หลังจากพูดจบ โทรศัพท์มือถือก็ถูกกดวางสาย
หยางหลิงรุ่ยมองดูโทรศัพท์มือถือด้วยความงงงัน ผู้ชายคนนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย!
เขาไม่รู้หรือไงว่าควรให้ผู้หญิงเป็นคนวางสายก่อน
เนื่องจากมีสายโทรเข้ามาเช่นนี้ ทำให้หยางหลิงรุ่ยเองก็หายง่วงไปด้วย
เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนจะลงไปที่ห้องอาหารชั้นล่าง
สายโทรเข้าของฮั่วเทียนหลันนั้นช่างประจวบเหมาะ ปลุกหยางหลิงรุ่ยให้ตื่นขึ้นมาในเวลาทานข้าวเช้าพอดิบพอดี
เธออ้าปากหาวก่อนจะเอ่ยอรุณสวัสดิ์กับตงเหยียนและนั่งลงที่เก้าอี้
ตงเหยียนกำลังทานอาหารเช้ากับชิงหรง เธอยิ้มและเหลือบมองไปที่หยางหลิงรุ่ยเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : "หลิงรุ่ย ทำไมแผลที่คอของเธอถึงอักเสบล่ะ"
หยางหลิงรุ่ยสวมใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ เธอรูดซิปของเสื้อลงต่ำจนเกือบถึงหน้าอก ทำให้เห็นบาดแผลที่ถูกรัดคอก่อนหน้านั้นพอดี
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเอื้อมมือไปแตะที่คอของตนเองอย่างลืมตัว
ตอนที่ยังไม่แตะก็ไม่รู้สึกอะไร พอสัมผัสเข้าให้เท่านั้นแหละเธอก็สะดุ้งขึ้นด้วยความเจ็บปวดทันที
"อ่า เจ็บจัง... "พอรู้ตัวว่าตนเองพลั้งปากไป เธอจึงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดขึ้น : "ไม่เป็นไรค่ะ พี่สะใภ้ คงเป็นตอนที่ฉันเช็ดตัวแล้วน้ำมันโดนแผลพอดี อีกสักสองสามวันก็คงหายดีแล้วล่ะ"
ตงเหยียนเคยผ่านมาก่อน แน่นอนว่าเธอเข้าใจถึงความอันตรายจากการอักเสบของบาดแผลดี เธอยื่นหน้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง : "นี่ไม่ใช่แผลเล็ก ๆ นะ ถ้าหากเป็นหนองข้างในมันจะกลายเป็นแผลเป็นได้"
หยางหลิงรุ่ยหยิบขนมปังขึ้นมากัด เธอพยักหน้ารับอย่างไม่คิดใส่ใจนัก
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เธอและตงหยานก็ไปส่งชิงหรงที่โรงเรียนด้วยกัน
ตอนขากลับ ตงเหยียนสั่งให้คนขับรถเปลี่ยนเส้นทางไปยังโรงพยาบาลกลาง
"ไปไหน ไปทำอะไรคะ" หยางหลิงรุ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
"ไปจัดการกับแผลที่คอของเธอสักหน่อย ถึงแม้เธอจะไม่แคร์แต่ฉันแคร์" ตงเหยียนพูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ
หยางหลิงรุ่ยยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสบาดแผลอีกครั้ง แต่กลับถูกฟาดเข้าที่มือหนึ่งที
"อย่าสัมผัส เดี๋ยวแผลติดเชื้อต่อ"
"จะเป็นไปได้ยังไง แผลมันหายเป็นปกติแล้ว แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเอง" หยางหลิงรุ่ยพูดขึ้นอย่างเฉยเมย แต่ก็ยังหยิบกระจกขึ้นมาจากกระเป๋าเพื่อส่องดูบาดแผล
พอมองแบบนี้ก็รู้สึกว่าเหมือนแผลจะแดงและบวมขึ้น ดูน่ากลัวมากเลยจริง ๆ
ช่วงนี้เธอเอาแต่กังวลเกี่ยวกับจางรันแล้วก็ฮั่วเทียนหลัน จึงทำให้ไม่ได้สนใจร่างกายของตนเองเลยสักนิด
"บาดแผลเล็ก ๆ ถ้าติดเชื้อจนเป็นหนองก็อาจจะถึงชีวิตได้เช่นกัน เธอนี่ช่างประมาทเสียจริง คุณหมอเตือนว่าอย่าให้โดนน้ำแล้วแน่นอน แต่เธอไม่ยอมฟัง" ตงเหยียนตำหนิหยางหลิงรุ่ยด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอมองว่าหยางหลิงรุ่ยเป็นเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ของตนเอง
"ฉันเองก็ใส่ใจมากเหมือนกันนะ แต่ว่านานหลายวันขนาดนี้ ถ้าหากไม่ได้เช็ดตัวบ้างก็คงจะเหม็นเน่ามากแน่!"
ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาล คุณหมอได้ทำการรักษาบาดแผลอีกครั้งก่อนจะกำชับเรื่องของยาและสั่งห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำอีกเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจเกิดรอยแผลเป็นหรือแม้กระทั่งอาจติดเชื้อได้
หลังจากที่ตงเหยียนพาหยางหลิงรุ่ยกลับมาถึงบ้าน เธอก็กักบริเวณอีกฝ่ายทันทีเพื่อที่จะได้นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างเต็มที่
คฤหาสน์ฮัว ฮั่วเทียนหลันที่เพิ่งลงจากเครื่องออกกำลังกาย
พลันนึกถึงตอนที่คุยกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อเช้าขึ้นมา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มที่มุมปาก
ทันใดนั้นโจวหยวนก็เดินเข้ามาหาเขาก่อนจะเอ่ย : "ท่านประธานฮั่ว ถึงเวลาไปล้างแผลอักเสบแล้วครับ"
"อืม" ฮั่วเทียนหลันเดินเข้าไปในห้องพยาบาล ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมคิ้วที่ขมวดกันแน่น
เนื่องจากการบริจาคเลือดครั้งที่แล้ว ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเขาลดลงเป็นอย่างมาก
แผลที่ติดเชื้ออยู่ก่อนแล้วอีกนิดเกือบจะเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ โชคดีที่แพทย์รักษาได้ทันเวลาก่อน
เขานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ด้านหน้าคอมพิวเตอร์มีเอกสารกองหนึ่งวางเอาไว้ ส่วนหน้าจอของคอมพิวเตอร์นั้นกำลังแสดงข้อมูลล่าสุดของโครงการต่าง ๆ ในบริษัท
อันที่จริงการที่เขาป่วยเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจัดการกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ด้วยตนเองก็ได้ เพราะโจวหยวนและฮัวเส้าซู่สามารถรับมือกับมันได้สบายอยู่แล้ว
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้สภาพแวดล้อมระหว่างประเทศได้มีการเปลี่ยนแปลงไป และฮั่วเทียนหลันกังวลมากว่าบริษัทจะตกอยู่ในปัญหา
เหตุการณ์คาร์บอมบ์ครั้งก่อนผู้ก่อการร้ายได้ประกาศมอบตัวยอมรับผิดแล้ว
มันคือองค์กรก่อการร้ายของสงครามทางศาสนาที่ปากีสถาน และเป็นพันธมิตรใต้ดินของตระกูลหยางที่เขตพื้นที่อาหรับ
การโจมตีในครั้งนี้ เพื่อร้องขอให้รัฐบาลออสเตรเลียปล่อยตัวผู้ประท้วงหัวรุนแรงที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้สิบกว่าคนนั้น
แน่นอนว่ารัฐบาลออสเตรเลียไม่ยอมก้มหัวให้กับการถูกคุกคามดังกล่าว หลังจากนั้นมีคนตั้งใจปล่อยหลักฐานออกมาว่าตระกูลหยางได้สนับสนุนสงครามทางศาสนา จึงทำให้ตระกูลหยางตกเป็นที่วิพากย์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมอย่างโหดร้ายและรุนแรง
Felton International Hotel เป็นโรงแรมระดับ 6 ดาวที่ดีที่สุดในเมือง Orton
คนที่พักอยู่ในนั้นต่างก็เป็นพวกไฮโซ ผู้ประกอบการและนักการเมืองแทบจะทั้งหมด
เรื่องสงครามทางศาสนานั้นพวกเขาอาจจะไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
แต่สำหรับตระกูลหยาง ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถปราบปรามได้
ในเมื่อสงครามทางศาสนาได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหยาง และสิ่งที่พวกเขาก่อขึ้นมาทั้งหมดในตอนนี้ตระกูลหยางก็จะต้องรับผิดชอบไปด้วย
การวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนล้วนแล้วแต่เป็นการกดดันตระกูลหยาง ทำให้หุ้นของ Aneng Group ลดลงถึงหนึ่งในสามอย่างรวดเร็ว
ตระกูลฮัวที่มีอำนาจสูงสุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างฮั่วทียนหลันและหยางหลิงรุ่ยในตอนนี้ถึงแม้จะไม่ได้สนิทกันอย่างแต่ก่อนแล้ว แต่ทั้งสองครอบครัวก็ถือได้ว่ารู้จักกันดี
ฮั่วเทียนหลันรู้สึกเจ็บที่หน้าอกจนขมวดคิ้ว เขากำลังจะเอื้อมมือไปกด แต่ก็นึกขึ้นมาได้ก่อนว่าคุณหมอสั่งห้ามไม่ให้แตะมันเด็ดขาด
เขาจึงทำได้เพียงปล่อยมันไปอย่างนั้น จนสุดท้ายรู้สึกทนไม่ไหวจริง ๆ จึงหยิบกล่องยาแก้ปวดออกมาจากลิ้นชักและทานไปสองเม็ดถึงได้รู้สึกโอเคขึ้นมา
หยางหลิงรุ่ยพักผ่อนอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งวัน หลังจากได้รับการรักษาจากคุณหมอในครั้งนี้ เธอก็รู้สึกปวดที่แผลขึ้นมาเป็นครั้งคราว
เพื่อป้องกันไม่ให้เธอสัมผัสกับน้ำ ตงเหยียนได้จัดหาพี่เลี้ยงส่วนตัวสำหรับดูแลชีวิตประจำวันของเธอเป็นพิเศษ
ในตอนเช้า เธอหยิบกล่องอาหารที่อุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้วขึ้นมารถก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล
บริเวณทางเดินของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อ และสภาพแวดล้อมที่ดูมืดมนถนัดตานั้นทำให้ทุกครั้งที่มาที่นี่หยางหลิงรุ่ยจะต้องฝืนอดทนเป็นอย่างมาก
จางรันอาการดีขึ้นมากแล้ว หยางหลิงรุ่ยวางกล่องเก็บความร้อนลงบนโต๊ะก่อนจะเปิดและหยิบอาหารเช้าทุกชนิดออกมา
ในฐานะคนจีน จางรันไม่ได้พิถีพิถันกับอาหารจีนหรืออาหารตะวันตกมากนัก แต่รสปากของเขาตั้งแต่วัยเด็กนั้นโน้มไปทางฝั่งอาหารจีนมากกว่า
ดังนั้นอาหารหลักสามมื้อนี้หยางหลิงรุ่ยจึงทำเป็นอาหารจีนให้เขาทานทั้งหมด
เนื่องจากจางรันฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อาหารที่ทานจึงไม่จำเป็นต้องมีรสชาติอ่อนและง่ายต่อการดูดซึมเป็นหลัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง