คำพูดของชิงหรง ทำให้หยางยานตกใจขึ้นมา
และในตอนนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี
หรือจะบอกกับชิงหรงว่า เมื่อคนเราถึงวัยที่กำหนดแล้ว ผู้ชายและผู้หญิงจะเกิดความรู้สึกรักใคร่ชอบพอกัน จากนั้น ...
ไม่ได้ มันยุ่งยากซับซ้อนเกินไป
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าชิงหรงจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า แม้แต่หยางยานเองก็รู้สึกลำบากเกินไปที่ต้องเอ่ยอธิบายเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเด็กอายุน้อยเพียงนี้ หากพูดเรื่องเหล่านี้ให้เธอฟัง เธอจะโตก่อนวัยได้ง่าย
ดังนั้นเขาจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาคล้ายกับหมาป่าตัวใหญ่ที่กำลังปลอบโยนกระต่ายสีขาวตัวน้อย : "มานี่เร็วเสี่ยวหรงหรง เดี๋ยวลุงช่วยประกอบรถถังคันใหญ่นี้ให้เสร็จ"
ทั้งสองคนนั่งประกอบด้วยกันอยู่อย่างนั้น จนชิงหรงรู้สึกง่วงนอน เธอมองไปที่ห้องที่คุณแม่เดินเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับกำลังรอให้หยางหลิงรุ่ยออกมา
เธออ้าปากหาวอยู่หลายครั้ง เดิมทีที่สามารถประกอบได้อย่างแม่นยำ ก็เกิดมีปัญหาขึ้นมาไม่หยุด
หยางยานไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป เขาเอ่ยถามขึ้นราวกับกำลังอ้อนวอน : "หรงหรง ไปนอนก่อนดีไหม"
ชิงหรงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ทันที แบบที่ไม่ต้องปรึกษาหารือใด ๆ
หยางยานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขานั่งประกอบเจ้ารถถังมานานแล้ว รถถังรุ่นนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนซื้อมา ทำไมมันถึงได้มีความซับซ้อนมากขนาดนี้
หยางยานค่อนข้างสนใจในการทำเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจต่าง ๆ
เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ฝีปากในการเจรจา และยังมีสาวสวยคอยเป็นอาหารตาอีกด้วย แต่เจ้าเกมประกอบที่น่าเบื่ออันนี้ ทำให้เขารู้สึกง่วงเหงาหาวนอนมาหลายครั้งแล้ว
ทันใดนั้นเอง เสียงหมุนลูกบิดประตูก็ดังขึ้น
หลังจากเนิบนาบอยู่ครู่นึง หยางยานก็รีบยันตัวขึ้นจากพื้นและวิ่งไปที่หน้าประตูด้วยความรวดเร็ว
ส่วนชิงหรงมองไดูรถถังที่กำลังจะประกอบเสร็จในไม่ช้าด้วยสีหน้าท้อแท้
หยางยานลุกขึ้นในทันที และความฉับพลันนั้นทำให้ตัวประกอบของชิงหรงพังกระจายออกจากกันบางส่วน
นั่นหมายความว่าความพยายามกว่าหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เปล่าประโยชน์ไปแล้ว
ชิงหรงมองไปที่ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างโกรธเคือง คุณลุงคนนี้ สิ่งที่เขาถนัดมากที่สุดก็คือการเป็นตัวถ่วงดี ๆ นี่เอง
แต่ตอนนี้คุณเเม่ออกมาแล้ว และเธอก็ง่วงมาตั้งนานเเล้วด้วย ทั้งสองคนจึงเดินมาล้อมรอบหยางหลิงรุ่ยเอาไว้
หลังจากประตูถูกเปิดออก ทั้งสามคนก็จ้องกันไปมา หยางหลิงรุ่ยอ้ำอึ้งไปครู่นึงก่อนจะเอ่ย :"พี่สาม ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ พี่ควรจะกลับไปพักผ่อนเเล้วไม่ใช่เหรอ"
หยางหลิงรุ่ยจำไม่ได้ว่าตอนที่ตัวเองเข้ามา เธอมองเห็นหยางยานกับชิงหรงด้วย สองคนนี้ปรากฏตัวตั้งเเต่ตอนไหนกันนะ
และตอนนี้หยางยานก็สังเกตเห็นสายตาของชิงหรง
เมื่อกี้เขาทำอะไรไป เขาก็รู้อยู่แก่ใจตัวเอง
ยิ่งช่วยกลับยิ่งยุ่งเช่นเขา กลัวว่าถ้าหากยังอยู่ต่อไป อาจจะถูกชิงหรงกักตัวไว้เพื่อระบายความโกรธแน่ ๆ
ดังนั้นเขาจึงลูบหัวชิงหรงเบา ๆ ก่อนจะอ้าปากเตรียมพูดขึ้นอย่างสุภาพอ่อนโยน
แต่มือที่เพิ่งวางลงไปนั้น กลับถูกชิงหรงปัดออกทันที :"คุณลุงยังไม่ได้ล้างมือเลยนะ! "
รอยยิ้มของหยางยาน กลับกลายเป็นความเก้อเขินทันที
หลานสาวผู้รักความสะอาดคนนี้ ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังจริง ๆ !
“ถ้าอย่างนั้นพวกเธอรีบไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับแล้ว หรงหรง พรุ่งนี้ลุงจะมาประกอบรถถังกับหนูใหม่โอเคไหม”
หยางยานมองไปที่โมเดลรถถังที่เพิ่งถูกเขาทำลายเมื่อสักครู่ พรุ่งนี้มาประกอบอีก เกรงว่าน่าจะใช้เวลาสักสามชั่วโมงได้
ชิงหรงทำท่ามองบนใส่หยางยานอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะโบกมือขึ้น : "ไม่จำเป็นแล้ว! คุณลุงกลับบ้านดี ๆ ไม่ไปส่งนะ"
ในน้ำเสียงของเธอไม่มีความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด
หยางยานยกยิ้มเจื่อน ท่าทางของชิงหรงเมื่อกี้ ราวกับต้องการให้เขารีบกลับไปซะตอนนี้
นี่มันไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เอาซะเลย ในละครทีวีปกติไม่ควรจะเป็นเช่นนี้นี่นา
"น้องสาว งั้นฉันไปก่อนนะ เธอกับชิงหรงก็รีบเข้านอนเร็ว ๆ ส่วนโมเดลตรงนั้นอย่าพึ่งขยับมันนะ รอพรุ่งนี้ฉันมาทำกับชิงหรง ... "
หยางยานยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกชิงหรงเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว : "คุณลุง ถ้ายังพูดต่อไปฟ้าจะสว่างแล้วนะ!"
หยางยานหยุดชะงัก ก่อนจะรีบเดินออกไปในทันที
หยางหลิงรุ่ยยืนส่งพี่สามอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเอื้อมมือออกไปเพื่อทำสิ่งเดียวกันกับหยางยานต่อชิงหรง
แต่ชิงหรงกลับวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับไม่ลืมที่จะตะโกนออกมาว่า : "คุณแม่ มือของคุณแม่มันเยิ้มมาก ต้องใช้สบู่ล้างมือล้างให้สะอาด แล้วก็ ตัวของคุณแม่มีกลิ่น ...
หยางหลิงรุ่ยมองลูกสาวที่กำลังจะลับตาไปอย่างรวดเร็วด้วยความมึนงง ผ่านไปสักพักเธอถึงได้สติกลับมา
ที่เจ้าปีศาจน้อยชิงหรงพูดเมื่อสักครู่ จะบอกว่าคุณแม่น่าเกียจอย่างงั้นหรือ
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยอมทำตามที่ชิงหรงบอก ก่อนอื่นคือจัดการกับขยะทั้งหมด จากนั้นไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำชำระร่างกายจนเสร็จสรรพ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงขึ้นไปชั้นบน
เธอเปิดประตูห้องนอนของชิงหรงอย่างเบามือ ประตูห้องน้ำกำลังปิดอยู่ และมีเสียงน้ำไหลดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
หยางหลิงรุ่ยยืนอยู่ข้างนอกและตะโกนว่า : "เด็กดี คุณแม่เข้ามาได้ไหมคะ"
ไม่นาน หลังจากข้างในเอ่ยตอบอนุญาติ เธอถึงเดินเข้าไปในห้อง
นี่เป็นความต้องการของชิงหรง ถ้าให้เธอพูดก็คงจะเป็นเพราะเธอโตแล้วและต้องการความเป็นส่วนตัว
หลังจากหยางหลิงรุ่ยเข้าไปแล้วก็เห็นชิงหรงเต็มไปด้วยกลุ่มฟองสบู่ทั้งตัว เธอหลับตาราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่ตัวเล็ก ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
หยางหลิงรุ่ยก้าวไปข้างหน้า และหยิบผ้าขนหนูจากราวแขวนผ้าที่อยู่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นเดินมานั่งลงข้าง ๆ ชิงหรงแล้วพูดขึ้นเสียงเบา : “แม่ไม่ได้ถูหลังให้หนูมานานแล้ว"
"ค่ะ"
ชิงหรงตอบรับ เธอลืมตาขึ้น ดวงตาใสสะอาดไร้มลทินและสวยงามของเธอ ทำให้ผู้คนรู้สึกอับอาย
หลังจากเฝ้ามองดูชิงหรงเติบโตขึ้นทีละนิดแล้ว หยางหลิงรุ่ยก็เริ่มรู้สึกมากขึ้นกว่าเดิม
ว่าชิงหรงนั้นเป็นอีกเวอร์ชั่นของฮั่วเทียนหลัน
เธอตัวสูงมาก สูงกว่าเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันกว่าคืบนึง
ลักษณะใบหน้าที่มีมิติและสวยงาม หากนำรูปถ่ายของฮั่วเทียนหลันมาเปรียบเทียบดู อาจจะรู้ในทันทีว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบพ่อลูกกัน
บางที นี่อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกใช่ไหม
หยางหลิงรุ่ยคิดในใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาชิงหรงก็คิดว่าตัวเองไม่มีคุณพ่อมาตลอด
แม้ว่าเธอจะไม่เคยพูดมันอย่างชัดเจน แต่หยางหลิงรุ่ยก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
เด็กคนนี้หัวใจอ่อนไหวมาก มิฉะนั้นเธอคงจะไม่เถียงหรือว่าต่อสู้จนไม่คำนึงภาพลักษณ์ของตัวเองเมื่อถูกเด็กในวัยเดียวกันพูดไม่ดีใส่ตอนอยู่ที่โรงเรียน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกปวดหัวใจขึ้นมา เดิมทีมือที่คอยถูตามหลังให้ชิงหรงอยู่ ก็หยุดชะงักลงอย่างไม่รู้ตัว
อารมณ์และความรู้สึกของเธอ ถูกแสดงออกมาผ่านสีหน้าอย่างเก็บไม่มิด
เธออาจจะไม่ทันได้สังเกต แต่ชิงหรงนั้นสามารถสัมผัสถึงมันได้
ชิงหรงเป็นเด็กผู้หญิงที่เอาใจใส่มาก เธอพลิกตัวจากอ่างอาบน้ำอย่างกระฉับกระเฉง ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูจากมือของหยางหลิงรุ่ยมา
เดิมทีหยางหลิงรุ่ยก็ถือมันด้วยความแผ่วเบา ดังนั้นชิงหรงจึงดึงมันออกไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะวางไว้ที่ด้านข้าง
เธอยื่นมือออกไปปัดที่จมูกของหยางหลิงรุ่ยเบา ๆ
"คุณแม่ร้องไห้จนถึงจมูกแล้ว!"
"หือ?" เสียงนุ่มนวลอ่อนโยนทำให้หยางหลิงรุ่ยผงะเล็กน้อย
เธอรีบเอื้อมมือไปแตะที่มุมตาของตัวเอง ก่อนจะพบว่าน้ำตาไม่ได้ไหลออกมาแต่อย่างใด แม้ว่าเมื่อสักครู่เธอจะรู้สึกปวดใจ จนรอบดวงตาเริ่มชื้นน้ำก็เถอะ
"ไม่ใช่สักหน่อย ลูกรัก คุณแม่กำลังถูหลังให้หนูอย่างตั้งใจอยู่นะ!"
หยางหลิงรุ่ยสูดจมูกและกระแอมในลำคอ ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความจริงแล้วเธอเองก็รู้สึกใจไม่ดีเหมือนกัน ตัวเองในช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องกังวลใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชิงหรงไม่ได้เอ่ยตอบในทันที แต่เธอมองไปที่หยางหลิงรุ่ยด้วยสายตาสื่อความหมาย
ในคราแรกหยางหลิงรุ่ยยังคงสามารถจ้องมองเธอกลับ แต่ต่อมาเธอไม่สามารถทนต่อสายตาอันบริสุทธิ์ของชิงหรงได้
ดวงตาคู่นั้นสามารถสื่อได้อย่างชัดเจน ภายในนั้นแสดงประโยคเดียวซ้ำ ๆ
คุณแม่กำลังโกหกหนูอีกแล้วใช่ไหม
แม่และลูกสาวต่างตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หยางหลิงรุ่ยไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนชิงหรงก็ดูเหมือนกำลังอ่านหาข้อมูลอะไรบางอย่างผ่านใบหน้าของหยางหลิงรุ่ย
จนสุดท้ายเป็นหยางหลิงรุ่ยที่ทำลายความเงียบลง
“ลูกรัก หนูอาบเสร็จแล้วเหรอ”
“คุณแม่คะ ถ้าหนูยังแช่ต่อไปผิวหนังได้ลุ่ยออกแน่... ”
ไม่รู้ว่าชิงหรงเรียนรู้คำศัพท์นี้มาจากที่ไหน แต่นั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยอึ้งไปชั่วขณะ
คำว่าลุ่ยออกสองพยางค์นี้ ฟังดูน่าขำดี
เธอหยิบผ้าเช็ดตัวจากด้านหนึ่งมา ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงและห่อตัวชิงหรงเอาไว้
พวกเธอมักจะทำเช่นนี้มาตลอดสองปีที่ผ่านมา เป็นเหมือนความร่วมมือระหว่างแม่ลูกอย่างหนึ่ง
พอชิงหรงลุกขึ้นยืน ตัวเธอก็เข้าไปอยู่ตรงกลางของผ้าเช็ดตัวพอดี
จากนั้นก็ห่อตัวเองให้แน่นและเดินออกจากอ่างอาบน้ำมา
หยางหลิงรุ่ยหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำจากอีกด้านหนึ่งที่วางไว้บนตู้กระจก และเดินออกไปก่อน
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชิงหรงก็ออกมาจากห้องน้ำ
ผมยาวดกดำเงางามของเธอ มีหยดน้ำใสราวกับคริสตัลเกาะอยู่
ชิงหรงเดินไปหาอย่างหลิงรุ่ยอย่างคล่องแคล่วและนั่งลงข้าง ๆ หยางหลิงรุ่ยเปิดเครื่องเป่าผมและเป่าผมให้เธอจนแห้ง
เด็กวัยนี้เส้นผมควรจะเป็นอ่อนและค่อนข้างนุ่ม
แต่ชิงหรงนั้นแตกต่างออกไป ผมที่สวยงามของเธอเป็นสีดำและเงางามมาก ราวกับเป็นผลลัพธ์จากการใช้แชมพูสักยี่ห้อที่มักจะโฆษณาบ่อย ๆ ทางทีวี
ผมสีดำของเธอนี้ ทำให้ผู้ที่มีผมสีขาวและมักจะหลุดร่วงออกจากศีรษะบ่อย ๆ อย่างตงเหยียนรู้สึกทั้งรักทั้งอิจฉา
ขณะเป่าผม ชิงหรงมองตัวเองในกระจกและมองดูหยางหลิงรุ่ยที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างฉับพลัน : "คุณแม่คะ"
"หืม? มีอะไรคะลูกรัก"
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของชิงหรง หยางหลิงรุ่ยก็ใจสั่นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
ฟังจากน้ำเสียงของชิงหรง ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างแอยแฝงอยู่ เด็กคนนี้คิดจะถามคำถามยาก ๆ กับเธออีกแล้วใช่ไหมเนี่ย
ดั่งคำพูดที่ว่าไม่มีใครเข้าใจลูกได้ดีไปกว่าแม่ ชิงหรงเข้าใจหยางหลิงรุ่ย แต่หยางหลิงรุ่ยนั้นเข้าใจชิงหรงมากกว่าหลายเท่า
เด็กคนนี้ขอเพียงได้ถามอะไรอย่างเป็นทางการขึ้นมา ก็มักจะเป็นคำถามที่ทำให้เธอต้องปวดหัวเป็นอย่างมาก
"ช่วงนี้คุณแม่ทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ"
แต่คำพูดของชิงหรงที่เอ่ยขึ้นมา กลับทำให้หยางหลิงรุ่ยตกตะลึง
เธอมองดูชิงหรงที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกผ่านกระจกด้วยความประหลาดใจ ราวกับต้องการจับสังเกตผ่านใบหน้าของอีกฝ่ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ความคิดความรู้สึกของชิงหรงนั้น มักจะถูกฝังลงไปลึกมาก ๆ ซึ่งเธอไม่สามารถมองแวบเดียวแล้วสามารถรับรู้ได้เลย
ดังนั้น หยางหลิงรุ่ยจึงทำได้เพียงตอบอย่างตรงไปตรงมา : "อืม ก็ไม่เลวนะ มีทำไมเหรอ"
เธอรู้ว่าชิงหรงจะต้องซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในใจ หยางหลิงรุ่ยจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
แต่คราวนี้ชิงหรงที่อยู่ในกระจกกลับหลุบตาลง
ความกังวลใจของเด็กผู้หญิงมักจะอ่อนไหวและเข้าใจยากที่สุด
ชิงหรงรู้สึกกลัว ตั้งแต่ที่ลุงฮั่วคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมา เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย
“คุณแม่ คุณลุงฮั่วคนนั้นยังตามติดคุณแม่อยู่ไหมคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง