หยางหลิงรุ่ยเอ่ยถามคำถามขึ้นมาเรื่อย ๆ จนใบหน้าของหลี่ชานชานเริ่มขึ้นจุดด่างพร้อย
ไม่ใช่เพราะคำถามของอย่างหลิงรุ่ยมีความรุนแรง แต่เป็นเพราะเนื้อหาในละครต่อต้านญี่ปุ่นในปัจจุบันมีโครงเรื่องดังที่อีกฝ่ายกล่าวขึ้นมาจริง ๆ
เพื่อเรตติ้งผู้ชม หลี่ชานชานจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฉากละครของเธอพัฒนาไปจนถึงขีดสุด
ฉากต่าง ๆ ของละครเทพก็ถูกใส่เพิ่มเข้าไปทุกรูปแบบ
และเนื่องจากเชลลีย์เป็นดารานักแสดงต่างประเทศ จึงทำให้เธอไม่ค่อยรู้จักตลาดภาพยนตร์ของประเทศจีนมากนัก ดังนั้นจึงตกลงไปในหลุมพรางนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลี่ชานชานเดิมทีคิดเอาไว้เป็นอย่างดีแล้วว่า หลังจากช่วงเวลาถ่ายทำได้เริ่มขึ้น ถึงอย่างไรก็มีสัญญาเป็นหลักประกันไว้แล้ว และเชลลีย์เองก็คงคำนึงถึงเรื่องความซื่อสัตย์และการมีสัจจะก่อนอยู่แล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่า ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยจะโผล่ขึ้นมากลางคัน
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของหลี่ชานชาน หยางหลิงรุ่ยก็รู้ได้ในทันทีว่า หลี่ชานชานได้ทิ้งช่องโหว่เอาไว้ในบทละครจริง ๆ
ส่วนเชลลีย์นั้น เพียงเพราะเคยร่วมมือกับหลี่ชานชานมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอจึงหลงเชื่อหลี่ชานชาน และหลี่ชานชานได้ให้ค่าตอบแทนที่เรียกได้ว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก นอกจากนี้อีกฝ่ายยังบอกเธออีกว่าละครแนวนี้เป็นที่นิยมของคนในประเทศจีน ดังนั้นเธอถึงได้ตอบรับไป
เธอเป็นคนคุยง่ายก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นคนไร้เดียงสา
คนที่อยู่ในวงการบรรเทิง มีใครบ้างที่ไม่เจนโลก
เชลลีย์จ้องลึกไปที่หลี่ชานชาน จากนั้นเอ่ยขึ้น : "คุณหลี่คะ สิ่งที่คุณหยางพูดจริงหรือเปล่าคะ"
หลี่ชานชานอ้าปากขึ้นเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเชลลีย์ที่มีความสงสัยอยู่เต็มประดา ทำให้เธอเกิดความลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ
แต่กระนั้นเธอก็ยังเหลือช่องว่างให้กับตัวเอง : "เชลลีย์ คืออย่างนี้ เนื่องจากความจำเป็นของบทละคร จึงทำให้ต้องมีฉากของละครเทพเพิ่มเข้าไปด้วย แต่ว่ามีเพียงนิดเดียวเท่านั้น ฉันสามารถรับประกันกับคุณได้ 100% เลย ละครเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณอย่างมากในการพัฒนาและสร้างชื่อเสียงของตัวเองในประเทศจีนในอนาคต”
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน หลี่ชานชานพูดเช่นนี้เชลลีย์ก็จะเชื่ออย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ การปรากฏตัวของหยางหลิงรุ่ยทำให้เชลลีย์มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
“คุณหยางคิดว่าอย่างไรคะ”
เชลลีย์มองไปที่หยางหลิงรุ่ยอย่างต้องการคำแนะนำ จากท่าทีของเธอสามารถมองออกว่าเธอเริ่มสงสัยในตัวหลี่ชานชานแล้ว กลับกันตอนนี้เธอรู้สึกเชื่อใจในคำพูดของหยางหลิงรุ่ยมากกว่า
หลี่ชานชานอาศัยจังหวะที่เชลลีย์เผลอ เหลือบมองหยางหลิงรุ่ยอย่างเครียดแค้นพร้อมกับทำปากขมุบขมิบ
เมื่อก่อนตอนที่หยางหลิงรุ่ยรู้สึกเบื่อ เธอเคยเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาปาก ดังนั้นเมื่อมองจากมุมของการขยับริมฝีปากของหลี่ชานชานแล้ว เธอก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดข่มขู่เธออยู่
"หยางหลิงรุ่ย อภัยคนได้พึงให้อภัย อย่าทำลายผลประโยชน์ของฉัน!"
แต่การข่มขู่ของหลี่ชานชานนั้น ถ้ามองตามสถานภาพแล้วมันสามารถทำอะไรหยางหลิงรุ่ยได้ด้วยเหรอ
เธอเป็นใครกัน
หยางหลิงรุ่ยไม่เคยใช้อำนาจกดขี่ผู้อื่น เพราะนั่นมันไม่ใช่ตัวตนของเธอ แต่เนื่องจากเกิดมาในตระกูลหยางที่มีชีวิตหรูหราและพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ทำให้หยางหลิงรุ่ยดูสูงส่งและความมั่นใจในตัวเองทุกท่วงทาง
เธอยกยิ้มมุมปาก จากนั้นมองไปที่เชลลีย์แล้วเอ่ยขึ้น : "คุณเชลลีย์คะ คุณอยากฟังเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก คุณสนใจชื่อเสียงหรือค่าตอบแทนมากกว่ากันคะ"
หยางหลิงรุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างตรงจุด เธอถามเชลลีย์ว่าต้องการเงินด่วนหรือเปล่า
เชลลีย์อึ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า : "คุณหยางคะ ฉันสนใจอย่างแรกมากกว่า"
"ถ้าเช่นนั้นก็ดี"
หยางหลิงรุ่ยยังคงเพิกเฉยต่อหลี่ชานชานที่ใกล้จะเป็นบ้าอยู่เต็มทน เธอเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา : "ฉันแนะนำให้คุณรับถ่ายละครแนวโรแมนติกหรือชีวิตธรรมดาทั่วไปจะดีกว่า ละครประเภทต่อต้านญี่ปุ่นนี้ แม้เรตติ้งจะสูง แต่คนดูมักจะดูเอาตลกเสียมากกว่า พวกเขาแค่อยากเห็นว่าคุณสามารถแสดงพล็อตเรื่องได้โดดเด่นสักแค่ไหนก็เท่านั้น ในฐานะที่เป็นละครเรื่องแรกของคุณในประเทศจีน แนวทางที่คุณเลือกจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอนาคตของคุณโดยตรง ดังนั้นฉันไม่แนะนำให้คุณถ่ายภาพประเภทนี้ และเท่าที่ฉันได้ทราบมา คนที่เคยถ่ายละครต่อต้านญี่ปุ่น การพัฒนาในระยะยาวของพวกเขา ต่างก็ตกต่ำลงหมด... "
ภาษาจีนกลางของเชลลีย์ยังต้องปรับตัว ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงพูดช้าเป็นพิเศษ จนทำให้เธอพอเข้าใจในสิ่งที่ตนต้องการจะสื่อ
แต่หลี่ชานชานที่ได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดความจริงออกมาเช่นนั้น เธอก็แผงขนขึ้นมาทันที ราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง
"หยางหลิงรุ่ย เธอพูดบ้าอะไร เธอกำลังพูดชักนำไปในทางที่ไม่ถูกต้องนะ!"
"เชลลีย์อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เธอพูดนะ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังอิจฉาที่คุณและฉันได้ร่วมมือกัน!"
หลี่ชานชานรู้สึกโมโหจนร้อนรนไปหมดแล้วในตอนนี้ แม้แต่คำเตือนของรองประธานคนที่สองที่เคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้ ก็ถูกโยนทิ้งไปจากสมองหมดแล้ว
ในใจของเธอได้คิดอย่างถี่ถ้วนและแจ่มแจ้งแล้วว่า ครั้งนี้ไม่ใช่เธอเองที่ไปหาเรื่องหยางหลิงรุ่ยก่อน แต่เป็นหยางหลิงรุ่ยที่ต้องการทำลายธุรกิจของเธอ
ดังนั้น นี่จึงถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวเอง และถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงหูผู้หนุนหลังของเธอ ผู้หนุนหลังก็จะมีเหตุผลที่สามารถใช้อธิบายกับผู้หนุนของหยางหลิงรุ่ยได้แน่นอน
หยางหลิงรุ่ยยิ้มเป็นนัยให้หลี่ชานซชาน แต่เธอไม่ได้เอ่ยต่อประโยค
นั่นทำให้หลี่ชานชานยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้กล้าดูถูกตัวเองมากขนาดนี้เลยยังงั้นหรือ
ความแค้นที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้หลี่ชานชานระเบิดขึ้นมาทันที
"หยางหลิงรุ่ย ฉันรู้ว่าเธออิจฉาฉัน อิจฉาในความสามารถของฉัน ดังนั้นจึงจงใจทำให้ฉันเกิดความรู้สึกอับอาย และเพราะเธอมีคนอยู่เบื้องหลังไง เธอถึงได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการของบริษัทอย่างนี้ เธอกลัวว่าฉันจะไปแย่งตำแหน่งของเธอมาใช่ไหม เธอถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อบีบฉันออก... "
คำพูดที่ไหลออกมาจากปากหลี่ชานชาน ทำให้หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นแค่การขมวดคิ้วเพียงเท่านั้น เพราะตอนนี้หยางหลิงรุ่ยนับวันยิ่งมองข้ามหลี่ชานชานมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง