โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 391

หยางหลิงรุ่ยเอ่ยถามคำถามขึ้นมาเรื่อย ๆ จนใบหน้าของหลี่ชานชานเริ่มขึ้นจุดด่างพร้อย

ไม่ใช่เพราะคำถามของอย่างหลิงรุ่ยมีความรุนแรง แต่เป็นเพราะเนื้อหาในละครต่อต้านญี่ปุ่นในปัจจุบันมีโครงเรื่องดังที่อีกฝ่ายกล่าวขึ้นมาจริง ๆ

เพื่อเรตติ้งผู้ชม หลี่ชานชานจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฉากละครของเธอพัฒนาไปจนถึงขีดสุด

ฉากต่าง ๆ ของละครเทพก็ถูกใส่เพิ่มเข้าไปทุกรูปแบบ

และเนื่องจากเชลลีย์เป็นดารานักแสดงต่างประเทศ จึงทำให้เธอไม่ค่อยรู้จักตลาดภาพยนตร์ของประเทศจีนมากนัก ดังนั้นจึงตกลงไปในหลุมพรางนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลี่ชานชานเดิมทีคิดเอาไว้เป็นอย่างดีแล้วว่า หลังจากช่วงเวลาถ่ายทำได้เริ่มขึ้น ถึงอย่างไรก็มีสัญญาเป็นหลักประกันไว้แล้ว และเชลลีย์เองก็คงคำนึงถึงเรื่องความซื่อสัตย์และการมีสัจจะก่อนอยู่แล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่า ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยจะโผล่ขึ้นมากลางคัน

เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของหลี่ชานชาน หยางหลิงรุ่ยก็รู้ได้ในทันทีว่า หลี่ชานชานได้ทิ้งช่องโหว่เอาไว้ในบทละครจริง ๆ

ส่วนเชลลีย์นั้น เพียงเพราะเคยร่วมมือกับหลี่ชานชานมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอจึงหลงเชื่อหลี่ชานชาน และหลี่ชานชานได้ให้ค่าตอบแทนที่เรียกได้ว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก นอกจากนี้อีกฝ่ายยังบอกเธออีกว่าละครแนวนี้เป็นที่นิยมของคนในประเทศจีน ดังนั้นเธอถึงได้ตอบรับไป

เธอเป็นคนคุยง่ายก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นคนไร้เดียงสา

คนที่อยู่ในวงการบรรเทิง มีใครบ้างที่ไม่เจนโลก

เชลลีย์จ้องลึกไปที่หลี่ชานชาน จากนั้นเอ่ยขึ้น : "คุณหลี่คะ สิ่งที่คุณหยางพูดจริงหรือเปล่าคะ"

หลี่ชานชานอ้าปากขึ้นเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเชลลีย์ที่มีความสงสัยอยู่เต็มประดา ทำให้เธอเกิดความลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ

แต่กระนั้นเธอก็ยังเหลือช่องว่างให้กับตัวเอง : "เชลลีย์ คืออย่างนี้ เนื่องจากความจำเป็นของบทละคร จึงทำให้ต้องมีฉากของละครเทพเพิ่มเข้าไปด้วย แต่ว่ามีเพียงนิดเดียวเท่านั้น ฉันสามารถรับประกันกับคุณได้ 100% เลย ละครเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณอย่างมากในการพัฒนาและสร้างชื่อเสียงของตัวเองในประเทศจีนในอนาคต”

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน หลี่ชานชานพูดเช่นนี้เชลลีย์ก็จะเชื่ออย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ การปรากฏตัวของหยางหลิงรุ่ยทำให้เชลลีย์มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

“คุณหยางคิดว่าอย่างไรคะ”

เชลลีย์มองไปที่หยางหลิงรุ่ยอย่างต้องการคำแนะนำ จากท่าทีของเธอสามารถมองออกว่าเธอเริ่มสงสัยในตัวหลี่ชานชานแล้ว กลับกันตอนนี้เธอรู้สึกเชื่อใจในคำพูดของหยางหลิงรุ่ยมากกว่า

หลี่ชานชานอาศัยจังหวะที่เชลลีย์เผลอ เหลือบมองหยางหลิงรุ่ยอย่างเครียดแค้นพร้อมกับทำปากขมุบขมิบ

เมื่อก่อนตอนที่หยางหลิงรุ่ยรู้สึกเบื่อ เธอเคยเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาปาก ดังนั้นเมื่อมองจากมุมของการขยับริมฝีปากของหลี่ชานชานแล้ว เธอก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดข่มขู่เธออยู่

"หยางหลิงรุ่ย อภัยคนได้พึงให้อภัย อย่าทำลายผลประโยชน์ของฉัน!"

แต่การข่มขู่ของหลี่ชานชานนั้น ถ้ามองตามสถานภาพแล้วมันสามารถทำอะไรหยางหลิงรุ่ยได้ด้วยเหรอ

เธอเป็นใครกัน

หยางหลิงรุ่ยไม่เคยใช้อำนาจกดขี่ผู้อื่น เพราะนั่นมันไม่ใช่ตัวตนของเธอ แต่เนื่องจากเกิดมาในตระกูลหยางที่มีชีวิตหรูหราและพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ทำให้หยางหลิงรุ่ยดูสูงส่งและความมั่นใจในตัวเองทุกท่วงทาง

เธอยกยิ้มมุมปาก จากนั้นมองไปที่เชลลีย์แล้วเอ่ยขึ้น : "คุณเชลลีย์คะ คุณอยากฟังเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก คุณสนใจชื่อเสียงหรือค่าตอบแทนมากกว่ากันคะ"

หยางหลิงรุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างตรงจุด เธอถามเชลลีย์ว่าต้องการเงินด่วนหรือเปล่า

เชลลีย์อึ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า : "คุณหยางคะ ฉันสนใจอย่างแรกมากกว่า"

"ถ้าเช่นนั้นก็ดี"

หยางหลิงรุ่ยยังคงเพิกเฉยต่อหลี่ชานชานที่ใกล้จะเป็นบ้าอยู่เต็มทน เธอเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา : "ฉันแนะนำให้คุณรับถ่ายละครแนวโรแมนติกหรือชีวิตธรรมดาทั่วไปจะดีกว่า ละครประเภทต่อต้านญี่ปุ่นนี้ แม้เรตติ้งจะสูง แต่คนดูมักจะดูเอาตลกเสียมากกว่า พวกเขาแค่อยากเห็นว่าคุณสามารถแสดงพล็อตเรื่องได้โดดเด่นสักแค่ไหนก็เท่านั้น ในฐานะที่เป็นละครเรื่องแรกของคุณในประเทศจีน แนวทางที่คุณเลือกจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอนาคตของคุณโดยตรง ดังนั้นฉันไม่แนะนำให้คุณถ่ายภาพประเภทนี้ และเท่าที่ฉันได้ทราบมา คนที่เคยถ่ายละครต่อต้านญี่ปุ่น การพัฒนาในระยะยาวของพวกเขา ต่างก็ตกต่ำลงหมด... "

ภาษาจีนกลางของเชลลีย์ยังต้องปรับตัว ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงพูดช้าเป็นพิเศษ จนทำให้เธอพอเข้าใจในสิ่งที่ตนต้องการจะสื่อ

แต่หลี่ชานชานที่ได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดความจริงออกมาเช่นนั้น เธอก็แผงขนขึ้นมาทันที ราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง

"หยางหลิงรุ่ย เธอพูดบ้าอะไร เธอกำลังพูดชักนำไปในทางที่ไม่ถูกต้องนะ!"

"เชลลีย์อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เธอพูดนะ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังอิจฉาที่คุณและฉันได้ร่วมมือกัน!"

หลี่ชานชานรู้สึกโมโหจนร้อนรนไปหมดแล้วในตอนนี้ แม้แต่คำเตือนของรองประธานคนที่สองที่เคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้ ก็ถูกโยนทิ้งไปจากสมองหมดแล้ว

ในใจของเธอได้คิดอย่างถี่ถ้วนและแจ่มแจ้งแล้วว่า ครั้งนี้ไม่ใช่เธอเองที่ไปหาเรื่องหยางหลิงรุ่ยก่อน แต่เป็นหยางหลิงรุ่ยที่ต้องการทำลายธุรกิจของเธอ

ดังนั้น นี่จึงถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวเอง และถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงหูผู้หนุนหลังของเธอ ผู้หนุนหลังก็จะมีเหตุผลที่สามารถใช้อธิบายกับผู้หนุนของหยางหลิงรุ่ยได้แน่นอน

หยางหลิงรุ่ยยิ้มเป็นนัยให้หลี่ชานซชาน แต่เธอไม่ได้เอ่ยต่อประโยค

นั่นทำให้หลี่ชานชานยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้กล้าดูถูกตัวเองมากขนาดนี้เลยยังงั้นหรือ

ความแค้นที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้หลี่ชานชานระเบิดขึ้นมาทันที

"หยางหลิงรุ่ย ฉันรู้ว่าเธออิจฉาฉัน อิจฉาในความสามารถของฉัน ดังนั้นจึงจงใจทำให้ฉันเกิดความรู้สึกอับอาย และเพราะเธอมีคนอยู่เบื้องหลังไง เธอถึงได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการของบริษัทอย่างนี้ เธอกลัวว่าฉันจะไปแย่งตำแหน่งของเธอมาใช่ไหม เธอถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อบีบฉันออก... "

คำพูดที่ไหลออกมาจากปากหลี่ชานชาน ทำให้หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย

แต่ถึงกระนั้น ก็เป็นแค่การขมวดคิ้วเพียงเท่านั้น เพราะตอนนี้หยางหลิงรุ่ยนับวันยิ่งมองข้ามหลี่ชานชานมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่เธอลงมือสักหน่อย จะไปไหนรอดกัน

คิดจะเอาชนะเธอในสถานการณ์เช่นนี้ มีแต่จะทำให้ตัวเองยิ่งดูแย่กว่าเดิม

เชลลีย์มองดูหลี่ชานชานด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าหลี่ชานชานในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคย

และในใจของเธอก็เชื่อคำพูดของหยางหลิงรุ่ยมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบอกไม่ถูก

ก็แล้วทำไมหลี่ชานชานที่ปกติมักจะดูสง่างาม บัดนี้กลับได้ทำตัวราวกับสุนัขจนตรอกอย่างนั้นได้ล่ะ

"คุณหลี่คะ ได้โปรด ใจเย็น ๆ ก่อน"

เชลลีย์พยายามจะสงบสติอารมณ์ของหลี่ชานชาน เพราะเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของหลี่ชานชาน ทำให้ผู้คนบริเวณรอบ ๆ เริ่มจ้องมองมา แววตาของพวกเขาเปล่งประกายราวกับกำลังมองดูความบันเทิงอยู่อย่างไรอย่างนั้น

แต่ตอนนี้หลี่ชานชานนั้นโกรธจนไม่ลืมหูลืมตาแล้ว ความรู้สึกดีจากการระบายโทสะ ทำให้สติของเธอที่หลงเหลืออยู่เริ่มจางหายไปด้วย

ในสายตาของเธอตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหยางหลิงรุ่ยหรือว่าเชลลีย์ต่างก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีด้วยกันหมดทั้งนั้น

“หุบปาก!”

หลังจากที่ถูกหลี่ชานชานตะคอก เชลลีย์ก็ชะงักไปในทันที

ทันใดนั้นหลี่ชานชานก็คล้ายกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง และดูเหมือนว่าเธอนั้นพลั้งปากออกไปแล้ว

เธอมองไปที่เชลลีย์ที่เริ่มมีสีหน้าขุ่นเคือง ราวกับมองเห็นเงินหยวนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลอยหายไปในอากาศ"

“ไม่ คุณเชลลีย์ ฉันไม่ได้หมายถึงคุณ ... ”

หลี่ชานชานรีบอธิบาย แต่เชลลีย์กลับยิ่งทำหน้าขรึม เธอไม่แม้แต่จะมองดูอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะพูดกับหยางหลิงรุ่ยที่อยู่ด้านข้างว่า : "คุณหยางคะ ฉันชอบงานออกแบบของคุณมากเลย ช่วยพาฉันไปชมงานนิทรรศการเสื้อผ้าครั้งนี้หน่อยได้หรือเปล่าคะ”

หยางหลิงรุ่ยตอบรับ จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับเชลลีย์ทันที

ส่วนหลี่ชานชานนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เธอยืนเผชิญหน้ากับฝูงชนจำนวนมาก ที่ต้องการรู้ว่าใครกันที่มาโหวกเหวกโวยวายในงานขนาดใหญ่เช่นนี้อย่างไม่นึกถึงภาพพจน์

ตอนนี้เธอกับเชลลีย์แตกคอกันแล้วจริง ๆ หรือ

หยางหลิงรุ่ยและเชลลีย์เดินมาจนถึงห้องจัดแสดงในช่วงเช้า ระหว่างทางเนื่องจากเชลลีย์ค่อนข้างมีชื่อเสียง ทำให้มีผู้กำกับและโปรดิวเซอร์หลักหลายคนต่างก็เดินเข้ามาทักทายไม่ขาดสาย

หยางหลิงรุ่ยที่อยู่ด้านข้างเชลลีย์ก็ตกเป็นที่สนใจขึ้นมาเช่นกัน

มีผู้กำกับหลักหลายคนในนั้น ที่ดูเหมือนจะรู้จักตัวตนของหยางหลิงรุ่ย หลังจากที่เธอเดินออกไปแล้ว พวกเขาก็จับกลุ่มพูดคุยกันขึ้นมา

"ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เชลลีย์ดูคุ้นมากเลย"

"ดูจากตำแหน่งแล้วเธอคือผู้อำนวยการของ Yang's Entertainment และนามสกุลของเธอก็คือหยาง เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะเป็นคนของตระกูลหยาง"

“คนของตระกูลหยาง ยังจำเป็นต้องทำงานในแวดวงบันเทิงด้วยเหรอ”

"แล้วถ้าเป็นแค่งานอดิเรกเล็ก ๆ น้อย ๆ ล่ะ เพราะเธออายุยังน้อยอยู่เลย จะได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ได้อย่างไรกัน"

หยางหลิงรุ่ยเดินออกไปไกลแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวใด ๆ เพียงแค่ทักทายผู้กำกับหลักเหล่านี้ ก็ทำให้เธอตกเป็นที่สังเกตของคนทั่วไปแล้ว

หยางหลิงรุ่ยกำลังยืนอยู่ตรงหน้าชุดกระโปรงเจ้าหญิงแสนสวย เธอมองดูชุดสีบริสุทธิ์ ตัวนี้ ก่อนจะเหลือบมองรูปร่างของเชลลีย์ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น : "คุณเชลลีย์คะ ชุดนี้ดูเหมาะกับบุคลิกของคุณมากเลย"

"หือ? จริงเหรอคะ ฉันเองก็ค่อนข้างชอบมันเหมือนกัน” เชลลีย์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

คำพูดของเธอฟังดูไหลลื่นขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกอึ้งเล็กน้อย

และเชลลีย์ก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัยบนใบหน้าของหยางหลิงรุ่ย

เธอยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับทำท่าราวกับว่านี่ต่างหากล่ะที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน : "คุณหยางคะ จริง ๆ แล้วเมื่อสักครู่ฉันแค่แกล้งทำ หลี่ชานชานคนนั้น ฉันเองก็... "

เชลลีย์ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่าเธอคิดอย่างไรกับหลี่ชานชาน แต่จากการคาดการณ์ของเธอแล้ว หยางหลิงรุ่ยฉลาดขนาดนั้น อีกฝ่ายจะต้องรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่อย่างแน่นอน

หยางหลิงรุ่ยยกยิ้มขึ้น ก่อนจะเอ่ย : "พวกเราทั้งคู่มีความคิดต่อเธอเหมือนกันเลย"

พวกเธอทั้งสองมองหน้ากันและหัวเราะขึ้นมา รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันเริ่มที่จะแน่นแฟ้นมากขึ้น

หลังจากเดินดูเสื้อผ้าไปได้สักพัก เชลลีย์ก็ได้ทำการสั่งซื้อมาสองสามชุดตามคำแนะนำของหยางหลิงรุ่ย

“คุณหยางคะ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้ออกแบบผลงานมานานแล้วนะคะ”

"ใช่" หยางหลิงรุ่ยตอบกลับ ตั้งแต่ฮั่วเทียนหลันปรากฏตัวขึ้นมา ชีวิตของหยางหลิงรุ่ยก็ยุ่งเหยิงไปหมด

เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติต่าง ๆ หลังจากกลับมาที่ประเทศจีนครอบครัวของเธอเสนอให้เข้าทำงานที่บริษัท Fahrenheit Entertainment แต่เธอเลือกเข้ามาทำงานที่บริษัทของครอบครัวตัวเองแทน

เพราะเธอรู้สึกว่าแค่ทำตัวให้ยุ่ง ความคิดที่ยุ่งเหยิงมากมายในหัวใจก็จะถูกลืมไปในที่สุด

"ฉันจำได้ว่าคุณเคยซื้อผลงานของฉันสองชิ้น ชิ้นที่ชอบมากที่สุด กลับเป็นอีกชิ้นหนึ่ง ตอนนั้นฉันไม่คิดเลยว่าจะประสบความสำเร็จในการแข่งขันถึงเพียงนั้น และเสื้อผ้าชิ้นนั้นก็ถูกคุณซื้อไปในเวลาต่อมา และคุณสวมใส่มันไปร่วมงานระดับนานาชาติต่าง ๆ อีกด้วย รู้ไหมตอนที่ฉันเห็นคุณสวมชุดที่ฉันออกแบบเดินบนพรมแดงเมื่อปีที่แล้ว ฉันรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากเลยล่ะ ขอบคุณที่ไม่ปล่อยมันทิ้งไว้ในตู้ให้ฝุ่นเกาะ ขอบคุณที่ให้โอกาสมันได้เฉิดฉายนะคะ”

คำพูดของหยางหลิงรุ่ยจริงใจมาก และถูกกลั่นกรองมาจากความรู้สึกภายในใจของเธอจริง ๆ

นั่นทำให้เชลลีย์รู้สึกซาบซึ้งใจไม่ต่างกัน เธอเอ่ย : "คุณหยางคะ ฉันต่างหากล่ะที่ควรพูดประโยคนี้กับคุณ เป็นเพราะชุดของคุณ ถึงทำให้ฉันดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นในการปรากฏตัวขึ้นมาบนทีวี! "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง