โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 392

เมื่อก่อนเชลลีย์เห็นเพียงรูปถ่ายของหยางหลิงรุ่ยเท่านั้น และแสงไฟในตอนนั้นค่อนข้างสลัว ดังนั้นเธอจึงไม่คิดว่าหยางหลิงรุ่ยจะโดดเด่นอะไร

แต่ตอนนี้ หลังจากยืนอยู่ด้วยกันจริง ๆ เธอถึงได้รู้ว่าผู้หญิงที่สวยงามและสง่าอย่างแท้จริงมักไม่ต้องทำอะไรเลย ก็สามารถเป็นที่จดจำของฝูงชนทันทีที่พวกเขาได้พบเห็น

และหยางหลิงรุ่ยที่มีทั้งความอ่อนโยนและความสง่างาม อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีท่าทีที่เต็มไปด้วยความสุขุมนุ่มลึก มันยิ่งสอดคล้องกับงานออกแบบของเธออย่างสมบูรณ์

เพราะมีเพียงนักออกแบบที่มีจิตวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถสร้างผลงานที่ดีที่สุดได้

ในตอนนั้นที่เชลลีย์สวมใส่ชุดของเธอ ถือได้ว่าดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก

ในตอนท้ายของงานมักจะมีคนถามเธอผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อต้องการทราบว่าชุดที่เธอใส่นั้นซื้อมาจากที่ไหน

และเชลลีย์ก็จะบอกชื่อของหยางหลิงรุ่ยไป เพราะถึงอย่างไรตัวตนของหยางหลิงรุ่ยก็ ถูกเก็บเป็นความลับอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้แน่นอน

ในขณะเดียวกัน หยางหลิงรุ่ยก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้กลายเป็นบุคคลลึกลับที่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงแฟชั่นไปแล้ว

ในตอนที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีบริกรเดินเข้ามาขัดจังหวะของพวกเธอ

บริกรเป็นพนักงานของตระกูลหยาง หลังจากเห็นหยางหลิงรุ่ย เขาก็เอ่ยเรียกผู้อำนวยการหยางก่อน จากนั้นจึงพูดกับเชลลีย์ว่า : "คุณเชลลีย์ครับ งานกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่คุณต้องขึ้นไปปิดงานบนเวทีแล้ว ขอความกรุณาคุณไปที่หลังเวทีเพื่อเปลี่ยนชุดรอ อีกสักพักจะต้องขึ้นไปบนเวทีแล้วครับ"

นี่เป็นสิ่งที่พูดตกลงกันก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเชลลีย์จึงไม่ได้แปลกใจอะไร

แต่เธอได้เชิญหยางหลิงรุ่ยให้ไปด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ในยุคหลัง เพราะสำหรับหยางหลิงรุ่ยแล้วถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้และการเติบโตไปอีกขั้น

หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้ามาด้านหลังเวที ทีมงานหลายคนต่างก็กำลังวุ่นวายกับการประสานงานต่าง ๆ เมื่อเห็นเชลลีย์ปรากฏตัวขึ้น ช่างแต่งหน้าก็รีบมาดึงตัวเธอไปเพื่อเตรียมตัวทันที

เธอส่งสายตาให้หยางหลิงรุ่ยราวกับบอกให้อีกฝ่ายรอเธอครู่นึง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว

หยางหลิงรุ่ยไม่ได้เดินไปมั่ว เธอเพียงแค่กวาดสายตามองดูแวบนึง จากนั้นก็หาที่นั่งเพื่อนั่งรอ

เมื่อตอนบ่ายเธอเดินเป็นเวลานาน ทำให้รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอจึงได้อาศัยช่วงเวลานี้นั่งพักผ่อนเอาแรงเสียหน่อย

แต่ทันใดนั้น เธอก็มองเห็นเงาของใครสักคนปรากฏตัวขึ้นมาแวบนึงตรงทางเดินที่ถูกสร้างขึ้นมาชั่วคราวที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

แม้ว่าจะเป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกคุ้นตามาก ๆ

บุคคลดังกล่าวสวมชุดสีแดงตัวใหญ่ สีสันสวยงาม และในตอนที่เธอมองเห็นนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายมีท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ

และวันนี้หยางหลิงรุ่ยก็เห็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้

แต่ทีมงานแทบจะไม่ได้สังเกตเห็น เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

เพราะบางทีอาจจะเป็นเธอที่มองผิดเอง จึงไม่อยากทำให้ตกอกตกใจกันไปหมด

เมื่อสักครู่เชลลีย์บอกกับหยางหลิงรุ่ยว่าฉากปิดงานของวันนี้ เป็นการยกย่องความคลาสสิกแบบเก่า นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่องไททานิค

และคนที่แสดงร่วมกับเชลลีย์ ก็คือไมเคิลดาราภาพยนตร์ต่างประเทศที่เพิ่งได้รับความนิยมมาเมื่อไม่นานมานี้

ไททานิคนับเป็นหนังที่คลาสสิกและมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ภายในเรื่องมีฉากมากมายที่ยากจะข้ามอ่านได้

เชลลีย์ให้ความสำคัญกับเวทีแสดงแห่งนี้มาก

และชุดที่เธอสวมใส่ก็คือชุดที่หยางหลิงรุ่ยรู้สึกชอบมากที่สุดชุดนั้น

ชุดนี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดของงานออกแบบเครื่องแต่งกายของเธอเมื่อครึ่งปีก่อน

ที่ตัวเธอคิดว่าเป็นเช่นนั้นน่ะนะ

ในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ ทันใดนั้นหัวหน้าผู้กำกับก็เดินเข้ามา เมื่อหยางหลิงรุ่ยที่เป็นคนนอก คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย : "เธอคือ?"

ในฐานะผู้กำกับฉากจบวันนี้ และผู้กำกับคนนี้ก็ยังเป็นคนดังในวงการอีกด้วย

ดังนั้นเขาจึงดูมีความเย่อหยิ่งเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหยางหลิงรุ่ยยังดูวัยรุ่ยอยู่ เขายิ่งไม่ได้สนใจอะไร

"ฉันเป็นเพื่อนของคุณเชลลีย์" หยางหลิงรุ่ยไม่สนใจของท่าทีของอีกฝ่าย เธอตอบกลับไปอย่างนุ่มนวล

"โอ้" ผู้กำกับเหลือบมองดูใบหน้าเนียนละเอียดและงดงามของหยางหลิงรุ่ย ผู้หญิงคนนี้หน้าตาใช้ได้เลย ราวกับ...

เขาเป็นผู้กำกับที่ซื่อสัตย์ ในวงการบังเทิงผู้กำกับซื่อสัตย์อนั้นมีไม่กี่คนหรอก

ถ้าคุณอยากที่จะอยู่ในวงการนี้ไปได้นาน ๆ ก็ต้องรู้จักเอาอย่างผู้อาวุโสรุ่นก่อน ๆ เรียนรู้วิธีการทุจริต จากนั้นก็เข้าร่วมสังคมสกปรกเพื่อเอาตัวรอด

ผู้กำกับท่านนี้ ใช้เวลาเนิ่นนานและลำบากมากกว่าจะสามารถปรับตัวเองให้เหมาะสมและสามารถแยกแยะถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในตอนแรกได้ และในตอนนี้เขาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แล้ว

หลังจากมองเห็นหยางหลิงรุ่ย เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย อยากที่จะแสดงอำนาจต่อหน้าเธอ

“เธอรู้หรือเปล่าว่าคนนอกห้ามเข้ามาหลังเวที” ผู้กำกับเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

หยางหลิงรุ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ผู้กำกับด้วยความประหลาดใจ

ที่หน้าอกของผู้กับกำคนนี้มีป้ายชื่อติดเอาไว้ โทมัส ซัวรุ่ย

หลังจากหยางหลิงรุ่ยเข้ามาทำงานที่ Yang's Entertainment เธอก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ ดังนั้นจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับซัวรุ่ยคนนี้บ้างเล็กน้อย

เมื่อตอนเขาเป็นหนุ่มนั้นเขามีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก เขาได้ถ่ายทำผลงานมากมายที่ค่อนข้างเป็นที่พึ่งพอใจของผู้บริโภคในตลาดสื่อ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็กลายเป็นเช่นเดียวกันกับผู้กำกับส่วนใหญ่

แต่ถึงกระนั้น ชื่อเสียงจากผลงานก่อนหน้านี้ของเขาก็เพียงพอให้เขามีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตแล้ว

“ขอโทษนะคะที่ฉันเข้ามาอย่างพรวดพราด ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปบอกคุณเชลลีย์สักหน่อย แล้วจะออกไป”

ขณะที่พูด หยางหลิงรุ่ยก็ลุกขึ้นยืน

แต่ก่อนที่เธอจะได้ขยับไปไหน ซัวรุ่ยก็ยึดไหล่ของเธอเอาไว้ก่อน จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงใจดี : "ไม่ต้องหรอก ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของเชลลีย์ฉันก็จะเชื่อใจเธอ เธอนามสกุลอะไร"

"หยางค่ะ" หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนซัวรุ่ยจับไหล่ของเธอ แม้ว่าจะดูเป็นกระทำของที่ดูล่วงเกิน

แต่เนื่องจากเธอไม่มีหลักฐานที่ยืนยันได้ หยางหลิงรุ่ยจึงไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง ดังนั้นเธอจึงปล่อยเลยตามเลย

"โอ้ คุณหยางนี่เอง!"

เมื่อสักครู่ซัวรุ่ยอาศัยช่วงที่หยางหลิงรุ่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองไปที่ตำแหน่งตรงหน้าอกของเธออย่างจงใจ

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ติดป้ายชื่อตรงหน้าอก ก็คิดว่าเธอคงไม่ใช่คนสำคัญอะไร ดังนั้นความคิดอื่น ๆ ในใจของเขาก็แน่วแน่มากขึ้น

แน่นอนว่าหยางหลิงรุ่ยสังเกตเห็นสายตาของซัวรุ่ย เมื่อสักครู่เนื่องจากตอนนั่งลงนั้นเสื้อผ้าของเธอมีความแน่นคับไปเล็กน้อย และตัวหนีบตรงหน้าอกทำให้รู้สึกไม่สบาย ดังนั้นเธอจึงถอดมันออกมา

"ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณหยางทำงานอะไรอยู่ครับ" ซั่วรุ่ยโบกมือเป็นเชิงบอกให้ทีมงานนำเก้าอี้มาให้ จากนั้นนั่งลงตรงด้านข้างหยางหลิงรุ่ย

ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้กันมาก ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกอึดอัด เธอจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกแผ่วเบา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายของตัวเองสัมผัสกับผู้ชายคนนี้

"พนักงานคนหนึ่ง" หยางหลิงรุ่ยยังคงพูดตอบอย่างเรียบง่ายและกระชับ

“พนักงานออฟฟิศธรรมดาเหรอครับ”

"อืม"

ซัวรุ่ยคิดว่าตัวเองได้พูดชักนำ ทำให้หยางหลิงรุ่ยพูดความจริงของตัวเองออกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย

พนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ ที่หาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ดูเหมือนจะเรียบง่ายไม่น้อย

เพียงแค่เขาใช้สมองเล็กน้อย ก็ไม่มีใครที่จะปฏิเสธการสนับสนุนจากผู้กำกับคนดังอย่างเขาอย่างแน่นอน

พอถึงตอนนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็จะกลายเป็นคนในความดูแลของเขาแล้ว

ส่วนเรื่องเธอแต่งหรือยังไม่แต่งงาน ผิดหรือไม่ผิดศีลธรรมนั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรกับซั่วรุ่ย

หากจิตใจที่รู้บาปบุญคุณโทษสามารถนำมาแลกข้าวกินได้ ผลงานล้ำสมัยสองสามชิ้นที่เขาถ่ายในปีนั้น คงไม่ได้กลับมาเพียงชื่อเสียงแต่ไม่มีผลตอบแทนใด ๆ กลับมาเช่นนี้หรอก

"คุณหยางสนใจวงการบันเทิงหรือเปล่าครับ บุคลิกและรูปร่างหน้าตาของคุณเหมาะที่จะเป็นนางเอกมากเลยล่ะ" ซัวรุ่ยเข้าใจจิตใจของผู้คนดี เพียงแค่เอ่ยถึงเรื่องนี้เล็กน้อย และปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความปรารถนาในใจของหยางหลิงรุ่ยก่อน

หยางหลิงรุ่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเหมาะกับการแสดงอย่างนั้นหรือ

Yang’s Entertainment มีผู้กำกับชั้นนำมากมาย แม้ว่าซัวรุ่ยจะถือได้ว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมมากเช่นกัน แต่ถ้าเทียบกับผู้กำกับอาวุโสของ Yang’s Entertainment แล้วเขายังอยู่ห่างอีกเยอะ

ผู้กำกับมากมาย อีกทั้งยังมีแมวมองไม่น้อย ต่างก็ไม่มีใครเคยบอกหยางหลิงรุ่ยว่าเธอเหมาะกับการแสดงเลยสักครั้ง

ดังนั้นสิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าซัวรุ่ยกำลังมีแผนอย่างอื่นในใจ เขากำลังพูดชักจูงให้เธอติดกับ

หยางหลิงรุ่ยเบ้ปากเล็กน้อย การกระทำนั้นแม้ว่าไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ซัวรุ่ยกลับมองเห็นมันอย่างไม่คาดคิด

เขาขมวดคิ้วทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณหยาง นี่คุณไม่เชื่อที่ผมพูดอย่างงั้นหรือ”

"เปล่า ไม่ใช่... " เรื่องที่ซัวรุ่ยเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่คนอื่นไม่เห็นด้วยนั้น ทำให้หยางหลิงรุ่ยมองเขาในแง่ลบไปแล้วเรียบร้อย

"แล้วคุณคิดยังไงกับข้อเสนอแนะของผม เคยคิดที่จะทำงานในแวดวงหรือเปล่า ผมสามารถทำให้คุณกลายเป็นดาราที่ดังที่สุดและได้รับทั้งชื่อเสียงและเงินทอง!"

ซัวรุ่ยราวกับเป็นปีศาจร้ายจอมล่อลวง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยุยง

เขาเชื่อในฝีปากของตัวเอง เพราะเมื่อก่อนเขาก็อาศัยปากนี้หลอกล่อเด็กผู้หญิงมาแล้วหลายสิบคน

สิ่งที่ทำให้เขาภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือ ในนั้นมีนักแสดงหญิงแถวหน้าคนหนึ่งที่ถูกเขาหลอกลวงมาได้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงกระทำกับนักแสดงหญิงคนนั้นเป็นเวลาสามวันสามคืน จนนักแสดงหญิงคนนั้นกลับไปอย่างไม่สามารถหุบขาได้ เธอถึงกับต้องเลื่อนการถ่ายทำละครและหยุดงานไปหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะปรากฏตัวบนทีวีอีกครั้ง

และแน่นอนว่าซัวรุ่ยไม่ได้นอนกับเธอฟรี ๆ แต่เขายังทำให้นักแสดงหญิงคนนั้นได้แสดงเป็นนางเอกในละครเรื่องที่บริษัทคิดว่าดีที่สุดในตอนนั้นด้วย

เพราะเวลาและจังหวะเหมาะสม นักแสดงหญิงคนนั้นก็กลายเป็นที่นิยมในที่สุด

จากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็เริ่มมั่นคงขึ้น

เพื่อรักษาตำแหน่ง นักแสดงหญิงคนนั้นจึงหลับหูหลับตาเชื่อซัวรุ่ยไปหมด แม้ว่าจะแต่งงานแล้วเมื่อปีที่แล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังคงนัดเจอกันอยู่บ่อย ๆ

และแม้ว่าซัวรุ่ยจะเริ่มเบื่อบ้างเล็กน้อยแล้ว แต่เมื่อคิดว่าเธอกลายเป็นนักแสดงแถวหน้าสุด ๆ แล้วในตอนนี้ ก็มักจะทำให้ร่างกายที่ด้านชาของเขากลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง

"เรื่องนี้……"

หยางหลิงรุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาหื่นกามของซัวรุ่ยที่กวาดไปทั่วร่างกายของเธอ

โดยเฉพาะพอถึงจุดสำคัญ เขามักจะมองเน้นอยู่ตรงนั้นเสมอ

ถ้าหากบอกว่าซัวรุ่ยไม่มีความคิดที่ไม่ดีกับเธอ หยางหลิงรุ่ยก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน

"ผู้กำกับซัวคะ ฉันมีเนื้อเรื่องบางฉากที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ช่วยอธิบายให้ฉันฟังที!"

ประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออกกระทันหัน เชลลีย์ที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมาและตะโกนพูดกับซัวรุ่นทันที

ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซัวรุ่ย แต่ถึงกระนั้นงานก็ต้องมาก่อนเสมอ เขาลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวพร้อมกับเชลลีย์

ในตอนนั้นเอง หยางหลิงรุ่ยหันกลับไปมองเชลลีย์และเห็นเชลลีย์กำลังขยิบตาให้เธอ

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันที ที่เชลลีย์ออกมาจากห้องแต่งตัวนั้นไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจบทแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายรู้ว่าซัวรุ่ยกำลังพูดต้อนเธออยู่ จึงออกมาเพื่อช่วยให้เธอมีทางออก

หยางหลิงรุ่ยส่งยิ้มขอบคุณให้เชลลีย์และรีบเดินออกไปทันที

ผ่านระเบียงทางเดินไป ก็เป็นดาดฟ้าของโรงแรม

หยางหลิงรุ่ยที่เพิ่งเดินออกมาจากระเบียงทางเดิน ทันใดนั้นแสงสีทองพร่างพราวก็ทำให้ดวงตาของเธอลืมไม่ขึ้นฉับพลัน ใช้เวลาสักพักถึงสามารถปรับสายตาให้ชินได้

ช่วงเวลานี้ของท้องฟ้า เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์กำลังลาดลงไปทางทิศตะวันตกพอดี แสงแดดยังคงรุนแรงและร้อน แต่ท้องฟ้ากลับมีแสงสีส้มทองประปรายอยู่

ดูเหมือนกำลังป่าวประกาศว่าความมืดกำลังจะคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ

ยังมีเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่างานจะจบลงอย่างเป็นทางการ หยางหลิงรุ่ยจึงทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้ผ้าใบที่ดาดฟ้า

หลังจากอยู่ในห้องปรับอากาศเป็นเวลานาน พอมาอยู่ในที่ที่เป็นอากาศธรรมชาติเช่นนี้ ไม่นานก็ทำให้หยางหลิงรุ่ยเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา

แต่ถึงกระนั้นเธอกลับมีความรู้สึกสบายตัว ไม่เหมือนกับความรู้สึกเย็นเยือกที่ได้รับจากเครื่องปรับอากาศ

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและไถ่ Weibo ดูเล็กน้อย

เดิมทีคิดว่ารอให้งานจบก่อนเธอถึงจะกลับไป แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่ดูเร่งรีบดังขึ้นมาจากทางระเบียง

“ตรงนี้มีคนอยู่ไหม”

"มีคนหนึ่ง นอนอยู่บนเก้าอี้ ไปดูซิว่าใช่เธอหรือเปล่า!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง