู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์
เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าตนเองนั้นกำลังเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย
เพราะสิ่งที่เขาเล่ามาทั้งหมดไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันในเวลานั้น
เขาไม่อยากให้เธอรู้เรื่องราวในอดีตระหว่างพวกเขาทั้งสอง
เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ความรู้สึกเช่นนี้ก็จะต้องเผชิญกับความท้าทาย
แม้ว่าคนของตระกูลหยางจะรู้รายละเอียดเรื่องของตนเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่มีใครพูดชี้แจงเรื่องนี้ขึ้นมา นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด
แต่ถ้าหากหยางหลิงรุ่ยรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พวกเขาสองคนก็ไม่มีโอกาสไปต่ออีกแน่
จางรันรู้ดีว่าไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือว่าตอนนี้ เธอก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นญาติและน้องชายคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าพวกเขาสองคนจะเป็นแฟนกันและมีบ้างบางครั้งที่ทำกิริยาท่าทางสนิทสนมอย่างคนเป็นแฟนกับชอบทำ
หลังจากพูดคุยกันมาได้ครึ่งชั่วโมง หยางหลิงรุ่ยก็สังเกตเห็นว่าจางรันดูอ่อนเพลีย เธอจึงปล่อยให้เขานอนพักผ่อนสักพัก
เธอเดินออกมาจากห้องคนไข้และยืนบิดเอวคลายความเหนื่อยล้าอยู่ครู่นึง ขณะนั้นเองพยาบาลสองคนก็เดินผ่านมา
“คนไข้ในห้องนี้ก็หล่อมากเช่นกัน เธอลองหาโอกาสมาให้เห็นกับตาตัวเองดู!”
“จริงหรือเปล่า หล่อกว่าหนุ่มหล่อที่ห้อง Supreme คนนั้นอีกจริงเหรอ คนนั้นเขาหล่อมากเลยและยังมีบอดี้การ์ดมากมายคอยเฝ้าอีกด้วย เขาต้องเป็นคนที่มีอำนาจและฐานะมากอย่างแน่นอน!”
“เธออย่าได้ฝันเลย คุณเขาฐานะสูงส่งขนาดนั้นคงไม่มาชอบเธอหรอก!”
“เออใช่ ฉันพึ่งนึกออกว่าคนไข้คนนั้นบริจาคเลือดให้กับคนไข้ในห้องนี้ด้วยล่ะ พวกเขาเป็นญาติกันหรือเปล่า”
...
หยางหลิงรุ่ยที่กำลังจะเดินออกไปจากตรงนั้นอยู่แล้ว พอได้ยินพยาบาลพูดเช่นนี้เธอก็รีบเดินกลับไปแล้วรั้งพยาบาลหญิงคนที่พูดเมื่อตะกี้ทันที
"เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ"
พยาบาลสาวผงะเล็กน้อย เธอมองหยางหลิงรุ่ยที่สวมเสื้อผ้าหรูหราและพึ่งเดินออกมาจากห้องคนไข้ห้องนี้ก็อดที่จะเข้าใจผิดไม่ได้
"ฉัน ฉัน ... ฉันบอกว่าคนไข้ที่ห้องนี้หล่อมาก!" พยาบาลสาวคนนั้นตอบเสียงสั่น เธอคิดว่าตนเองกำลังจะมีปัญหาแล้วแน่ ๆ
"ไม่ใช่ ไม่ใช่ประโยคนี้ คุณบอกว่าผู้ป่วยห้อง Supreme บริจาคเลือดให้เขางั้นเหรอ" หยางหลิงรุ่ยถามขึ้นอย่างร้อนใจ
เมื่อพยาบาลสาวคนดังกล่าวได้ยินดังนั้นเธอก็รีบส่ายหัวทันที : "ขออภัยค่ะ โรงพยาบาลต้องรักษาความเป็นส่วนตัวของคนไข้ ขอความกรุณาคุณผู้หญิงช่วยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทีนะคะ! ไม่เช่นนั้นถ้าหากหัวหน้ารู้ ฉันต้องถูกไล่ออกแน่เลย!"
พูดจบ พยาบาลสาวทั้งสองก็รีบเดินออกไปทันที
หยางหลิงรุ่ยยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลาเนิ่นนาน จนแทบที่จะสามารถทำความเข้าใจกับเรื่องทั้งหมดได้
มิน่าล่ะ ถึงได้เลือดมาเร็วขนาดนั้นและแหล่งที่มาของมันยังถูกเก็บเป็นความลับอีกด้วย
ที่แท้คือฮั่วเทียนหลันที่บริจาคเลือดนี่เอง!
ร่างกายของเขาเป็นเช่นนั้น หากบริจาคเลือดจะไม่มีผลกระทบจริงหรือ
หยางหลิงรุ่ยกลับมาบ้านด้วยความฟุ้งซ่าน เธอถือโทรศัพท์มือถือไว้ตลอดทั้งบ่ายด้วยความคิดไม่ตก
ในช่วงเวลาที่เริ่มคบค้าสมาคมกัน เธอได้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์มือถือของฮั่วเทียนหลันเอาไว้ ตอนนี้เธอลังเลว่าจะโทรหาฮั่วเทียนหลันหรือว่าส่งข้อความทาง WeChat เพื่อขอบคุณเขาสักหน่อยดีไหม
ช่วงเวลาอาหารค่ำ จิตใจของเธอก็ยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"คุณแม่คะ อันนี้อร่อยมาก ... " ชิงหรงเป็นเด็กที่พูดรู้เรื่อง เธออายุน้อยแต่รู้จักสักเกตสีหน้าและคำพูดของผู้อื่น ทั้งยังเป็นรู้จักตักอาหารให้กับหยางหลิงรุ่ยอีกด้วย
หยางหลิงรุ่ยตักข้าวใส่ปากอย่างเหม่อลอย แม้แต่เรื่องที่ต้องไปส่งข้าวให้จางรันก็ลืมไปหมดเช่นกัน
"หลิงรุยเป็นอะไร ใจลอยไปไหน!" เมื่อเห็นหยางหลิงรุ่ยกำลังนั่งเหม่อ ตงเหยียนจึงใช้ตะเกียบเคาะถ้วยของเธอสองสามครั้ง
หยางหลิงรุ่ยอุทานขึ้นก่อนจะได้สติกลับมา เมื่อมองเห็นข้าวที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย : "ขอโทษค่ะพี่สะใภ้ ฉันใจลอย"
“กินข้าวยังใจลอยได้อีกนะ รีบกินอาหารที่หรงหรงตักให้เร็วเข้า”
เมื่อได้ยินที่ตงเหยียนพูด หยางหลิงรุ่ยถึงได้สังเกตเห็นอาหารกว่าครึ่งจานที่ถูกตักมาวางตรงหน้าเธอ
เธอโน้มตัวลงหอมแก้มชิงหรง : "ขอบคุณนะลูกรัก!"
"อี๋... " ชิงหรงอุทานขึ้นอย่างรู้สึกรังเกียจ : "แม่คุณยังไม่ได้เช็ดปากเลย!"
ชิงหรงเป็นคนที่รักสะอาดมาก ปกติถ้าถูกคนในครอบครัวกระทำเช่นนี้ด้วยเธอจะต้องโกรธอย่าแน่นอน
แต่ถึงกระนั้นโรครักสะอาดขึ้นสมองของเธอก็ยกเว้นหยางหลิงรุ่ยไว้คนหนึ่ง
หลังทานอาหารค่ำเสร็จ หยางหลิงรุ่ยให้หยางเทียนช่วยนำอาหารบำรุงไปส่งที่โรงพยาบาล
เธอไม่ได้นั่งทำการบ้านเป็นเพื่อนชิงหรงมานานแล้ว หลังจากดูชิงหรงทำการบ้านทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็กล่อมชิงหรงนอน
เธอรู้สึกว่าสมองของเธอยังคงวุ่นวายและยังไม่รู้สึกง่วงนอนเท่าไหร่ จึงเตรียมตัวออกไปเดินเล่นสักหน่อย
หลังจากเดินมาถึงศาลาที่สวนด้านหลังคฤหาสน์และนั่งลงได้สักพักก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
เธอเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเป็นตงเหยียนที่เดินมา
“พี่สะใภ้ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่นอนอีกคะ”
ด้านหลังของตงเหยียนเป็นคนใช้ที่ถือผลไม้และไวน์แดงมาด้วย ก่อนจะวางลงไว้บนโต๊ะหินในศาลา
“เห็นวันนี้เธอดูมีเรื่องให้กังวลเยอะแยะ ก็เลยอยากมานั่งคุยเล่นกับเธอสักหน่อย”
"ฉันไม่เป็นไร……"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง