เมื่อได้ยินคำพูดของหยางหลิงรุ่ย แววตาของชิงหรงก็ส่องประกายไปด้วยความสงบสุข
มือเล็กที่กุมมือของหยางหลิงรุ่ยอยู่ ก็คลายออกเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
และคราวนี้เธอก็หลับไปจริง ๆ
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ คิ้วขมวดขึ้นเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังฝันถึงสิ่งที่ไม่ดี
ทุกครั้งที่เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วยุ่ง หยางหลิงรุ่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างก็จะยื่นมือออกออกไปลูบหน้าผากของชิงหรงอย่างแผ่วเบา
ทันทีที่เธอวางมือลงไป ชิงหรงก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นมาทันใด และก็จะนอนหลับต่อไปอย่างสงบสุข
มือที่กุมมือของหยางหลิงรุ่ยไว้นั้น เนื่องจากเข้าสู่โหมดหลับลึกไปแล้ว จึงได้ปล่อยออกอย่างสิ้นเชิง
หยางหลิงรุ่ยยัดเจ้าตัวเล็กเข้าไปในผ้านวม จากนั้นเดินไปที่ตู้กดน้ำและกดน้ำอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะด้านข้างให้เธอหนึ่งแก้ว
เธอไม่กล้าวางไว้บนหัวเตียง เพราะชิงหรงนั้นเก่งทุกอย่าง แต่กลับเป็นคนที่มีนิสัยรีบร้อน
ตัวอย่างเช่น เมื่อเธอรู้สึกกระหายน้ำในระหว่างที่นอนอยู่ เธอจะลุกขึ้นและเอื้อมมือออกไปควานหาแก้วน้ำบนหัวเตียงอย่างสะเปะสะปะ
ดังนั้นหลังจากที่เธอทำถ้วยแตกใบที่หก หยางหลิงรุ่ยจึงได้เปลี่ยนที่วางแก้วไว้บนโต๊ะแทน
เธอปิดไฟในห้องของชิงหรงลง เหลือไว้เพียงโคมไฟดวงเดียวเท่านั้น
แต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไปนั้น เธอก็มองเห็นสมุดบันทึกเล่มเล็กที่วางอยู่ใต้โคมไฟเสียก่อน
บนสมุดมีตัวอักษรตัวใหญ่เขียนเอาไว้ว่า ไดอารี่
ชิงหรงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของตัวเอง และขอให้ครอบครัวหยางให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของเธอด้วยเช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่มีใครแตะต้องสิ่งของของเธอเลย โดยเฉพาะหากยังไม่ได้รับความอนุญาติจากเธอก่อนแล้วล่ะก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
หยางหลิงรุ่ยใช้เวลานานพอสมควรกับการระงับความต้องการที่อยากเปิดไดอารี่ของชิงหรง เพื่อดูว่าชิงหรงนั้นกำลังคิดอะไรอยู่บ้าง
ไดอารี่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมบัติกักเก็บจิตวิญญาณของคนคนนั้น มันเป็นสถานที่สุดท้ายที่ถูกใช้เพื่อกักเก็บความเป็นส่วนตัว
จากข้างในนั้น หยางหลิงรุ่ยสามารถรับรู้ในสิ่งที่เธอต้องการจะรู้ได้
แต่สุดท้าย หยางหลิงรุ่ยก็เลือกที่จะรักษาระยะห่างระหว่างแม่ลูกเอาเช่นนี้ต่อไป
เพราะเธอรักชิงหรงมาก ดังนั้นขณะเดียวกันเธอก็ต้องให้เกียรติชิงหรงด้วยเช่นกัน
เธอวางไดอารี่ลง ก่อนจะหันกลับมาและพบว่าชิงหรงกำลังลืมตาอยู่
และนั่นทำให้ร่างกายของหยางหลิงรุ่ยสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน โอ้พระเจ้า ไม่ใช่หรอกมั้ง ชิงหรงคงไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่แรกหรอกใช่ไหม
โชคดีที่ในแววตาของเธอนั้นดูมีความสับสันงุนงงอยู่ ทำให้หยางหลิงรุ่ยสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ท่าทางของเธอในตอนนี้ ดูเหมือนเพิ่งจะตื่นขึ้นมา
“คุณแม่ คุณแม่ ... ” ชิงหรงพูดพึมพำเสียงเบา
หยางหลิงรุ่ยตอบรับและรีบโน้มตัวเข้าไปใกล้ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น : "ลูกรัก ต้องการให้คุณแม่ทำอะไรเหรอคะ"
“ทำไมคุณแม่ถึงยังไม่นอนอีก”
ดวงตาของเธอใสสะอาด แต่เสียงแหบแห้งของเธอนั้นเป็นเครื่องเตือนให้ทราบว่าทำไมเธอถึงได้ตื่นขึ้นมา
หยางหลิงรุ่ยยิ้มและลูบใบหน้าเล็ก ๆ ของชิงหรงอย่างแผ่วเบา จากนั้นเอ่ยขึ้น : "คุณแม่กำลังจะไปนอนแล้วค่ะ ต้องการคุณแม่ทำอะไรให้ไหม"
“หนูอยากดื่มน้ำ”
"โอเค"
หลังจากรอชิงหรงดื่มน้ำเสร็จ และเฝ้ามองดูเธอหลับไปอีกครั้ง หยางหลิงรุ่ยถึงได้ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป
เธอเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เกือบจะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เมื่อคิดได้ว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะต้องไปที่บริษัทตอนเก้าโมง นั่นหมายความว่าเธอจะต้องตื่นตอนเจ็ดโมงเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม เธอจึงปิดโคมไฟและเร่งรีบที่จะกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง
แต่ทันใดนั้น ชิงหรงที่คล้ายกับกำลังจมอยู่ในห้วงความฝันก็ตะโกนขึ้นมา : "คุณพ่อ คุณแม่ ... "
คำสองคำนี้ ทำให้หยางหลิงรุ่ยร่างกายหยุดชะงัก
เธอรู้อยู่แก่ใจว่า ความปรารถนาของลูกสาวที่มีต่อพ่อของตนนั้น นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุของเธอที่ค่อย ๆ โตขึ้น
ในคืนนี้ หยางหลิงรุ่ยนอนหลับไม่สนิท
เธอฝันว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องใต้ดิน
ห้องใต้ดินนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก มีโลงศพและรูปปั้นพระพุทธรูปที่น่ดูสยดสยอง ข้างในนั้นมืดมาก ๆ มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยที่เล็ดลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเท่านั้น
ใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร
เธอร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างสุดแรง แต่ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยสักคน
แต่ตอนที่เธอรู้สึกหมดหวัง และนอนลงบนพื้นอย่างยอมแพ้นั้น
ทันใดนั้น ประตูด้านบนก็ถูกเปิดออก
แสงสว่างส่องลงมา พร้อมกับเสียงของใครสักคน
ใครสักคน ใครสักคน...
หยางหลิงรุ่ยกำลังนึกว่าเป็นเสียงของใคร และตอนที่เธอพยายามลืมตาขึ้นเพื่อมองดู
ทันใดนั้น เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น
ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน ก่อนจะลุกขึ้นตื่นจากความฝันอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
เธอตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 6:30 เธออาบน้ำล้างหน้าและแต่งหน้าเสร็จภายในเวลาครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็กินข้าวและจัดเรียงสิ่งของของชิงหรงอีกหนึ่งชั่วโมง
ชั่วโมงสุดท้ายนั้น เหลือไว้สำหรับการทำงาน
แม้ว่าระหว่างทางไปบริษัท แม้ว่าจะมีรถติดแต่อย่างน้อยใช้เวลา 40 นาทีก็เพียงพอแล้ว
แต่หยางหลิงรุ่ยมีนิสัยการใช้ชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็มักจะเผื่อเวลาอย่างพอดีเสมอ
เมื่อไปถึงบริษัท ยังมีเวลาเหลืออีกครึ่งชั่วโมงถึงจะเข้างาน
เธอจอดรถไว้ที่โรงรถใต้ดิน จากนั้นเดินไปรอขึ้นลิฟท์ และในตอนนั้นเองเธอก็พบกับหลี่ซือหยวนพอดี
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ ประธานหลี่”
“สวัสดีตอนเช้าครับ ผู้อำนวยการหยาง"
อยู่ที่บริษัท พวกเขาสองคนมักจะเรียกชื่อกันตามตำแหน่งงาน
หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองหลี่ซือหยวนเล็กน้อย หลี่ซือหยวนเมื่อคืนดูเหมือนจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อนดีเท่าไหร่ บนใบหน้าของเขามองเห็นถุงใต้ตาสองถุงได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
ตอนนี้ลิฟต์เพิ่งมาถึงชั้นที่สิบห้าและบริเวณรอบ ๆ ก็ไม่มีใครอยู่เลย หยางหลิงรุ่ยจึงเอ่ยแซวขึ้น : “ เมื่อคืนประธานหลี่ไม่ได้พักผ่อนเหรอคะ”
หลี่ซือหยวนชะงักไปชั่วขณะ เนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เขาที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ในตอนนี้สมองกลับรู้สึกเบลอเล็กน้อย
"อืม เหนื่อยนิดหน่อย" เขาพูดขึ้น
ที่เขาบอกว่าเหนื่อย เพราะเมื่อคืนเขาไปร่วมงานเลี้ยงดื่มไวน์กับแขกชาวต่างชาติมา ดื่มจนถึงเที่ยงคืนถึงได้กลับบ้าน
หลังจากกลับถึงบ้าน เนื่องจากกลิ่นแอลกอฮอล์ตามร่างกายค่อนข้างรุนแรง ทำให้ตงหยุนถิงไล่เขาออกมานอนที่โซฟา
พอดื่มมากเกินไปก็ทำให้ท่านอนไม่ค่อยสบายตัว แถมยังคอตกหมอนอีกด้วย
เมื่อเช้าเขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการลุกขึ้นจากที่นอน และมาทำงานที่บริษัท
แต่คำพูดเหล่านี้ เมื่อหยางหลิงรุ่ยได้ยินเข้าก็แปลเป็นความหมายอีกอย่าง
ถึงอย่างไรเธอก็สนิทกับหลี่ซือหยวนพอสมควร หยางหลิงรุ่ยจึงตบที่ไหล่ของหลี่ซือหยวนเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : "ประธานหลี่ สุขภาพต้องมาก่อนนะ อย่าใช้งานร่างกายนักล่ะ!"
คำพูดของเธอสื่อความหมายอย่างชัดเจน ถ้าหากหลี่ซือหยวนยังไม่เข้าใจอีก เขาคงเป็นคนโง่ไปแล้ว
เขามองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยสีหน้าไม่คาดคิด ก่อนจะเอ่ย : "ผู้อำนวยการหยาง คุณเปลี่ยนเป็นคนชั่วร้ายไปแล้ว... "
“ชั่วร้าย?” หยางหลิงรุ่ยมองหลี่ซือหยวนด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเดินเข้าไปก่อน
เมื่อลิฟต์เริ่มสูงขึ้นแล้ว เธอถึงเอ่ยขึ้น : "ในใจประธานหลี่มีเพียงหยุนถิงคนเดียว เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นฉันถึงได้ดูแย่ขึ้นมาสินะ!"
"ถึงอย่างไร ในสายตาของคนในบริษัท ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับประธานหลี่ก็ อืม ... "
หยางหลิงรุ่ยแกล้งพูดขึ้นอย่างหยอกล้อ และแน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น
หลี่ซือหยวนแสร้งทำเป็นเศร้าโศก จากนั้นถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ย : "คุณผู้หญิงอย่าแกล้งผมนักสิ ถ้าหากประธานฮั่วมาได้ยินเข้า จะทำให้ผมแย่เอาได้นะครับ"
พอมาถึงชั้น 28 หยางหลิงรุ่ยก็ลงจากลิฟต์
เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง หลี่ซือหยวนก็คล้ายกับนึกอะไรออก เขาจึงกดปุ่มค้างไว้ ประตูลิฟต์จึงเปิดออกอีกครั้ง
"ผู้อำนวยการหยาง"
"หือ?" หยางหลิงรุ่ยหันกลับไป เธอไม่รู้ว่าหลี่ซือหยวนมีเรื่องอะไร
"ผมส่งอีเมลไปให้คุณแล้ว ลองเปิดดูและเตรียมตัวสักหน่อย สุดสัปดาห์นี้จะต้องไปเข้าร่วมแสดงนิทรรศการ"
เข้าร่วมแสดงนิทรรศการ? หยางหลิงรุ่ยรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีนิทรรศการอะไรนี่นา
เธอกำลังจะถามหลี่ซือหยวน แต่ประตูลิฟต์ก็ปิดลงก่อนและมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของท่านประธานที่ชั้นบนสุด
หยางหลิงรุ่ยเดินเข้าไปที่ห้องทำงาน เธอเปิดคอมพิวเตอร์และเช็คดูอีเมลที่ส่งเข้ามา ก่อนจะพบว่าเป็นนิทรรศการภาพยนตร์และโทรทัศน์ของจีนล่าสุด
งานก่อนหน้านี้ ต่างก็ถูกจัดขึ้นโดยบริษัทบันเทิงด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์รายใหญ่หลายแห่งในประเทศจีน
แต่ด้วยความเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ Yang's Entertainment และ Fahrenheit Entertainment ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ทำให้งานนิทรรศการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในปัจจุบันได้กลายเป็นบทบาทเดียวกันของคนทั้งสองครอบครัว
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทต่างชาติหลายแห่งที่ถูกเชิญมาร่วมงานอีกด้วย เมื่อก่อนทุกครั้งที่ฟาเรนไฮต์จัดงานนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ
ในครั้งนี้ Yang's Entertainment ได้ร่วมมือกับ Fahrenheit Entertainment เพื่อจัดงานนี้ขึ้นมา จึงทำให้ได้รับความสนใจจากคนในวงการไปทั่วทุกมุมโลก
หลี่ซือหยวนมอบหมายให้หยางหลิงรุ่ยจัดเตรียมบทละครที่ดีที่สุดแปดเรื่อง เพื่อใช้ในการเจรจาเรื่องความร่วมมือในวันงาน
ตอนนี้ Yang's Entertainment ควบคุมเฉพาะตลาดภายในประเทศเท่านั้น ยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ หยางหลิงรุ่ยจึงจมอยู่ความบ้าคลั่งของการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
จนกระทั่งถึงคืนก่อนวันงาน ถึงสามารถรวบรวมบทละครทั้งแปดเรื่องได้อย่างสมบูรณ์ในที่สุด
โรงแรมหรูที่สุดของเมือง S เป็นโรงแรมอิมพีเรียลที่ Yang Group เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
วันนี้ได้ทำการปิดจองไว้เพื่อจัดงานนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ
สื่อด้านแฟชั่นนับไม่ถ้วน ตลอดจนนักเขียนบทละคร รวมถึงดารานักแสดงชื่อดังหลายคนทั้งในและต่างประเทศต่างก็ทยอยเดินทางมาร่วมงาน
ในงานขนาดใหญ่นี้ ทุกคนสามารถหยิบจับและเลือกรับในสิ่งที่ตนเองต้องการได้
เมื่อหยางหลิงรุ่ยมาถึง บริเวณด้านหน้าของโรงแรมก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
ตระกูลหยางพิจารณาไว้เรียบร้อยแล้วว่า งานในครั้งนี้จะต้องมีคนมาจำนวนมากมาเข้าร่วม ดังนั้นจึงได้ส่งตัวบอดี้การ์ดเพิ่มมากว่า 200 คนเพื่อปฏิบัติหน้าที่คอยดูแลชั่วคราว
แต่ผู้รับผิดชอบเรื่องสถานที่นั้นลืมไปอย่างหนึ่ง นั่นก็คือดารานักแสดงมาร่วมงานจำนวนมาก แฟน ๆ และสื่อขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะตามมาด้วยเช่นเดียวกัน
บริเวณด้านนอกสถานที่จัดงานในตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังยืนเบียดกันมากมาย เสียงลั่นชัตเตอร์ของสื่อมวลชนต่าง ๆ บวกกับเสียงกรีดร้องของแฟนคลับน้อยใหญ่ ดังเสียจนได้ยินไปถึงอีกฟาก
ทันทีที่รถของหยางหลิงรุ่ยมาถึงก็ถูกฝูงชนปิดกั้นเอาไว้
ผู้รับผิดชอบต้อนรับแขกภายในงานของโรงแรมได้ทำการตรวจสอบหมายเลขป้ายทะเบียนรถ พอรู้ว่าเป็นรถของเจ้าบ้านตัวเองก็รีบส่งตัวบอดี้การ์ดออกไปนำทางหยางหลิงรุ่ยไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
ที่ลานจอดรถมีคนหลากหลายสีผิว หลากหลายสัญชาติ หลากหลายช่วงวัยอายุ พวกเขาแต่งตัวหรูหราอย่างไม่ยอมน้อยหน้า และตอนนี้ต่างก็กำลังยืนรอขึ้นลิฟต์อย่างเป็นระเบียบ เพื่อขึ้นไปร่วมงานที่ชั้นสอง
หลี่ซือหยวนกำลังรอหยางหลิงรุ่ย เขาเป็นเจ้านายอาวุโสและหยางหลิงรุ่บเป็นผู้อำนวยการ
คนหนึ่งเป็นตัวแทนของพลังอำนาจ อีกคนเป็นตัวแทนของเทคโนโลยีและฝีมือ การผสมผสานระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติมาก
ทันทีที่ออกมาจากลิฟต์ แฟลชก็สว่างขึ้นทันที ไมโครโฟนจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาล้อมรอบตัวพวกเขาไว้อย่างรวดเร็ว
สื่อกลุ่มนี้ล้วนเป็นสื่อใหญ่ของจีนที่ได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมงาน
แม้ว่าที่ Yang's Entertainment นั้น เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับหยางหลิงรุ่ยและหลี่ซือหยวนจะถูกควบคุมไปเรียบร้อยแล้ว
แต่สื่อที่แพร่หลายเหล่านี้ต่างก็จับตามองมานานมากแล้ว
การปรากฏตัวของหยางหลิงรุ่ยนั้นค่อนข้างกะทันหัน เมื่อก่อนเธอยังปรากฏขึ้นมาตอนที่ฮั่วเทียนหลันออกมาเปิดเผยเรื่องความรักต่อสาธารณะ ดังนั้นผู้สื่อข่าวจำนวนมากจึงได้เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีในการทำข่าวใหญ่ในวันนี้
แต่ทว่า ฮั่วเทียนหลันนั้นไม่อาจรุกรานได้และหลี่ซือหยวนเองก็มีเบื้องหลังที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่มากเลยทีเดียว ดังนั้นจึงยังไม่มีใครกล้าเขียนข่าวรายงานต่อสาธารณะ
และอุตสาหกรรมภายในประเทศนั้นได้เรียนรู้บทเรียนมาก่อนแล้ว
สื่อของเมือง Z ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมสื่อในประเทศจีน พวกเขาไม่เคยเกรงกลัวต่ออะไรทั้งนานแม้แต่ฟ้าดิน แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาไม่กล้า นั่นก็คือการเขียนรายงานข่าวเกี่ยวกับ Fahrenheit Group
ในขณะนี้เอง ก็มีนักข่าวใจกล้าเริ่มเอ่ยถามคำถามขึ้นมาเเล้ว
"สวัสดีค่ะประธานหลี่ ไม่ทราบว่าท่านนี้คือแฟนสาวของคุณหรือเปล่าคะ"
หลี่ซือหยวนเงียบและเดินต่อไปข้างหน้า
หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่ดูวุ่นวายและมีเสียงดัง อีกทั้งยังไม่ชอบพวกนักข่าวที่ดูรื่นเริงกับเรื่องของจิตใจผู้อื่นเช่นนี้อีกด้วย
“คุณหยางคะ คุณคือผู้อำนวยการของ Yang's Entertainment ไม่ทราบว่าคุณแข่งขันเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้มาด้วยตัวเอง หรือว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสนิทสนมระหว่างคุณและประธานหลี่ ดังนั้น....... ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง