หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
เพราะรอยยิ้มของเธอการ ทำให้ฮั่วเทียนหลันมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาเคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ฟังเขาดี ๆ แน่ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะหัวเราะเยาะเขาเช่นนี้
ดังนั้น ผู้ซึ่งสงบนิ่งดั่งหินผามาโดยตลอดอย่างฮั่วเทียนหลัน บัดนี้ใบหน้ากลับขึ้นสีแดงเล็กน้อย
ราวกับเป็นตนเองคือชายหนุ่มที่กำลังมาสารภาพรักกับหญิงสาว แต่หญิงสาวกลับไม่ตอบรับอย่างไรอย่างนั้น
หยางหลิงรุ่ยที่เดิมทีกำลังหัวเราะอยู่นั้น เมื่อมองเห็นใบหน้าจริงจังของฮั่วเทียนหลัน รอยยิ้มของเธอก็ค่อย ๆ หายไปในทันที
จนสุดท้าย ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาเหมือนกัน
ในใจของเธอตอนนี้ก็ลังเลมากเหมือนกัน หรือว่าเธอควร ควรรับปากฮั่วเทียนหลันว่าจะไปดูหนังกับเขาดี
แต่ถ้าหากเธอรับปาก เรื่องความสัมพันธ์รักที่เธอนึกในใจเมื่อสักครู่ ก็จะได้รับการยืนยันแล้ว?
แต่ถ้าหากไม่รับปาก ก็...
หยางหลิงรุ่ยมองดูสีหน้าจริงจังของฮั่วเทียนหลัน เธอคิดว่าหากตัวเองปฏิเสธล่ะก็ เกรงว่าเธออาจจะไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้เป็นแน่
เพราะฉะนั้น หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก...
หยางหลิงรุ่ยลอบสังเกตท่าทางของเขาก่อนจะเอ่ย : "คุณฮั่วคะ ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว พรุ่งนี้คุณต้องทำงานอีก ถ้ายังไงวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนไหมคะ คุณจะได้กลับไปพักผ่อน"
แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะพูดเหมือนกับกำลังถามความเห็น แต่ในคำพูดของเธอนั้นกลับเป็นการยืนยันไปในตัวเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าดวงตาของฮั่วเทียนหลันจะดูลึกล้ำและมั่นคงมาเสมอ แต่ในตอนนี้กลับมีความผิดหวังฉายขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพียงแต่การแสดงออกถึงความผิดหวังของเขานั้นปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
แต่หยางหลิงรุ่ยที่ลุกขึ้นเดินออกมาก่อนนั้นไม่ได้สังเกตเลยว่า
ทันทีที่เธอมาถึงชั้นหนึ่ง ก็พบกับช่อดอกไม้หนึ่งช่อ
"คุณผู้หญิงคะ คุณและหนุ่มหล่อคนนั้นคือตัวแทนแห่งความงามของร้านในวันนี้ นี่คือช่อดอกไม้สุดพิเศษจากทางร้านของเรา ขอให้พวกคุณจงมีความรักที่ดีงาม... "
ผู้ที่มอบดอกไม้ให้คือเจ้าของร้าน
ตอนที่เธออยู่ชั้นล่างเธอก็ขบคิดไปด้วย คุณฮั่วท่านนั้นที่เพิ่งเติมเงิน 200,000 หยวน กับผู้หญิงที่อยู่ในห้องไพรเวทคนนั้นดูท่าความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดา
ความสัมพันธ์ที่เรียกว่าไม่ธรรมดานี้ ไม่ได้หมายถึงความความรู้สึกระหว่างคนสองคนเป็นอย่างไร
เป็นคือคุณฮั่วดูเหมือนกำลังจีบผู้หญิงคนนี้อยู่
และตอนที่ฮั่วเทียนหลันกำลังบรรเลงเพลงรักของงานแต่งอยู่นั้น สายตาที่ดูรักใคร่ก็จับจ้องไปที่ห้องไพรเวทของเขาไม่วางตา
นั่นทำให้เจ้าของร้านยิ่งมั่วใจในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนมากขึ้น
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเป็นการส่วนตัว ที่จะให้ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้
หยางหลิงรุ่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบขัดคำพูดของเจ้าของร้านโดยไม่ได้เอ่ยอธิบายใด ๆ แต่กลับกล่าวขอบคุณและรับดอกไม้มาแทน
จากนั้นเธอก็รีบเดินออกจากร้านอาหารไปโดยไม่มีพิธีรีตอง
ส่วนฮั่วเทียนหลันที่เดินลงมา มองดูเจ้าของอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะก้มหัวให้เล็กน้อย
ท่าทางเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แต่กลับทำให้เจ้าของรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
เพราะเธอรู้ว่าโอกาสที่จะเข้าใกล้คนใหญ่คนโตเช่นนี้นั่น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมาก ๆ สำหรับเธอ
แต่วันนี้เธอเพียงส่งมอบช่อดอกไม้ให้ ก็สามารถทำให้คุณฮั่วรู้สึกประทับใจต่อร้านของเธอ
ทันทีที่ฮั่วเทียนหลันเดินออกไปจากร้าน ก็ได้ยินเสียงจากร้านแผงขายอาหารตามท้องถนนดังขึ้นมา
เนื่องจากร้านอาหารคู่รักนี้สามารถกั้นเสียงได้อย่างเพียงพอ ดังนั้นตอนที่อยู่ข้างในร้านจึงแทบจะไม่ได้สัมผัสถึงความคึกคักของบรรยากาศภายนอกเลย
จากที่สงบมาพบกับความคึกคักเช่นนี้ ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกราวกับหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง
"อยากเดินเล่นดูสักหน่อยไหม" ฮั่วเทียนหลันพูด
ชีวิตในเมืองที่มีดูมีชีวิตชีวาแบบนี้ เป็นสิ่งที่หยางหลิงรุ่ยไม่สามารถสัมผัสได้ที่ออสเตรเลีย
เธออยู่เมือง S มาก็นานมากแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมายังสถานที่แบบนี้
เพราะโดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตงเหยียน หยางหลินหรือคนอื่น ๆ สถานที่ที่ไปก็เป็นระดับไฮเอนด์ทั้งนั้น แล้วจะมาสนใจสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร
แต่หยางหลิงรุ่ยที่เคยมีประสบการณ์ใช้ชีวิตแบบคนฐานะต่ำมาบ้าง ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยเสียงดังครึกโครม ตลาดสองข้างทางที่ดูเรียบง่าย เนื้อย่างราคาไม้ละ 2 หยวน เต้าหู้เหม็นราคาถ้วย 5 หยวน เส้นเย็นย่างราคาถ้วยละ 8 หยวนนี้มันดูมีอะไรพิเศษแปลก ๆ
แม้ว่าเธอจะสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้มีความรู้สึกเช่นนี้
ฮั่วเทียนหลันที่มองตามสายตาของหยางหลิงรุ่ยไปก็เข้าใจอะไรมากขึ้น
"คุณรอผมตรงนี้แป๊ปนึงนะ" ฮั่วเทียนหลันพูดจบก็เดินเข้าไปยังถนนพลุกพล่านตรงหน้าทันที
หยางหลิงรุ่ยอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าฮั่วเทียนหลันกำลังจะทำอะไร จึงรีบวิ่งตามไปก่อนจะเอ่ย : “คุณฮั่วคะ คุณจะไปทำไม นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านหยางนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางหลิงรุ่ย ฮั่วเทียนหลันก็หยุดยืนก่อนจะหันกลับมาและจับที่ไหล่ของหยางหลิงรุ่ย จากนั้นพูดว่า : "ยืนรออยู่ตรงนี้ห้ามไปไหน ไม่นานผมก็กลับมาแล้ว"
หากอิงตามนิสัยของหยางหลิงรุ่ยแล้ว เธอจะต้องคัดค้านไม่ยอมทำตามอย่างแน่นอน
แต่ไม่รู้ทำไม วันนี้ถูกผู้ชายคนนี้สั่งให้ทำอะไร หยางหลิงรุ่ยก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
ฮั่วเทียนหลันเดินเข้าไปตามทางร้านขายของข้างหน้า หยางหลิงรุ่ยที่เฝ้ามองดูก็เห็นเขาหยุดตามร้านแผงลอยประมาณสองสามร้าน
20 นาทีผ่านไปเขาก็กลับมาพร้อมกับถุงของกินมากมายเต็มมือ
สีสันและกลิ่นหอมนั้นดีงามมาก แม้ว่ามันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบมากนัก แต่กลิ่นหอมที่น่าดึงดูดนั้น ทำให้หยางหลิงรุ่ยที่ไม่ได้รู้สึกอยากอาหาร กลับท้องร้องขึ้นมาอย่างให้ความร่วมมือ
"อะนี่" ฮั่วเทียนหลันยื่นส่งให้
หยางหลิงรุ่ยกำลังจะเอื้อมมือไปรับอย่างลืมตัว แต่กระนั้นหัวสมองของเธอก็สั่งให้เธอหยุดทั้ง ๆ ที่ยกมือขึ้นมาแล้ว
เธอเหลือบมองนาฬิกา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความลำบากใจ : "คุณฮั่วคะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ฉันกินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ... "
“จริงเหรอ?” ฮั่วเทียนหลันไม่ได้ชักชวนหยางหลิงรุ่ยต่อไป เขาทำเพียงแค่หยิบเนื้อย่างออกมาจากถุงก่อนจะลงมือกินทันที
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำท่าทางเอร็ดอร่อยเป็นอย่างมาก
ทำให้หยางหลิงรุ่ยที่มองดูอยู่อีกด้านถึงกลับพูดไม่ออก
นี่ถ้ามีใครมาพบเห็นท่านประธานผู้เย็นชาและบ้าอำนาจอย่างฮั่วทียนหลัน กำลังทำตัวติดดินอยู่ในขณะนี้
วันต่อมา เขาอาจจะกลายเป็นคนดังในโลกโซเชียลก็เป็นได้
หยางหลิงรุ่ยใช้สายตาพิฆาตที่เธอถนัดทำมองดูฮั่วเทียนหลันที่กำลังกินอ้างหน้าเธออยู่
แต่ฮั่วเทียนหลันทำเหมือนมองไม่เห็น เขาหยิบเนื้อย่างไม้ที่สองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
การยืนด้วยกันอย่างแปลกประหลาดของพวกเขาสองคน ทำให้คนเดินผ่านไปมาตามทางหยุดเดินเพื่อเฝ้าดูและยังถ่ายรูปเก็บเอาไว้อีกด้วย
ภาพสาวสวยคนหนึ่งกำลังยืนมองหนุ่มหล่อกินอาหาร แถมหน้าตาของสาวสวยคนนั้นก็ดูจะโมโหหิวอย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้ถ้านำไปลงโซเชียลก็อาจจะทำให้ดังขึ้นมาได้เลยล่ะ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สุดท้ายการที่พวกเขาถ่ายภาพสาวสวยหรือหนุ่มหล่อเพียงเพราะอยากเก็บไว้เป็นอาหารตาหรืออย่างไรนั้น ก็มีเพียงคนถ่ายภาพเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
และฮั่วเทียนหลันในตอนนี้ดูเหมือนจะหยุดกินไม่ได้อีกต่อไป
ในตอนแรกเขากินเพราะต้องการให้หยางหลิงรุ่ยอยากกินอาหารที่เขาซื้อมาให้เธอด้วยก็เท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า อาหารบนถนนสายนี้จะทำให้ฮั่วเทียนหลันที่เคยกินแต่ของดี ๆ มาตลอด ถูกกระตุ้นความตะกละขึ้นมา
ในที่สุด ตอนที่เขากินเนื้อย่างไม้ที่สามเสร็จ
หยางหลิงรุ่ยก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอกดเสียงต่ำและจ้องไปที่ฮั่วเทียนหลันด้วยความโมโห จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างดุร้ายว่า : "คุณฮั่ว คุณซื้อมาให้ฉันไม่ใช่เหรอ แต่นี่คุณจะกินเองหมดแล้วนะ!"
เมื่อฮั่วเทียนหลันเห็นหยางหลิงรุ่ยยอมเปิดปากพูดแล้ว เขาก็โยนไม้เสียบเนื้อทิ้งลงไปในถังขยะที่ห่างออกไปสามเมตรได้อย่างแม่นยำ
ท่าทางหล่อเหลาเช่นนี้ ทำให้ผู้หญิงสองสามคนที่มองดูพวกเขาอยู่กรีดร้องขึ้นมาทันที
แต่หยางหลิงรุ่ยกลับทำหน้าคล้ายกับกำลังกินแมลงเข้าไป
ผู้หญิงพวกนั้นดูแปลกประหลาดเสียจริง เสียงกรีดร้องราวกับกำลังร้องตะโกนเชียร์ฮั่วเทียนหลันอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ผมให้คุณแล้ว แต่คุณไม่เอาหนิ!
ฮั่วเทียนหลันยักไหล่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เขาทำท่าราวกับเป็นตัวเองต่างหากที่ถูกกระทำ
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังยื่นอาหารที่เหลืออยู่มากมายในมือไปให้เธอ
หยางหลิงรุ่ยกระชากมันมาและเดินออกไปข้างนอกทันที
เธอไม่ได้กินมัน แม้ว่าจะถูกฮั่วเทียนหลันกินอ้างหน้าจนรู้สึกหิวขึ้นมา แต่เธอไม่ใช่ฮั่วเทียนหลันที่ชอบตกเป็นที่จับตามองของคนรอบข้างอย่างนั้น
ทั้งสองเดินออกมาจากฝูงชนและยืนอยู่ข้างถนน บอดี้การ์ดได้เปิดประตูรถรอไว้ก่อนหน้าแล้ว
หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่แสงจันทร์สว่างเหนือศีรษะของเธอ สายลมพัดผ่านเป็นครั้งคราว ทำให้เธอตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้
“คุณฮั่วคะ คุณกลับไปก่อนเถอะ!”
หยางหลิงรุ่ยพูด แต่เธอไม่ได้เดินขึ้นไปบนรถ
ฮั่วเทียนหลันมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเธอเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก
“ผมควรจะไปส่งคุณกลับบ้านไม่ใช่หรือ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินกลับไปเองได้”
ทุกอย่างที่ฮั่วเทียนหลั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยในวันนี้ แม้ว่าภายนอกเธอดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หัวใจของเธอนั้นกำลังหวั่นไหว
เธออยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวและครุ่นคิดว่าควรจะดำเนินชีวิตไปตามแนวคิดเดิมของตัวเองอย่างเช่นเมื่อก่อนหรือเปล่า
"ผมจะเดินเป็นเพื่อนคุณ!"
ฮั่วเทียนหลันโบกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้บอดี้การ์ดขึ้นรถไปและขับตามพวกเขาอย่างช้า ๆ
แต่หยางหลิงรุ่ยกลับส่ายหัวอย่างแน่วแน่ : "ไม่เอา คุณฮั่วคะฉันจะเดินกลับคนเดียว ระหว่างทางฉันอยากคิดไตร่ตรองอะไรสักหน่อย ตรงนี้ห่างจากบ้านหยางไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงฉัน"
เมื่อเห็นท่าทีมุ่งมั่นของหยางหลิงรุ่ย ดวงตาสีดำขาวคู่นั้นของเธอ มีอะไรบางอย่างที่ฮั่วเทียนหลนอ่านไม่ออก
เขาไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก ดังนั้นจึงพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ย : "งั้นคุณกลับไปก่อนแล้วกัน!"
“คุณฮั่วไปก่อนเลย!”
"ผมจะมองส่งคุณอยู่ตรงนี้"
หยางหลิงรุ่ยอ้าปากค้าง เธอรู้ว่าถ้าพูดต่อไปก็คงไม่มีที่สิ้นสุดเสียที
ดังนั้นเธอจึงถือถุงอาหารที่ฮั่วเทียนหลันซื้อมาให้และเดินกลับบ้านไปอย่างช้า ๆ
ข้างหลังนั้น เธอสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่เฝ้ามองดูเธอตลอดเวลา
จนกระทั่งเธอเดินออกไปไกลและเดินหักเลี้ยวตรงมุม ความรู้สึกนั้นถึงได้หายไป
เขาน่าจะกลับไปแล้วล่ะมั้ง
หยางหลิงรุ่ยรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นคนบอกเองว่าไม่ให้ฮั่วเทียนหลันเดินมาส่ง
แต่พอฮั่วเทียนหลันไม่มาส่งจริง ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาที่เขาเชื่อฟังคำพูดขนาดนั้น
ความกังวลภายในใจของหยางหลิงรุ่ยไม่สามารถพูดระบายกับคนอื่น ๆ ในบ้านหยางได้
แม้กระทั่งตงเหยียน หลายครั้งถ้าหากหยางหลิงรุ่ยไม่เอ่ยปากพูดขึ้นมาเอง เธอก็ไม่สามารถเดาได้ว่าหยางหลิงรุ่ยกำลังคิดอะไรอยู่
ดังนั้นเรื่องเกี่ยวกับฮั่วเทียนหลัน การเลือกในใจของหยางหลิงรุ่ยก็เหมือนเป็นการทำร้ายทรมานตัวเองอยู่เสมอ
เธอเดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ถนนเส้นนี้เป็นเหมือนการเรียบเรียงความทรงจำครั้งเก่าระหว่างตัวเธอและฮั่วเทียนหลัน
ผู้ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้นที่ออสเตรเลีย เขาบีบบังคับเธอให้ทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจอย่างเช่นการให้เธออยู่ด้วยกันกับเขา
เพราะการปฏิเสธของเธอ ทำให้เขาเศร้าโศกเสียใจ และตีตัวห่างออกไป
เขาถูกเธอทำให้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก เธอคิดว่าเขาคงจะไม่ปรากฏตัวมาอีกแล้ว แต่ในวันถัดมา เขากลับยังคงปรากฏตัวขึ้นมาในที่ที่เธอเดินผ่านไป
ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อเธอด้วยหัวใจ
แม้ว่าชิ้นส่วนความทรงจำบางอย่างที่ถูกเรียกคืนมาในบางครั้ง คอยย้ำเตือนกับหยางหลิงรุ่ยว่าฮั่วเทียนหลันนั้นเคยทำเรื่องไม่ดีต่อเธอมากมาย
แต่ก็ไม่สามารถทนต่อการกระทำที่กำลังพยายามลบล้างความผิดต่อเธอของเขา ทำให้หัวใจของเธอที่มีต่อเขา นานวันยิ่งเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง