"ตามติด?" หยางหลิงรุ่ยเอ่ยพูดซ้ำสองคำนี้ ราวกับว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกสาวต้องการสื่อ
หรือว่าชิงหรงกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างตัวเธอและฮั่วเทียนหลัน?
เมื่อหยางหลิงรุ่ยคิดตรงนี้ หัวใจก็เต้นตึกตักขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ในตอนนั้นเธอถึงรู้ว่า ตัวเองดูเหมือนจะละเลยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับชิงหรงมานานมากแล้ว
ชิงหรงเคยพบเจอกับฮั่วเทียนหลันหลายครั้ง ทุกครั้งที่พวกเขาเจอกัน หยางหลิงรุ่ยไม่รู้เลยว่าพวกเขาพูดอะไรบ้าง ทำอะไรบ้างและไปที่ไหนบ้าง
ตั้งแต่เด็กชิงหรงได้รับความรักของพ่อผ่านพี่ชายใหญ่ พี่ชายรองและคนอื่น ๆ เท่านั้น
แต่นั่นคือลุงของเธอ ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ และความรักแบบนี้มันแตกต่างจากความรักที่มาจากพ่อแม่
สำหรับฮั่วเทียนหลัน หยางหลิงรุ่ยรู้อยู่แก่ใจว่าเขาคือพ่อที่แท้จริงของชิงหรง
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่พัวพันกันเช่นนี้ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ทราบความถึงสัมพันธ์ระหว่างกันก็ตาม
แต่ผู้หญิงนั้นค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อนมาก แล้วในใจของชิงหรงจะคิดว่าฮั่วเทียนหลันคือคุณพ่อของตัวเองหรือเปล่านะ
“ลูกรัก หนูชอบคุณลุงฮั่วคนนั้นไหม”
หยางหลิงรุ่ยไม่ได้ตอบคำถามของชิงหรง แต่เธอเลือกที่จะถามกลับไปแทน
ชิงหรงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมา
ระหว่างเป่าผมให้แห้งนั้นหยางหลิงรุ่ยก็จัดทรงผมให้ชิงหรงไปด้วย แต่เธอหันกลับมาเช่นนี้ ทำให้ผมถูกเป่าจนยุ่งเหยิงไปหมด
และลมร้อนบางส่วนที่พัดออกมาอย่างแรง ก็ทำให้ผมของชิงหรงกลายเป็นทรงที่ดูแปลกและแหวกแนว
“ทำอะไร นั่งดี ๆ สิ”
หยางหลิงรุ่ยเอ่ยขึ้นแกมตำหนิโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าชิงหรงจะดูเหมือนผู้ใหญ่ที่ตัวเล็ก แต่หยางหลิงรุ่ยรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอนั้นก็ยังเป็นเด็กอยู่
เพราะอย่างน้อย เมื่อเธอมีเรื่องไม่สบายใจก็จะไม่สามารถปิดบังจนดูไม่ออก
ชิงหรงไม่ได้หันกลับไปแต่อย่างใด เธอชี้ไปที่เครื่องเป่าผมในมือของหยางหลิงรุ่ย
“คุณแม่ปิดก่อนนะ”
ความคิดของแม่และลูกเริ่มมีความแตกต่างกัน
หยางหลิงรุ่ยมองดูดวงตาของชิงหรง และทันใดนั้นเธอก็เข้าใจในความคิดของชิงหรง
เธอปิดเครื่องเป่าผม และอุ้มตัวชิงหรงมาไว้อีกด้านของเตียง
ชิงหรงนั่งอยู่บนเตียงนิ่ง จากนั้นหยางหลิงรุ่ยห็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวของเธอเอาไว้
“ผมยังไม่แห้งดี รออีกหน่อยค่อยนอน หนูอยากพูดอะไรก็พูดมา คุณแม่กำลังฟังอยู่”
แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยก็เริ่มรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อยแล้ว แต่การพูดคุยเปิดใจกับลูกสาวนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ และไม่มีสิ่งใดทดแทนได้
"อื้อ……"
ชิงหรงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง เธอใช้มือทั้งสองข้างค้ำคางเอาไว้ แสดงท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูออกมา
“คุณแม่จะคบกับคุณลุงฮั่วมั้ยคะ”
คำถามของเธอทำให้หยางหลิงรุ่ยชะงักไปชั่วขณะ
มันเป็นคำถามที่ตอบยากมากเลย
แต่แล้วเธอก็ดึงสติกลับมา ลูกสาวของเธอทำไมถึงสนใจเรื่องนี้ล่ะ หรือกลัวว่าเธอที่จะหาพ่อเลี้ยงให้ตัวเองอย่างนั้นเหรอ
หรือว่าเจ้าตัวโหยหาความรักจากพ่อ?
หยางหลิงรุ่ยจ้องมองชิงหรงอย่างลึกซึ้ง ดวงตาแวววาวของเธอนั้น ดูไม่มีความง่วงนอนเลยซักนิด
ถ้าหากเธอไม่ยอมตอบคำถามนี้ล่ะก็ ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กจอมพลังคนนี้คงจะไม่ยอมนอนตลอดทั้งคืนแน่
หยางหลิงรุ่ยเรียบเรียงความคิดอยู่ในใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "หนูอยากให้พวกเราคบกันหรือเปล่าล่ะ"
คำถามนี้ตอบยากมากไม่ใช่หรือ
ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงเอ่ยถามกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
ถ้าหากชิงหรงเอ่ยตอบว่าไม่อยากให้เธอคบกัน เธอก็จะทำเป็นจงเกลียดจงชัง และพูดว่าฮั่วเทียนหลันไม่ดีสักสองสามประโยค ผู้ชายห่วย ๆ แบบนี้ เธอจะไม่ยอมคบด้วยเด็ดขาด
แค่ถ้าชิงหรงบอกว่าอยากให้คบกัน เธอก็จะแสดงบทบาทที่ดูเหมือนมีอะไรแอบแฝง อย่างเช่นเธออาจจะต้องพิจารณาดูอีกที
การกระทำเช่นนี้ของเธอนั้น ก็เท่ากับเป็นการมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจไปให้ลูกสาวแทน
เพราะไม่ว่าจะพูดอย่างไร ชิงหรงก็ต้องพึ่งพอใจอย่างแน่นอน
ส่วนฮั่วเทียนหลันเขาจะคิดอย่างไรนั้น ก็ต้องขอโทษด้วย เพราะเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และไม่ได้มารับรู้อะไรด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ
"หนู... " ชิงหรงอ้าปากขึ้น แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี
ความทรงจำครั้งก่อนนั้น เธอยังคงจำได้อย่างชัดเจน
เธอเรียกหยางหลิงรุ่ยว่าคุณแม่ และเรียกฮั่วเทียนหลันว่าคุณพ่อ ผู้ชายคนนี้ที่รับบทเป็นคุณพ่อ ยังดุร้ายกับเธออีกด้วย
แต่ความรักที่ฝั่งลึกอยู่ในกระดูกนั้น กลับไม่สามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้
แต่ถ้าจะให้เขามาเป็นพ่อของเธอจริง ๆ ชิงหรงก็มีความรู้สึกลังเลเล็กน้อย
เธอยังเด็ก หลายครั้งความคิดบางอย่างเป็นเพียงความต้องการชั่วขณะเท่านั้น เช่นเดียวกันกับปัญหาในตอนนี้
ดังนั้น ชิงหรงที่ไม่รู้จะตอบยังไงก็ใช้วิธีหลีกเลี่ยงปัญหาตามแบบฉบับของเธอ
เธอมองไปที่หยางหลิงรุ่ย ดวงตาของเธอเริ่มกะพริบช้าลง จากนั้นก็โยกตัวไปมาเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปที่หยางหลิงรุ่ยอย่างจริงจัง ราวกับว่าเธอกำลังขบคิดอยู่
และแน่นอน หยางหลิงรุ่ยมองออกว่าลูกสาวของเธอกำลังแกล้งทำเป็นง่วงเพื่อที่จะหลีกหนีปัญหา
แต่ถึงอย่างไร เธอก็หวังว่าจะได้เห็นเช่นนี้เหมือนกัน เพราะปัญหาข้อนี้ของลูกสาวนั้น มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากจริง ๆ
และก็เนื่องจากมันตอบยาก เธอถึงได้เอ่ยถามออกไป
“ง่วงแล้วเหรอ ง่วงแล้วก็นอนเถอะ!”
หยางหลิงรุ่ยยื่นมือออกไปสัมผัสเส้นผมของชิงหรง พบว่ายังมีความชื้นอยู่เล็กน้อย แต่ความชื้นนี้สักพักก็จะถูกหมอนซับจนแห้งอยู่แล้ว และจะไม่ทำให้เป็นหวัดอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินว่าคุณแม่กำลังจะปล่อยให้เธอนอนแล้ว ชิงหรงก็รีบลืมตาขึ้นอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่ค่อนข้างยุ่งเหยิง ที่เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
"คุณแม่ เอ่อ ยังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้ไหมคะ"
ครั้งแรกที่พบกันอย่างงั้นเหรอ
หยางหลิงรุ่ยครุ่นคิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ ราวกับว่าร่างกายของเธอหยุดตอบสนองไปชั่วขณะ
"ลูกรัก หนูยังจำเรื่องราวในอดีตได้ยังงั้นหรือ"
"ค่ะ... " ชิงหรงพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว จากนั้นเอียงศีรษะอย่างใช้ความคิด : "ในตอนนั้นหนูยังต้องเรียกคุณแม่ว่าคุณน้า และตอนนั้นคุณแม่ยังอยู่กับคุณลุงฮั่ว"
หยางหลิงรุ่ยตกตะลึง ครั้งนี้เธอตกใจมากจริง ๆ
พี่ชายใหญ่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอแล้ว และเธอเองก็เคยอ่านข้อมูลของฮั่วเทียนหลันมาบ้าง เธอพอจะทราบว่าพวกเธอทั้งสองคนเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน
แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่า ลูกสาวที่เธอคิดมาตลอดว่าไม่รู้เรื่องราวอะไร จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ครั้งก่อนของเธอกับฮั่วเทียนหลันอีกด้วย
แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมชิงหรงถึงไม่ยอมพูดอะไรเลยล่ะ
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ชิงหรง และพูดว่า : "ลูกรัก ช่วยบอกคุณแม่ได้ไหมว่าเมื่อไหร่ ทำไมคุณแม่ถึงจำอะไรไม่ได้เลย"
ดวงตากลมโตน่ารักของชิงหรงกระพริบปริบ ๆ และรอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ : "คุณแม่ความจำเสื่อม ลืมไปแล้วเหรอคะ"
"เอ่อ... " ชิงหรงทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก คำพูดของลูกสาวคนนี้ไม่ได้ผิดแต่อย่างใด
"ช่วยเล่าเรื่องตอนที่หนูพบกับคุณแม่และคุณลุงฮั่วตอนนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ"
หยางหลิงรุ่ยอยากจะทำความเข้าใจกับอดีตของตัวเอง เข้าใจช่วงเวลาที่อยู่กับฮั่วเทียนหลัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโหดร้าย หรือเรื่องรักใคร่ต่าง ๆ
ในตอนนี้ความทรงจำครั้งอดีตของเธอ ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงกับความเจ็บปวด
และนั่นทำให้หัวใจของหยางหลิงรุ่ยรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่พบกับฮั่วเทียนหลัน
เพราะผู้ชายคนนี้เมื่อก่อนไม่เคยทะนุถนอมเธอเลยจริง ๆ !
ชิงหรงพยักหน้าตอบ สายตาของเธอมองผ่านหยางหลิงรุ่ยและกำแพง ราวกับว่าเธอกำลังมองไปยังสถานที่ที่ห่างไกลออกไป
“ตอนนั้น หนูหลงทาง”
"อืม"
“จากนั้นหนูก็พบกับคุณแม่ หนูรู้สึกใกล้ชิดกับคุณแม่เป็นอย่างมาก จึงอยากจะพึ่งพาอาศัย ดังนั้นหนูจึงกอดขาคุณแม่ไม่ยอมปล่อย และตะโกนร้องคุณแม่อย่างสุดกำลัง... ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงหรงเล่า ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยก็ขรึมลงเล็กน้อย
เจ้าเด็กคนนี้ เมื่อก่อนหน้าหนาขนาดนี้เลยหรือไง ถึงได้สามารถสร้างเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา
“แล้วคุณลุงฮั่วก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขาพูดข่มขู่ทำให้หนูตกใจ และต้องการขับไล่หนูออกไป ... แต่เขาทนไม่ได้กับการขอร้องของคุณแม่ เขาจึงเปลี่ยนใจและให้หนูกลับไปด้วย กลับไปที่โรงแรมของพวกคุณ ... "
“ตอนอยู่ที่โรงแรมคุณแม่เล่นกับหนูอย่างสนุกสนาน คุณลุงฮั่วแย่มาก เขาไม่ยอมให้หนูอาบน้ำกับคุณแม่ แต่หนูก็พยายามจะอาบกับคุณแม่ให้ได้ เขาจึงทำให้หนูตกใจกลัว... แต่ว่า เขาทำอาหารอร่อยมาก มันอร่อยมากจริง ๆ..."
"คุณพ่อ คุณแม่..."
ตั้งแต่เด็ก ชิงหรงก็แสดงให้เห็นถึงความจำของสมองที่ไม่ธรรมดาของเธอ
เธอเติบโตกว่าเด็กทั่วไป อีกทั้งยังคุ้นเคยกับหลักทำนองคลองธรรม และยังรู้วิธีมองคนอีกด้วย
ดังนั้น ในตอนนั้นเธอจึงสามารถอยู่กับหยางหลิงรุ่ยและฮั่วเทียนหลันได้เป็นอย่างดี กินฟรีดื่มฟรี และยังใช้ชีวิตราวกับปลาได้น้ำ
ความสุขเช่นนั้น เป็นความสุขที่อบอุ่นเป็นอย่างมาก มันถูกส่งออกมาผ่านหัวใจเมื่อตอนที่เธอได้อยู่กับหยางหลิงรุ่ย และเป็นความรู้สึกที่กลังจากกลับมาที่บ้านหยางแล้ว ก็ยังไม่สามารถหาที่เปรียบได้เลยสักนิด
ในตอนนี้เธอกำลังใช้น้ำเสียงน่ารักเจื้อยแจ้วของตัวเองเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตทั้งหมดให้หยางหลิงรุ่ยฟัง
หยางหลิงรุ่ยตั้งใจฟังมาก แม้ว่าเธอจะจำไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวที่ชิงหรงพูดมา
แต่จากที่ฟังมาทั้งหมดเธอสามารถรับรู้ได้ว่า ฮั่วเทียนหลันปฏิบัติต่อเธอดีมากเลยทีเดียว ทั้งยังดูแลความรู้สึกและความคิดของเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย
ไม่เหมือนกับแต่ก่อน ที่ละเลยและทอดทิ้งเธอไป
เด็กไม่มีทางพูดไม่โกหก ยิ่งไปกว่านั้นชิงหรงเป็นลูกสาวของเธอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน
จู่ ๆ เสียงในหูของเธอก็เบาลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หายไปอย่างสมบูรณ์
แต่หยางหลิงรุ่ยกลับยังคงจมอยู่กับอดีตที่ชิงหรงเล่า เธอถึงขนาดที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้น คิดไปว่าห้องในโรงแรมเป็นบ้านของเธอเอง คิดไปจนถึงฮั่วเทียนหลันอยู่ในครัวและกำลังทำอาหารจานโปรดของเธออยู่
อืม ฝีมือการทำอาหารของผู้ชายคนนั้นดีจริง ๆ
ครั้งก่อนที่ได้กิน เธอแทบจะเอ่ยชมเชยเขาอย่างอดไม่ได้
แต่เธอไม่อยากพูดมันสักเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นไม่สามารถพูดชื่นชมได้เลย หากพูดออกไป เขาก็จะลอยทันที
แต่ไม่ว่าจะตกอยู่ในห้วงความคิดลึกลงไปเท่าไหร่ ก็ต้องมีวันตื่นขึ้นมาได้เช่นกัน
หลังจากหยางหลิงรุ่ยดึงสติกลับมาได้และหันไปมองลูกสาวของเธอ ก็พบว่าเจ้าตัวเล็กนอนทับผ้าห่มและหลับไปเรียบร้อยแล้ว
ร่างเล็กนั้นดูเหมือนจะแบกรับความกดดันเกินวัยของตัวเองเอาไว้มากมาย
หยางหลิงรุ่ยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอลุกขึ้นเพื่อพยุงลูกสาวและจัดท่าให้เธอนอนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
เธอเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา เพื่อไม่ให้ชิงหรงตื่น
เนื่องจากชิงหรงเป็นคนที่ค่อนข้างตื่นตัวได้ง่าย หากเธอตื่นแล้วก็ยากที่จะนอนหลับไปอีกครั้ง
แต่ทันทีที่จัดท่านอนให้ชิงหรงเสร็จ เธอก็ลืมตาขึ้นมา ในแววตานั้นแสดงอาการง่วงนอน แต่มือของเธอกลับยื่นออกมาคว้ามือของอย่างหลิงรุ่ยเอาไว้
"คุณแม่ จะไปไหนคะ"
ชิงหรงเพิ่งหลับไปได้สักพัก ทำให้เธอรู้สึกเบลอเล็กน้อย เสียงเล็กเจื้อยแจ้วนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยยิ่งรู้สึกรักเธออย่างสุดซึ้ง
เธอยื่นมือออกไปลูบที่ไรผมบนหน้าผากของชิงหรงเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณแม่ไม่ไปไหนหรอกนะ จะอยู่เป็นเพื่อนหนูที่นี่ มองดูหนูนอนหลับพักผ่อน โอเคไหมคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง