เมื่อก่อนเชลลีย์เห็นเพียงรูปถ่ายของหยางหลิงรุ่ยเท่านั้น และแสงไฟในตอนนั้นค่อนข้างสลัว ดังนั้นเธอจึงไม่คิดว่าหยางหลิงรุ่ยจะโดดเด่นอะไร
แต่ตอนนี้ หลังจากยืนอยู่ด้วยกันจริง ๆ เธอถึงได้รู้ว่าผู้หญิงที่สวยงามและสง่าอย่างแท้จริงมักไม่ต้องทำอะไรเลย ก็สามารถเป็นที่จดจำของฝูงชนทันทีที่พวกเขาได้พบเห็น
และหยางหลิงรุ่ยที่มีทั้งความอ่อนโยนและความสง่างาม อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีท่าทีที่เต็มไปด้วยความสุขุมนุ่มลึก มันยิ่งสอดคล้องกับงานออกแบบของเธออย่างสมบูรณ์
เพราะมีเพียงนักออกแบบที่มีจิตวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถสร้างผลงานที่ดีที่สุดได้
ในตอนนั้นที่เชลลีย์สวมใส่ชุดของเธอ ถือได้ว่าดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก
ในตอนท้ายของงานมักจะมีคนถามเธอผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อต้องการทราบว่าชุดที่เธอใส่นั้นซื้อมาจากที่ไหน
และเชลลีย์ก็จะบอกชื่อของหยางหลิงรุ่ยไป เพราะถึงอย่างไรตัวตนของหยางหลิงรุ่ยก็ ถูกเก็บเป็นความลับอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้แน่นอน
ในขณะเดียวกัน หยางหลิงรุ่ยก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้กลายเป็นบุคคลลึกลับที่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงแฟชั่นไปแล้ว
ในตอนที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีบริกรเดินเข้ามาขัดจังหวะของพวกเธอ
บริกรเป็นพนักงานของตระกูลหยาง หลังจากเห็นหยางหลิงรุ่ย เขาก็เอ่ยเรียกผู้อำนวยการหยางก่อน จากนั้นจึงพูดกับเชลลีย์ว่า : "คุณเชลลีย์ครับ งานกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่คุณต้องขึ้นไปปิดงานบนเวทีแล้ว ขอความกรุณาคุณไปที่หลังเวทีเพื่อเปลี่ยนชุดรอ อีกสักพักจะต้องขึ้นไปบนเวทีแล้วครับ"
นี่เป็นสิ่งที่พูดตกลงกันก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเชลลีย์จึงไม่ได้แปลกใจอะไร
แต่เธอได้เชิญหยางหลิงรุ่ยให้ไปด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ในยุคหลัง เพราะสำหรับหยางหลิงรุ่ยแล้วถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้และการเติบโตไปอีกขั้น
หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้ามาด้านหลังเวที ทีมงานหลายคนต่างก็กำลังวุ่นวายกับการประสานงานต่าง ๆ เมื่อเห็นเชลลีย์ปรากฏตัวขึ้น ช่างแต่งหน้าก็รีบมาดึงตัวเธอไปเพื่อเตรียมตัวทันที
เธอส่งสายตาให้หยางหลิงรุ่ยราวกับบอกให้อีกฝ่ายรอเธอครู่นึง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว
หยางหลิงรุ่ยไม่ได้เดินไปมั่ว เธอเพียงแค่กวาดสายตามองดูแวบนึง จากนั้นก็หาที่นั่งเพื่อนั่งรอ
เมื่อตอนบ่ายเธอเดินเป็นเวลานาน ทำให้รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอจึงได้อาศัยช่วงเวลานี้นั่งพักผ่อนเอาแรงเสียหน่อย
แต่ทันใดนั้น เธอก็มองเห็นเงาของใครสักคนปรากฏตัวขึ้นมาแวบนึงตรงทางเดินที่ถูกสร้างขึ้นมาชั่วคราวที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่หยางหลิงรุ่ยก็รู้สึกคุ้นตามาก ๆ
บุคคลดังกล่าวสวมชุดสีแดงตัวใหญ่ สีสันสวยงาม และในตอนที่เธอมองเห็นนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายมีท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
และวันนี้หยางหลิงรุ่ยก็เห็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้
แต่ทีมงานแทบจะไม่ได้สังเกตเห็น เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
เพราะบางทีอาจจะเป็นเธอที่มองผิดเอง จึงไม่อยากทำให้ตกอกตกใจกันไปหมด
เมื่อสักครู่เชลลีย์บอกกับหยางหลิงรุ่ยว่าฉากปิดงานของวันนี้ เป็นการยกย่องความคลาสสิกแบบเก่า นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่องไททานิค
และคนที่แสดงร่วมกับเชลลีย์ ก็คือไมเคิลดาราภาพยนตร์ต่างประเทศที่เพิ่งได้รับความนิยมมาเมื่อไม่นานมานี้
ไททานิคนับเป็นหนังที่คลาสสิกและมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ภายในเรื่องมีฉากมากมายที่ยากจะข้ามอ่านได้
เชลลีย์ให้ความสำคัญกับเวทีแสดงแห่งนี้มาก
และชุดที่เธอสวมใส่ก็คือชุดที่หยางหลิงรุ่ยรู้สึกชอบมากที่สุดชุดนั้น
ชุดนี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดของงานออกแบบเครื่องแต่งกายของเธอเมื่อครึ่งปีก่อน
ที่ตัวเธอคิดว่าเป็นเช่นนั้นน่ะนะ
ในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ ทันใดนั้นหัวหน้าผู้กำกับก็เดินเข้ามา เมื่อหยางหลิงรุ่ยที่เป็นคนนอก คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย : "เธอคือ?"
ในฐานะผู้กำกับฉากจบวันนี้ และผู้กำกับคนนี้ก็ยังเป็นคนดังในวงการอีกด้วย
ดังนั้นเขาจึงดูมีความเย่อหยิ่งเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหยางหลิงรุ่ยยังดูวัยรุ่ยอยู่ เขายิ่งไม่ได้สนใจอะไร
"ฉันเป็นเพื่อนของคุณเชลลีย์" หยางหลิงรุ่ยไม่สนใจของท่าทีของอีกฝ่าย เธอตอบกลับไปอย่างนุ่มนวล
"โอ้" ผู้กำกับเหลือบมองดูใบหน้าเนียนละเอียดและงดงามของหยางหลิงรุ่ย ผู้หญิงคนนี้หน้าตาใช้ได้เลย ราวกับ...
เขาเป็นผู้กำกับที่ซื่อสัตย์ ในวงการบังเทิงผู้กำกับซื่อสัตย์อนั้นมีไม่กี่คนหรอก
ถ้าคุณอยากที่จะอยู่ในวงการนี้ไปได้นาน ๆ ก็ต้องรู้จักเอาอย่างผู้อาวุโสรุ่นก่อน ๆ เรียนรู้วิธีการทุจริต จากนั้นก็เข้าร่วมสังคมสกปรกเพื่อเอาตัวรอด
ผู้กำกับท่านนี้ ใช้เวลาเนิ่นนานและลำบากมากกว่าจะสามารถปรับตัวเองให้เหมาะสมและสามารถแยกแยะถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในตอนแรกได้ และในตอนนี้เขาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แล้ว
หลังจากมองเห็นหยางหลิงรุ่ย เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย อยากที่จะแสดงอำนาจต่อหน้าเธอ
“เธอรู้หรือเปล่าว่าคนนอกห้ามเข้ามาหลังเวที” ผู้กำกับเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
หยางหลิงรุ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ผู้กำกับด้วยความประหลาดใจ
ที่หน้าอกของผู้กับกำคนนี้มีป้ายชื่อติดเอาไว้ โทมัส ซัวรุ่ย
หลังจากหยางหลิงรุ่ยเข้ามาทำงานที่ Yang's Entertainment เธอก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ ดังนั้นจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับซัวรุ่ยคนนี้บ้างเล็กน้อย
เมื่อตอนเขาเป็นหนุ่มนั้นเขามีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก เขาได้ถ่ายทำผลงานมากมายที่ค่อนข้างเป็นที่พึ่งพอใจของผู้บริโภคในตลาดสื่อ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็กลายเป็นเช่นเดียวกันกับผู้กำกับส่วนใหญ่
แต่ถึงกระนั้น ชื่อเสียงจากผลงานก่อนหน้านี้ของเขาก็เพียงพอให้เขามีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตแล้ว
“ขอโทษนะคะที่ฉันเข้ามาอย่างพรวดพราด ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปบอกคุณเชลลีย์สักหน่อย แล้วจะออกไป”
ขณะที่พูด หยางหลิงรุ่ยก็ลุกขึ้นยืน
แต่ก่อนที่เธอจะได้ขยับไปไหน ซัวรุ่ยก็ยึดไหล่ของเธอเอาไว้ก่อน จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงใจดี : "ไม่ต้องหรอก ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของเชลลีย์ฉันก็จะเชื่อใจเธอ เธอนามสกุลอะไร"
"หยางค่ะ" หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนซัวรุ่ยจับไหล่ของเธอ แม้ว่าจะดูเป็นกระทำของที่ดูล่วงเกิน
แต่เนื่องจากเธอไม่มีหลักฐานที่ยืนยันได้ หยางหลิงรุ่ยจึงไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง ดังนั้นเธอจึงปล่อยเลยตามเลย
"โอ้ คุณหยางนี่เอง!"
เมื่อสักครู่ซัวรุ่ยอาศัยช่วงที่หยางหลิงรุ่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองไปที่ตำแหน่งตรงหน้าอกของเธออย่างจงใจ
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ติดป้ายชื่อตรงหน้าอก ก็คิดว่าเธอคงไม่ใช่คนสำคัญอะไร ดังนั้นความคิดอื่น ๆ ในใจของเขาก็แน่วแน่มากขึ้น
แน่นอนว่าหยางหลิงรุ่ยสังเกตเห็นสายตาของซัวรุ่ย เมื่อสักครู่เนื่องจากตอนนั่งลงนั้นเสื้อผ้าของเธอมีความแน่นคับไปเล็กน้อย และตัวหนีบตรงหน้าอกทำให้รู้สึกไม่สบาย ดังนั้นเธอจึงถอดมันออกมา
"ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณหยางทำงานอะไรอยู่ครับ" ซั่วรุ่ยโบกมือเป็นเชิงบอกให้ทีมงานนำเก้าอี้มาให้ จากนั้นนั่งลงตรงด้านข้างหยางหลิงรุ่ย
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้กันมาก ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกอึดอัด เธอจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกแผ่วเบา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายของตัวเองสัมผัสกับผู้ชายคนนี้
"พนักงานคนหนึ่ง" หยางหลิงรุ่ยยังคงพูดตอบอย่างเรียบง่ายและกระชับ
“พนักงานออฟฟิศธรรมดาเหรอครับ”
"อืม"
ซัวรุ่ยคิดว่าตัวเองได้พูดชักนำ ทำให้หยางหลิงรุ่ยพูดความจริงของตัวเองออกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย
พนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ ที่หาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ดูเหมือนจะเรียบง่ายไม่น้อย
เพียงแค่เขาใช้สมองเล็กน้อย ก็ไม่มีใครที่จะปฏิเสธการสนับสนุนจากผู้กำกับคนดังอย่างเขาอย่างแน่นอน
พอถึงตอนนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็จะกลายเป็นคนในความดูแลของเขาแล้ว
ส่วนเรื่องเธอแต่งหรือยังไม่แต่งงาน ผิดหรือไม่ผิดศีลธรรมนั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรกับซั่วรุ่ย
หากจิตใจที่รู้บาปบุญคุณโทษสามารถนำมาแลกข้าวกินได้ ผลงานล้ำสมัยสองสามชิ้นที่เขาถ่ายในปีนั้น คงไม่ได้กลับมาเพียงชื่อเสียงแต่ไม่มีผลตอบแทนใด ๆ กลับมาเช่นนี้หรอก
"คุณหยางสนใจวงการบันเทิงหรือเปล่าครับ บุคลิกและรูปร่างหน้าตาของคุณเหมาะที่จะเป็นนางเอกมากเลยล่ะ" ซัวรุ่ยเข้าใจจิตใจของผู้คนดี เพียงแค่เอ่ยถึงเรื่องนี้เล็กน้อย และปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความปรารถนาในใจของหยางหลิงรุ่ยก่อน
หยางหลิงรุ่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเหมาะกับการแสดงอย่างนั้นหรือ
Yang’s Entertainment มีผู้กำกับชั้นนำมากมาย แม้ว่าซัวรุ่ยจะถือได้ว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมมากเช่นกัน แต่ถ้าเทียบกับผู้กำกับอาวุโสของ Yang’s Entertainment แล้วเขายังอยู่ห่างอีกเยอะ
ผู้กำกับมากมาย อีกทั้งยังมีแมวมองไม่น้อย ต่างก็ไม่มีใครเคยบอกหยางหลิงรุ่ยว่าเธอเหมาะกับการแสดงเลยสักครั้ง
ดังนั้นสิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าซัวรุ่ยกำลังมีแผนอย่างอื่นในใจ เขากำลังพูดชักจูงให้เธอติดกับ
หยางหลิงรุ่ยเบ้ปากเล็กน้อย การกระทำนั้นแม้ว่าไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ซัวรุ่ยกลับมองเห็นมันอย่างไม่คาดคิด
เขาขมวดคิ้วทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณหยาง นี่คุณไม่เชื่อที่ผมพูดอย่างงั้นหรือ”
"เปล่า ไม่ใช่... " เรื่องที่ซัวรุ่ยเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่คนอื่นไม่เห็นด้วยนั้น ทำให้หยางหลิงรุ่ยมองเขาในแง่ลบไปแล้วเรียบร้อย
"แล้วคุณคิดยังไงกับข้อเสนอแนะของผม เคยคิดที่จะทำงานในแวดวงหรือเปล่า ผมสามารถทำให้คุณกลายเป็นดาราที่ดังที่สุดและได้รับทั้งชื่อเสียงและเงินทอง!"
ซัวรุ่ยราวกับเป็นปีศาจร้ายจอมล่อลวง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยุยง
เขาเชื่อในฝีปากของตัวเอง เพราะเมื่อก่อนเขาก็อาศัยปากนี้หลอกล่อเด็กผู้หญิงมาแล้วหลายสิบคน
สิ่งที่ทำให้เขาภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือ ในนั้นมีนักแสดงหญิงแถวหน้าคนหนึ่งที่ถูกเขาหลอกลวงมาได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงกระทำกับนักแสดงหญิงคนนั้นเป็นเวลาสามวันสามคืน จนนักแสดงหญิงคนนั้นกลับไปอย่างไม่สามารถหุบขาได้ เธอถึงกับต้องเลื่อนการถ่ายทำละครและหยุดงานไปหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะปรากฏตัวบนทีวีอีกครั้ง
และแน่นอนว่าซัวรุ่ยไม่ได้นอนกับเธอฟรี ๆ แต่เขายังทำให้นักแสดงหญิงคนนั้นได้แสดงเป็นนางเอกในละครเรื่องที่บริษัทคิดว่าดีที่สุดในตอนนั้นด้วย
เพราะเวลาและจังหวะเหมาะสม นักแสดงหญิงคนนั้นก็กลายเป็นที่นิยมในที่สุด
จากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็เริ่มมั่นคงขึ้น
เพื่อรักษาตำแหน่ง นักแสดงหญิงคนนั้นจึงหลับหูหลับตาเชื่อซัวรุ่ยไปหมด แม้ว่าจะแต่งงานแล้วเมื่อปีที่แล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังคงนัดเจอกันอยู่บ่อย ๆ
และแม้ว่าซัวรุ่ยจะเริ่มเบื่อบ้างเล็กน้อยแล้ว แต่เมื่อคิดว่าเธอกลายเป็นนักแสดงแถวหน้าสุด ๆ แล้วในตอนนี้ ก็มักจะทำให้ร่างกายที่ด้านชาของเขากลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง
"เรื่องนี้……"
หยางหลิงรุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาหื่นกามของซัวรุ่ยที่กวาดไปทั่วร่างกายของเธอ
โดยเฉพาะพอถึงจุดสำคัญ เขามักจะมองเน้นอยู่ตรงนั้นเสมอ
ถ้าหากบอกว่าซัวรุ่ยไม่มีความคิดที่ไม่ดีกับเธอ หยางหลิงรุ่ยก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน
"ผู้กำกับซัวคะ ฉันมีเนื้อเรื่องบางฉากที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ช่วยอธิบายให้ฉันฟังที!"
ประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออกกระทันหัน เชลลีย์ที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมาและตะโกนพูดกับซัวรุ่นทันที
ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซัวรุ่ย แต่ถึงกระนั้นงานก็ต้องมาก่อนเสมอ เขาลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวพร้อมกับเชลลีย์
ในตอนนั้นเอง หยางหลิงรุ่ยหันกลับไปมองเชลลีย์และเห็นเชลลีย์กำลังขยิบตาให้เธอ
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันที ที่เชลลีย์ออกมาจากห้องแต่งตัวนั้นไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจบทแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายรู้ว่าซัวรุ่ยกำลังพูดต้อนเธออยู่ จึงออกมาเพื่อช่วยให้เธอมีทางออก
หยางหลิงรุ่ยส่งยิ้มขอบคุณให้เชลลีย์และรีบเดินออกไปทันที
ผ่านระเบียงทางเดินไป ก็เป็นดาดฟ้าของโรงแรม
หยางหลิงรุ่ยที่เพิ่งเดินออกมาจากระเบียงทางเดิน ทันใดนั้นแสงสีทองพร่างพราวก็ทำให้ดวงตาของเธอลืมไม่ขึ้นฉับพลัน ใช้เวลาสักพักถึงสามารถปรับสายตาให้ชินได้
ช่วงเวลานี้ของท้องฟ้า เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์กำลังลาดลงไปทางทิศตะวันตกพอดี แสงแดดยังคงรุนแรงและร้อน แต่ท้องฟ้ากลับมีแสงสีส้มทองประปรายอยู่
ดูเหมือนกำลังป่าวประกาศว่าความมืดกำลังจะคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ
ยังมีเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่างานจะจบลงอย่างเป็นทางการ หยางหลิงรุ่ยจึงทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้ผ้าใบที่ดาดฟ้า
หลังจากอยู่ในห้องปรับอากาศเป็นเวลานาน พอมาอยู่ในที่ที่เป็นอากาศธรรมชาติเช่นนี้ ไม่นานก็ทำให้หยางหลิงรุ่ยเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา
แต่ถึงกระนั้นเธอกลับมีความรู้สึกสบายตัว ไม่เหมือนกับความรู้สึกเย็นเยือกที่ได้รับจากเครื่องปรับอากาศ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและไถ่ Weibo ดูเล็กน้อย
เดิมทีคิดว่ารอให้งานจบก่อนเธอถึงจะกลับไป แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่ดูเร่งรีบดังขึ้นมาจากทางระเบียง
“ตรงนี้มีคนอยู่ไหม”
"มีคนหนึ่ง นอนอยู่บนเก้าอี้ ไปดูซิว่าใช่เธอหรือเปล่า!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง