โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 390

หลี่ชานชานตอนนี้กำลังยืนอยู่ด้านข้างบูธและกำลังคุยกับนักแสดงสาวผมบลอนด์อยู่

นักแสดงสาวผมบลอนด์คนนี้ หยางหลิงรุ่ยรู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก

แต่ใช้เวลานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

ตอนหยางหลิงรุ่ยอยู่ที่ออสเตรเลีย เนื่องจากสายอาชีพของเธอที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เธอจึงเคยเข้าร่วมการแข่งขันด้านการออกแบบหลายรายการ แต่ละผลงานที่นำไปแข่งขันต่างก็มีชื่ออยู่ในอันดับต้น ๆ

และไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือตามแฟชั่นนิยม ต่างก็กลายเป็นที่ชื่นชอบของหัวหน้าใหญ่บางคนหรือโฆษกของหัวหน้าใหญ่จากกลุ่มผู้ชมภายในงาน จากนั้นสินค้าก็จะถูกขายออกในราคาที่สูงลิ่ว

ผลงานของหยางหลิงรุ่ย ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามแนวทางเช่นนี้

ดังนั้นอย่าคิดว่าการที่เธอไม่ได้ทำงานในบริษัทของตระกูลหยาง แล้วเธอจะไม่มีงานอะไรทำ

แค่อาศัยส่วนแบ่งที่ได้จากการแข่งขันเหล่านี้เพียงอย่างเดียว ก็ทำให้เธอมีเงินหลายสิบล้านในมือภายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ค่าใช้จ่ายตามปกติของเธอทั้งหมดครอบครัวหยางออกให้อยู่แล้ว ฉะนั้นเงินพวกนี้ถือว่าเพียงพอสำหรับหยางหลิงรุ่ยที่จะทำสิ่งที่เธอชอบได้อย่างสบาย ๆ

ที่หยางหลิงรุ่ยรู้สึกคุ้นตากับนักแสดงสาวผมบลอนด์คนนั้น เป็นเพราะชุดที่อีกฝ่ายสวมใส่

เธอจำได้แม่นว่า นี่น่าจะเป็นผลงานของเธอในการแข่งขันระดับนานาชาติที่แคนาดาเมื่อปีที่แล้ว และในครั้งนั้นผลงานของเธอยังได้รับรางวัลที่ดีที่สุดเรื่องความแปลกใหม่และดูเฉียบอีกด้วย

แต่เนื่องจากตรงหน้านักแสดงหญิงคนนั้นมีหลี่ชานชานยืนอยู่ หยางหลิงรุ่ยจึงเหลือบมองเพียงแวบเดียว และเตรียมตัวเดินออกไป

แต่แล้วหลี่ชานชานก็หันหน้ามาและมองเห็นหยางหลิงรุ่ยพอดี

นักแสดงหญิงที่เธอกำลังพูดคุยด้วย เป็นนางเอกของบทละครเรื่องก่อนที่เธอเขียน

บทละครเรื่องนั้น ตามจริงเนื้อเรื่องค่อนข้างเป็นไปในรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยมีมา แต่เป็นเพราะรองประธานคนที่สองได้จัดเตรียมนักแสดงที่ดีที่สุด อุปกรณ์ประกอบฉากที่ดีที่สุด และสถานที่ถ่ายทำที่ดีที่สุดให้เธอ

ดังนั้นหลังจากถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว บทละครของหลี่ชานชานจึงได้รับกระแสนิยมและโด่งดังขึ้นมา

และนักแสดงหญิงคนนี้ยังเป็นดาราฮอลลีวูดที่ค่อนข้างโด่งดังอีกด้วย เธอมีชื่อว่าเชลลีย์

ด้วยความที่อยากจะแสดงความโอ้อวดต่อหน้าหยางหลิงรุ่ย หลี่ชานชานจึงก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว

“ผู้อำนวยการหยาง บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะคะ”

หลี่ชานชานดึงเชลลีย์เข้ามาร่วมด้วย เมื่อเชลลีย์เห็นหยางหลิงรุ่ย เธอก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่าหยางหลิงรุ่ยดูคุ้นตา

หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มให้เชลลี่อย่างสุภาพ

การพบปะกับผู้คน ความประทับใจแรกมักเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก

เมื่อเชลลีย์เห็นรอยยิ้มจริงใจไม่ได้เสแสร้งของหยางหลิงรุ่ย ระดับความรู้สึกดีในหัวใจของเธอก็เพิ่มสูงขึ้น จากนั้นเธอจึงส่งยิ้มตอบกลับไปเช่นเดียวกัน

เนื่องจากภาษาจีนของเธอไม่ค่อยแข็งแรง เธอจึงไม่ได้เอ่ยพูดอะไรขึ้นมา

"ฉันอยากแนะนำสักหน่อย นี่คือเพื่อนรักของฉันเชลลีย์ซูเปอร์สตาร์แห่งฮอลลีวูด ละครเรื่องมาดามมาเรส์ที่ดัง ๆ เรื่องนั้น ก็เป็นคุณเชลลีย์นี่แหละที่แสดง และบทละครเรื่องนั้นฉันเป็นคนเขียนเองด้วย เนื่องจากการทำงานหนักของพวกเรา จึงทำให้ละครเรื่องนั้นโด่งดังลุกเป็นไฟ... "

หลี่ชานชานทำหน้าภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้พูดอวดหยางหลิงรุ่ย แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะอยู่เหนือกว่าเธอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่อีกฝ่ายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้เลย

นั่นก็คือหยางหลิงรุ่ยเป็นผู้มาใหม่ และเธอไม่มีผลงานอยู่ในมือที่สามารถนำออกมาแสดงได้

และคำเรียกว่าผู้อำนวยการนั้น หน้าที่หลักมักจะเป็นฝ่ายบริหารงานเสียมากกว่า จึงไม่จำเป็นต้องมีทักษะอะไรมากนัก ขอเพียงสามารถมองเห็นข้อดีข้อเสีย ให้ความสนใจเกี่ยวกับกระแสความนิยมและความชื่นชอบของผู้ใช้แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้น หลี่ชานชานจึงเชื่อว่าเธอสามารถเอาชนะหยางหลิงรุ่ยในความสามารถด้านนี้ได้

หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากเล็กน้อย เธอยื่นมือออกไปแล้วพูดกับเชลลีย์ว่า : "สวัสดีค่ะคุณเชลลีย์ มิตรภาพที่ฉันรู้สึกเลื่อมใสมานาน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบ... "

คำพูดของเธอทำให้หลี่ชานชานชะงักไปชั่วขณะ

หมายความว่าอย่างไร มิตรภาพที่เลื่อมใสมานาน? หยางหลิงรุ่ยเคยรู้จักเชลลีย์มาก่อนยังงั้นหรือ

เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลี่ชานชานก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน เนื่องจากเชลลีย์เป็นดาวรุ่งที่เพิ่งโด่งดังเมื่อไม่นานมานี้ และกระแสตอบรับในประเทศจีนอยู่ในระดับปกติธรรมดาเท่านั้น ผลงานก่อนหน้ากับหลี่ชานชานก็เป็นเพราะถูกรับเชิญมาถึงได้เข้าร่วมการถ่ายทำ

แต่โดยปกติเชลลีย์จะไม่รับงานถ่ายทำละครทีวีของประเทศจีน

เนื่องจากขนบธรรมเนียมที่แตกต่างกัน จึงทำให้กำหนดรายการของตัวละครแต่ละตัวแตกต่างกันไปด้วย เชลลีย์เป็นนักแสดงที่ช่างเลือกเป็นอย่างมาก จึงจะไม่รับบทละครที่ดูไม่คู่ควร

โดยพื้นฐาน เธอมักจะคิดเช่นนี้ในตอนที่เลือกรับงานถ่ายละครต่าง ๆ

"ผู้อำนวยการหยางคะ ถึงฉันจะเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ว่าการที่คุณเชื่อมโยงความสัมพันธ์มั่ว ๆ แบบนี้ มันดูจะแย่ไปหน่อยนะคะ"

หลี่ชานชานระงับความโกรธเล็กน้อยที่เกิดขึ้นภายในใจ แต่จริง ๆ แล้วเธอก็มีความรู้สึกพึงพอใจอยู่บ้างเล็กน้อยหลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้น

เพราะเชลลีย์เป็นถึงซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติ การที่หยางหลิงรุ่ยคิดว่าตัวเองจะสามารถเข้าไปพัวพันกับซุปเปอร์สตาร์ได้อย่างเรียบง่ายสบาย ๆ นั้น มันฟังดูตลกสิ้นดี

การพูดจาไร้สาระเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ความประทับใจของเชลลีย์ที่มีต่อเธอลดน้อยลงเท่านั้น

หยางหลิงรุ่ยยิ้มขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ราวกับกำลังเฝ้ารอท่าทีของเชลลีย์

เชลลีย์มองดูหยางหลิงรุ่ย เธอจ้องมองอยู่อย่างนั้นพร้อมกับใบหน้าที่แสดงท่าทีราวกับกำลังครุ่นคิด สักพักเธอก็เอ่ยขึ้น : "คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันเองก็รู้สึกว่าคุณ หน้าคุ้นมาก ไม่ทราบว่า เราเคยเจอกันที่ไหน ใช่ไหมคะ"

เชลลีย์ไม่ได้พูดภาษาจีนมาเป็นเวลานาน จึงทำให้มีความตะกุกตะกักเล็กน้อย ฉะนั้นประโยคนี้จึงถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนกว่าจะถูกกล่าวจนจบ

หลังจากฟังเธอพูดเสร็จ หยางหลิงรุ่ยก็เรียบเรียงประโยคเมื่อสักครู่ใหม่ในหัว ดูเหมือนเธอจะเข้าใจความหมายในสิ่งที่เชลลีย์พูดแล้ว

เธอระบายยิ้ม ก่อนจะเหลือบมองหลี่ชานชานที่กำลังทำหน้าตกตะลึง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น : "ไม่ทราบว่าชุดที่คุณเชลลีย์สวมอยู่นี้ ซื้อมาจากที่ไหนเหรอคะ"

"ที่งานออตตาวาค่ะ อ้อ ฉันจำได้แล้ว ชุดนี้ คุณเป็นคนออกแบบ!"

ในที่สุดเชลลีย์ก็นึกออก เมื่อตอนที่เธอเลือกซื้อชุดนี้ เธอเคยเห็นรูปของหยางหลิงรุ่ยในหน้าแรกของประวัติข้อมูลและความสนใจ แต่ตอนนั้นเธอเพียงมองดูอย่างผ่าน ๆ จึงจำอะไรไม่ค่อยได้

เนื่องจากซื้อชุดที่เธอออกแบบ เชลลีย์จึงรู้สึกประทับใจต่อเธอมาก

เพราะสายอาชีพของเชลลีย์ ทำให้เธอมักจะซื้อเสื้อผ้าที่เป็นกระแสนิยมทุกประเภท

แต่จากทั้งหมดทั้งมวลที่เคยซื้อมา ที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นชุดที่เธอกำลังสวมอยู่ ณ ตอนนี้

เสื้อผ้าตามปกติ หากภายนอกดูดีภายในก็มักจะไม่ค่อยคำนึงถึงความสบายของผู้ส่วมใส่ ทำให้พอส่วมใส่เข้าไปแล้วรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก

แต่หยางหลิงรุ่ยนั้นใช้แนวคิดการออกแบบที่รอบคอบของตัวเอง ทำให้เสื้อผ้าแต่ละชิ้นได้รับการเสริมแต่งอย่างดีทั้งภายในและภายนอกโดยแท้จริง

เชลลีย์ทำท่าทางประกอบอย่างจริงจัง ต่อหน้าหลี่ซานซาน เพื่อแสดงความรู้สึกเป็นมิตรให้หยางหลิงรุ่ย

เธอก้าวไปข้างหน้าและโอบกอดหยางหลิงรุ่ย

"ขอบคุณนะคะ เสื้อผ้าของคุณ เป็นเสื้อผ้าที่ฉันเคยใส่ ที่ดีที่สุด!"

หยางหลิงรุ่ยและเชลลีย์กอดกันเล็กน้อย หลังจากทั้งสองแยกออกจากกัน เธอถึงเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "คุณชอบมันก็ดีมากแล้ว การที่คุณสวมใส่ชุดนี้ไปร่วมงานต่าง ๆ ฉันเองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว! ตอนนี้หน้าที่การงานของคุณเชลลีย์ก็กำลังไปได้สวย ฉันหวังว่าชุดนี้จะสามารถช่วยนำพาคุณไปถึงระดับที่สูงกว่านี้อีกจนได้!"

ทั้งสองคนคุยพูดกันสนุกสนาน จนลืมสนใจหลี่ชานชานที่ยืนอยู่ด้านข้าง

หลี่ชานชานตะลึงจนตาค้าง เธอคิดไม่ถึงเลยว่านักแสดงหญิงที่ร่วมแสดงละครที่เธอเป็นคนเขียนบทนั้น จะรู้จักกับหยางหลิงรุ่ยด้วย

ผู้หญิงคนนี้ช่างลึกลับนัก หลี่ชานชานไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวเคยทำอะไรมาก่อน

แต่จากที่ได้ยินสิ่งที่เชลลีย์พูด ทำให้เธอพอรู้ว่า

เสื้อผ้าของเชลลีย์ ถูกออกแบบมาโดยหยางหลิงรุ่ย

เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลี่ชานชานก็อดไม่ได้ที่เหลือบมองไปที่เสื้อผ้าของเชลลีย์ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ทำให้ความรู้สึกและการยอมรับต่อความสวยงามนั้นค่อนข้างที่จะตรงกัน

และหลี่ชานชานก็ต้องยอมรับว่า เสื้อผ้าที่หยางหลิงรุ่ยออกแบบนั้น สวยงามทั้งภายนอกและภายในจริง ๆ !

ผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนออกแบบชุดนี้ได้อย่างไรกัน เธอต้องหาคนทำแทนแน่นอน ใคร ๆ ก็รู้ว่าสมัยนี้แค่มีเงินจะทำอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ

เมื่อเห็นท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมของสองคนนี้ ก็ทำให้หลี่ชานชานรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

ทั้งที่นั่นมันควรจะเป็นบทของเธอไม่ใช่เหรอ

“ผู้อำนวยการหยาง!”

หยางหลิงรุ่ยไม่สนใจ เธอทำเหมือนหลี่ชานชานเป็นธาตุอากาศ

“คุณเชลลีย์!”

เชลลีย์เอียงศีรษะมองหลี่ชานชานเล็กน้อย ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ แต่ก็ไม่อาจซ่อนความรู้สึกห่างเหินเล็กน้อบที่ถูกแสดงออกมาผ่านแววตานั้นได้

นั่นทำให้หลี่ชานชานขบฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

หยางหลิงรุ่ยเริ่มพูดคุยกับเชลลีย์เกี่ยวกับเรื่องอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ เธอกล่าวว่า : "ฉันเห็นการโปรโมตละครโทรทัศน์ล่าสุด คุณรับเล่นละครเกี่ยวกันเรื่องการต่อต้านญี่ปุ่นของประเทศจีน"

"อืม"เชลลีย์ยิ้ม จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น : "ละครทีวีเรื่องนั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว ฉันได้อ่านบทแล้ว พบว่ามันค่อนข้างตรงกับรสนิยมของฉัน ดังนั้นก็เลยตอบรับ"

"แต่ว่า... " หยางหลิงรุ่ยลังเลเล็กน้อย เธอไม่ได้พูดประโยคต่อไปในทันที แต่กลับพูดขึ้นว่า : "คุณเชลลีย์คะ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เราพบกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะพูดแนะนำคุณสักหน่อย ก็คือละครเกี่ยวกับการต่อต้านญี่ปุ่นประเภทนี้ เมื่อก่อนทีมผู้กำกับเคยถ่ายทำอย่างยึดเอาความเป็นจริงและมีความเป็นประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง แต่เนื่องจากเศรษฐกิจของสังคมบรรเทิงเกิดภาวะฟองสบู่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ละครต่อต้านญี่ปุ่นนี้จึงถูกเรียกว่าเป็นละครเทพ หากคุณเข้าร่วมแสดงด้วย ฉันกลัวว่ามันจะส่งผลต่อชื่อเสียงของคุณในอนาคต... "

ตอนแรกเริ่มหยางหลิงรุ่ยกล่าวเตือนอย่างอ้อม ๆ แต่หลังจากนั้นเธอก็พูดออกมาตรง ๆ

แม้ว่าเธอกับเชลลีย์จะไม่ได้สนิทกัน แต่ถึงกระนั้นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็มีต้นเหตุมาจากชุดชุดหนึ่งที่เธอออกแบบ จึงทำให้กลายเป็นมิตรภาพที่เลื่อมใสมานาน

เชลลีย์เป็นดารานักแสดงต่างประเทศ และไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับละครเทพยอดนิยมของจีนในปัจจุบัน

เพราะรู้จักกับหลี่ชานชาน จึงถูกชักนำให้มาร่วมแสดงละครเรื่องนี้

หลังจากที่เธอคบหากับหลี่ชานชานมาระยะหนึ่ง เธอก็รู้สึกว่าหลี่ชานชานเป็นคนที่ไว้วางใจได้ เธอจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลอะไร

แต่ตอนนี้เมื่อได้ฟังคำพูดของหยางหลิงรุ่ย หัวใจของเธอก็สั่นระรัวขึ้นมา

คนหนึ่งบอกว่าดี อีกคนบอกว่าไม่ดี แล้วสรุปว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่

หลี่ชานชานที่ยืนฟังอยู่อีกด้าน เมื่อได้ยินหยางหลิงรุ่ยกล้าที่จะพูดทำลายธุรกิจของเธอ เธอก็โมโหขึ้นมาทันที

"ผู้อำนวยการหยางคะ พูดอะไรก็ควรคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วยนะคะ ละครต่อต้านญี่ปุ่นนี้เป็นการส่งเสริมจิตวิญญาณของคนในชาติพวกเรา จะบอกว่าเป็นละครเทพได้อย่างไรกัน สิ่งที่คุณพูดออกมาเมื่อสักครู่ ถ้าหากฉันบันทึกเสียงและส่งไปที่สำนักกำกับวัฒนธรรม คุณรู้ไหมว่าผลที่ตามมาคืออะไร"

"ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ควรคิดให้ดีก่อนลงมือทำ ขณะเดียวกันก็ควรระวังคำพูดด้วย ไม่เช่นนั้นปัญหาจะหลุดออกมาจากปากของคุณเอาได้ แม้ว่าผู้อำนวยการหยางจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่ แต่การจะก่อเรื่องใหญ่โตนั้น ก็ควรคิดให้รอบคอบเสียก่อนว่ากองหนุนของคุณจะสามารถตามเช็ดก้นให้คุณไหวหรือเปล่า! "

หลี่ชานชานแสร้งทำเป็นโกรธ ท่าทางของเธอราวกับกำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของความยุติธรรม เธอพูดระบายความคับข้องใจของตัวเองที่มีทั้งหมดใส่หยางหลิงรุ่ยไม่ยั้ง

นี่คือสิ่งที่เธอชอบทำมากที่สุด คนที่เคยถูกเธอปฏิบัติด้วยเช่นนี้มาก่อนมักจะไม่มีทางตอบโต้อะไรได้ เนื่องจากพวกเขาต่างก็ถูกยับยั้งด้วยคำว่ายุติธรรมของเธอ

วิธีการพูดเสียดสีของหลี่ชานชานนั้น แทบเรียกได้ว่าได้ผลลัพธ์เต็มร้อยและไม่มีใครต่อสู้ได้

หยางหลิงรุ่ยไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เธอมองดูเชลลีย์ที่ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ชานชาน เธอจึงเอ่ยขึ้น : "หลี่ชานชาน ในเมื่อเธอบอกว่าละครต่อต้านญี่ปุ่นไม่ใช่ละครเทพ ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามอะไรเธอหน่อย เธอสามารถตอบตามความจริงได้หรือเปล่า”

"ได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ผู้อำนวยการหยางคะ คำตอบที่แท้จริงนี้ฉันกลัวว่ามันจะทำร้ายภาพลักษณ์ของคุณเอาได้ เพราะถึงอย่างไรคุณก็เป็นหัวหน้าของฉัน และฉันก็เป็นลูกจ้างของคุณ หรือว่าคุณไม่รู้นิสัยของฉันเลยหรือ"

หลี่ชานชานราวกับกำลังพูดให้หยางหลิงรุ่ยคิดให้ดีเกี่ยวกับคำถามนี้เสียก่อน

แต่หยางหลิงรุ่ยยังยกยิ้มอย่างสุภาพ ก่อนจะเอ่ย : "งั้นฉันขอถาม!"

"ว่ามา!"

"ข้างในมีจักรยานที่เร็วกว่ารถไฟ? มีปืนยาวที่สามารถยิงเครื่องบิน? มีลูกระเบิดมือที่สามารถระเบิดเครื่องบิน? สามารถใช้มือฉีกภูติผีปีศาจได้? และยังมีไอ้พวกผมทรงโมฮอกน่ารำคาญนั่นอีก... "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง