โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 381

หยางหลิงรุ่ยเดินไปเรื่อย ๆ เหลืออีกเพียง 500 เมตรก็จะถึงบ้านหยางแล้ว

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงได้รู้สึกอึดอัดแปลก ๆ

ราวกับมีอะไรบางอย่างติดตามเธออยู่ตลอดเวลา

ถนนสายนี้มีไฟส่องสว่างจำนวนมาก ระยะห่างระหว่างเสาไฟก็ค่อนข้างชิดกัน ทำให้ถนนสว่างมากจนแทบจะไม่มีเงามืดให้เห็น

แต่หยางหลิงรุ่ยไม่กล้าหันกลับไปมอง เธอจำได้ว่ามีคนเคยบอกเธอว่า ร่างกายของคนเรามีธาตุไฟอยู่สามจุด หากเธอหันกลับไปมองธาตุไฟในตัวเธอนั้นจะต้องดับลงอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงประตูบ้านหยางแล้ว หยางหลิงรุ่ยก็ปลุกความกล้าภายในตัวขึ้นมา ก่อนจะหันหลังกลับไปมองในที่สุด

เบื้องหลังของเธอไม่ใช่ถนนว่างเปล่าอย่างที่คิด

แต่ฉากด้านหลังนั้นทำให้ดวงตาของเธอชุ่มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ข้างหลังเธอไม่ได้มีภูติผีปีศาจแต่อย่างใด

แต่กลับเป็นรถคันหนึ่ง รถของฮั่วเทียนหลัน ที่ขับอยู่บนถนนอย่างเชื่องช้าตามหลังเธอมา

ฮั่วเทียนหลันนั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาคมของเขาเฝ้ามองหยางหลิงรุ่ยไม่ละสายตา

ร่างกายของหยางหลิงรุ่ยแข็งทื่อ เธอบอกไม่ถูกว่าหัวใจของเธอรู้สึกอย่างไรในขณะนี้

แต่ถึงกระนั้น เธอก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก

เธอรู้ดีว่าตัวเองเดินมาตามถนนเส้นนี้นานเท่าไหร่

ไม่ใช่ครึ่งชั่วโมง ก็ยี่สิบนาที

ผู้ชายคนนี้ติดตามเธอมาอย่างนั้นเรื่อย ๆ เพียงเพราะคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่ให้เขามาส่ง ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีของตัวเองเพื่อติดตามเธอมาตลอดทางกลับบ้าน

ในตอนนั้นเอง หยางหลิงรุ่ยมีคำพูดเป็นพัน ๆ คำที่ถูกกดเก็บเอาไว้ในลำคอ ก่อนจะผสมรวมกันออกมาเป็นประโยคเดียว

“คุณฮั่ว ฉันถึงบ้านแล้วค่ะ”

รถหยุดลง ฮั่วเทียนหลันมองหยางหลิงรุ่ยอย่างเรียบนิ่ง ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะอืมรับเพียงสั้น ๆ

หยางหลิงรุ่ยอยากจะเอ่ยอีกสักสองสามคำ แต่กลับรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ กลับรู้สึกจมูกอักเสบขึ้นมา!

เธอพยายามต่อต้านกับความรู้สึกแสบนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "ขอบคุณนะคะ คุณกลับได้แล้วนะ!"

ฮั่วเทียนหลันพยักหน้ารับภายใต้ความมืดภายในรถ

หลังจากนั้นคนขับก็กลับรถ รถเริ่มเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จากใหญ่กลายเป็นเล็ก จากใกล้ก็ไกลห่างออกไป จนสุดท้ายหายลับจากสายตาของหยางหลิงรุ่ยไปอย่างสิ้นเชิง

หยางหลิงรุ่ยลูบจมูกแสบของเธอ ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทีหลัง

วันนี้จริง ๆ แล้วเธอควรไปดูหนังกับฮั่วเทียนหลัน เพราะถึงอย่างไรฮั่วเทียนหลันก็ได้ซื้อตั๋วหนังไว้แล้ว!

เมื่อหยางหลิงรุ่ยเดินเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็ถูกกลิ่นหอมพิเศษจากอาหารในมือเธอเตะเข้าที่จมูก จนอดไม่ได้ที่จะส่งสายตามามองตรงจุดเดียวกัน

ราวกับทุกคนคาดไม่ถึงว่าคุณหญิงแห่งตระกูลหยางผู้สูงส่งคนนี้ จะกินของติดดินขนาดนี้ได้

เมื่อถูกหลายสายตาจับจ้องมองมา แม้ว่าทุกคนจะมีท่าทีเคารพเธอมาก

แต่ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยก็ยังแดงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เธอพยักหน้าบอกใบ้เล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน

หลังจากมาถึงบ้าน เธอก็เดินเข้าไปนั่งที่ห้องรับแขกชั้นหนึ่ง ก่อนจะหยิบอาหารทั้งหมดภายในถุงออกมา

ระหว่างทางที่เดินมาถึงบ้าน ทำให้อาหารเริ่มเย็นหมด

และในตอนนี้เข็มชี้บนนาฬิกาแขวนได้ชี้ไปที่เลขสิบแล้ว

ในเวลานี้ถ้าอิงตามวิถีชีวิตสุขภาพดีของหยางหลิงรุ่ยล่ะก็ เธอจะไม่กินอะไรเข้าไปเด็ดขาด

แต่วันนี้ราวกับเธอได้รับการสนับสนุนและอนุมัติ เธอกัดเข้าไปหนึ่งคำ สองคำ สามคำ และต้องการจะกินทุกอย่างที่ฮั่วเทียนหลันซื้อมาให้ลงไปอย่างไม่รู้จักพอ

แม้ว่าจะรู้สึกอิ่มแล้ว แต่เธอก็ยังคงกินต่อไป

เพราะนี่คือน้ำใจของผู้ชายคนนั้นที่มีให้ตัวเอง

ระหว่างทางกลับบ้าน ฮั่วเทียนหลันได้เปิดหน้าต่างรถลง ปล่อยให้ลมแรงพัดผ่านเข้ามาจนทำให้เส้นผมของเขายุ่งเหยิง

เมื่อสักครู เขาเกิดแรงกระตุ้นหลายต่อหลายครั้ง

อยากจะลงจากรถไป แล้วกอดร่างที่ดูโดดเดี่ยวของผู้หญิงคนนั้นแน่น ๆ

ทั้งที่พวกเขาสองคนอยู่ใกล้กันมากถึงเพียงนั้น และสายตาต่างก็มีกันและกันอยู่ในนั้น

แต่แล้ว กลับพ่ายแพ้ให้กับความขี้ขาด

เขาจุดบุหรี่ จากนั้นยกขึ้นดูดเข้าลึก ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่นานบุหรี่หนึ่งมวนก็หมดลง ก่อนจะต่อด้วยมวนที่สองทันที

ว่ากันว่าควันบุหรี่สามารถบรรเทาความโศกเศร้าได้ แต่ในขณะนี้วัตถุที่มักจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับเขา กลับช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด

ระยะห่างจากบ้านเหลือเพียงครึ่งทางเท่านั้น ในขณะที่รอไฟจราจรบอดี้การ์ดข้างหน้าก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา : "ท่านประธานฮั่วครับ สูบต่อไปอีกไม่ได้อีกแล้วนะครับ"

"หือ?" ฮั่วเทียนหลันรู้สึกงงเล็กน้อย แต่ใช้เวลาคิดเพียงครู่เดียวก็สามารถเข้าใจความหมายของบอดี้การ์ดคนดังกล่าว

ที่เขาไม่สามารถสูบบุหรี่ต่อไปได้อีก ก็เพราะว่าอีกไม่นานเขาจะถึงบ้านแล้ว และลูกสาวตัวเล็กของเขาเกลียดกลิ่นบุหรี่ที่อยู่บนตัวเขามากที่สุด

เธอยังเด็ก จึงไม่ควรได้รับสิ่งอันตรายใด ๆ เข้าไปในร่างกาย

ฮั่วเทียนหลันดับบุหรี่ลง และมองไปที่ไฟสีแดงตรงหน้าที่ค่อย ๆ ลดน้อยลงเรื่อย ๆ

หากชีวิตเป็นเหมือนไฟแดง ที่เพียงแค่เฝ้ารอคอยก็จะได้รับผลลัพธ์เสมอนั้น เขาก็ยินดีที่จะรอ รอจนกว่าหยางหลิงรุ่ยจะตื่นขึ้นมา รอจนกว่าเธอและเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

หยางหลิงรุ่ยอยู่ในห้องรับแขก และกินอาหารที่มีอยู่จนหมดในที่สุด

เธอมองดูปากตัวเองที่มันเยิ้ม และมื้อที่เต็มไปด้วยน้ำมัน ก่อนใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้มาก่อน

นับตั้งแต่ที่เธอได้พบกับฮั่วเทียนหลันที่ออสเตรเลีย ชีวิตของเธอก็ราวกับจมดิ่งลงไปในความไม่แน่นอน

หลังจากเคลียร์โต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยางหลิงรุ่ยก็เปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายอากาศ ก่อนจะเช็ดมือด้วยกระดาษอย่างลวก ๆ และเปิดประตูเตรียมจะเดินออกไป

แต่ตรงประตูกลับถูกปิดกั้นเอาไว้

ผู้ใหญ่หนึ่งคน เด็กหนึ่งคน กำลังจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา

ผู้ใหญ่หล่อมาก เด็กเองก็น่ารักไม่ต่างกัน

หยางยานมองดูปากมันเยิ้มของน้องสาวเล็ก มุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นทำมุมอย่างดูดี : "หลิงรุ่ย เธอแอบฉันและชิงหรงเพื่อกินคนเดียวแบบนี้ ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ!"

ชิงหรงไม่ได้พูดอะไรกับหยางหลิงรุ่ย แต่เปีศาจตัวน้อยอย่างเธอทำเพียงมองไปทั่วร่างกายของคุณแม่ที่เพิ่งกินอิ่ม ก่อนลักยิ้มสวยงามจะปรากฏบนใบหน้าน่ารักของเธอ : "คุณแม่กินเยอะขนาดนี้ จะต้องมีพุงแน่นอน!"

คำพูดของหยางยาน มากสุดก็แค่ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกลำบากใจเท่านั้น ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นพี่ชายของเธอ และเธอหน้าหนามากพอ จึงไม่ได้สนใจนัก

แต่คำพูดของลูกสาวนั้น ราวกับเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้หยางหลิงรุ่ยหน้าดำคร่ำเครียด

ชิงหรงพูดเรื่องจริงออกมาโต้ง ๆ เช่นนี้ เจ้าตัวเล็กจะต้องสังเกตเห็นว่าช่วงนี้เธอลูบหน้าท้องของตัวเองบ่อยอย่างแน่นอน

ในตอนที่ฮั่วเทียนหลันยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมา หยางหลิงรุ่ยมีความกังวลหลักสองประการ

ประการแรกคือ ชิงหรงลูกสาวของเธอโตขึ้นเรื่อย ๆ ร่าเริงสดใส และยากต่อการปิดบังเรื่องราวต่าง ๆ

ประการที่สองคือ เธอพบว่าเธอดูแก่ขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอกินน้อยมาก แต่กลับมีร่องรอยของการสะสมไขมันในร่างกาย

“พี่ชายสาม ทำไมพี่ถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ”

หยางหลิงรุ่ยจ้องมองชิงหรงอย่างเขร่งขรึม ราวกับต้องการบอกเจ้าตัวเล็กว่าหลังจากจบเรื่องแล้วอย่าพึ่งไปไหน

จากนั้นเธอก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง

หยางยานไม่ได้เอ่ยแกล้งหยางหลิงรุ่ยอีกต่อไป เพราะเขารู้ว่าน้องสาวคนนี้อารมณ์รุนแรง จึงห้ามทำให้ขุ่นเคืองเด็ดขาด

“ก็เธอยังไม่กลับมา พี่สะใภ้เธอมีธุระ พี่รองก็ออกไปหาสาว ส่วนพี่ใหญ่ไปดื่มเหล้า แล้วใครจะดูแลชิงหรงล่ะ"

หยางยานพูดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ถ้าหากตงเหยียนไม่โทรไปหาเขาแล้วบอกให้เขากลับมาที่บ้านเพราะมีข่าวดีจะเล่าให้ฟังล่ะก็

เขาไม่มีทางที่จะยอมออกมาจากหมู่บ้านอันแสนอบอุ่น และเร่งรีบกลับมาที่คฤหาสน์หยางเช่นนี้หรอก

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพี่สะใภ้จะต้มเขาจนเละเช่นนี้ เรียกให้เขากลับมาเพียงเพราะมารับหน้าที่ดูแลชิงหรงแทน

เนื่องจากคุณปู่และคุณย่าอายุมากแล้ว และ ชิงหรงก็ไม่ใช่เด็กพูดง่ายเชื่อฟัง ดังนั้นคุณลุงอย่างเขาจึงต้องออกโรงเอง

เขาทำหน้าที่ตั้งแต่สอนชิงหรงทำการบ้าน ทั้งคณิตอังกฤษและอีกมากมาย นั่นก็ทำให้หยางยานหัวแทบระเบิดแล้ว

โชคดีที่ชิงหรงมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ค่อนข้างเร็ว และนับได้ว่าเป็นนักเรียนดีเด่นประจำชั้น จึงทำให้หยางยานไม่เป็นกังวลมากนักกับเรื่องนี้

แต่หลังจากที่ชิงหรงทำการบ้านเสร็จ ทั้งสองก็เอาแต่จ้องหน้ากันไปมา

หยางยานเสนอไอเดียเรื่องออกไปเดินเล่น แต่ชิงหรงส่ายหัวปฏิเสธ

หยางยานบอกว่าจะล้างผลไม้ให้ชิงหรงทาน แต่ชิงหรงก็ยังส่ายหัวปฏิเสธ

หยางยานยังบอกอีกว่าจะดูทีวีเป็นเพื่อนชิงหรง แต่ชิงหรงกลับบอกเขาอีกว่าดูทีวีไม่ดีต่อสายตา

และตอนนี้เอง นายน้อยคนที่สามของตระกูลหยางผู้ซึ่งไม่เคยแพ้พ่าย ก็ถึงกลับเหม่อลอย

เขาจึงทำได้เพียงยักไหล่อย่างหมดหนทาง ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "เอาอย่างงี้ นายอยากทำอะไรก็บอกกระผมมา กระผมจะทำตามที่นายน้อยสั่งทั้งหมด!"

ใครจะคิดว่าทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาของชิงหรงก็เป็นประกายขึ้นมา ก่อนเธอจะดึงมือของหยางยานให้ลงไปที่ชั้นล่างด้วยกัน

จากนั้นชิงหรงก็ออกคำสั่งให้หยางหยานหยิบกล่องกระดาษขนาดใหญ่ที่เธอเก็บเอาไว้โดยเฉพาะออกมาจากบ้านของเล่นของเธอ

พอเขาเปิดกล่องดูก็เจอกับโมเดลรถถังคันหนึ่ง

พระเจ้า นี่มันรถถังนี่นา!

และถ้าหยางยานจำไม่ผิด รถถังรุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่น M5 ที่เปิดตัวที่เมือง M เมื่อสามเดือนก่อน

เขามองดูชิงหรงที่ดูตื่นเต้นดีใจ และเริ่มจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องของชิงหรงขึ้นมาในหัว จากกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา

หรือทายาทรุ่นที่สี่เพียงคนเดียวของบ้านตระกูลหยาง จะเป็นคนที่มีหัวรุนแรง?

แต่ในตอนนี้เขาจะคิดอย่างไรนั้นไม่สำคัญอีกต่อไป

ภายใต้คำสั่งของชิงหรง หยางยานรับหน้าที่เป็นคนยกของ ทั้งสองคนร่วมมือกันเป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมง และในที่สุดก็ประกอบเจ้ารถถังคนนี้ได้ครึ่งคันแล้ว

และทันใดนั้น ประตูคฤหาสน์ก็ถูกเปิดออก

หยางยานมองเห็นหยางหลิงรุ่ย เขากำลังจะเอ่ยทักทาย แต่หยางหลิงรุ่ยกลับก้มหน้าก้มตารีบเดินเข้าไปในห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีเสียงล็อคประตูดังขึ้น

หยางยานนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองชิงหรง

และชิงหรงเองก็มองมาที่หยางยานด้วยสายตาน่ารักของเธอเช่นเดียวกัน

“คุณแม่เธอเป็นอะไรเหรอ”

“หนูเดาว่าต้องเป็นเพราะถูกคุณลุงฮั่วยั่วโมโหมาอีกแน่ ๆ ”

"ฮั่ว?" หยางยานเอ่ยพึมพำนามสกุลนี้ หลังจากนั้นก็นึกถึงฮั่วเทียนหลันที่อาศัยอยู่ที่เมือง S

ดูเหมือนว่าช่วงนี้นายฮั่วคนนั้นจะคอยตามติดน้องสาวเล็กอยู่เสมอ

หยางยานรู้สึกเป็นห่วงหยางหลิงรุ่ยเล็กน้อย หลังจากที่เห็นท่าทางรีบร้อนของเธอเมื่อสักครู่ ก็ดูเหมือนว่าเธอกำลังมีเรื่องกังวลใจอยู่

ในฐานะพี่ชายคนที่สามของเธอ เขามีหน้าที่อบรมสั่งสอนให้เธอรู้แจ้งแจ่มชัดมากยิ่งขึ้น

แต่ทันทีที่หยางยานลุกขึ้นยืน ก็ถูกเด็กน้อยชิงหรงคนน่ารักจับเข้าที่เสื้อผ้า

"คุณลุงไม่ต้องไป" ชิงหรงเงยหน้าขึ้นมองหยางยานและพูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง

หยางยานผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยถาม : "ทำไมเหรอ"

ชิงหรงยู่ปากเล็กน้อย เธอทำท่าทีราวกับไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างสบาย ๆ : "ตั้งแต่ลุงฮั่วปรากฏตัวขึ้นมา คุณแม่ก็เป็นแบบนี้มาตลอด แม้แต่ตอนเข้านอน หนูก็ยังต้องนอนด้วยตัวเองเลย"

จากคำพูดของชิงหรง ทำให้หยางยานสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นแปลก ๆ

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย : "เธอโตขนาดนี้แล้ว ก็ควรนอนด้วยตัวเองได้แล้ว!"

“แต่คุณแม่ก็มักจะบอกว่าตัวเองเป็นเด็กเหมือนกัน แล้วถ้าหากคุณแม่ไปอยู่กับคุณลุงฮั่วจริง ๆ ยังจะสามารถนอนได้ด้วยตัวเองอยู่ไหม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง