หยางหลิงรุ่ยวางโทรศัพท์มือถือลง แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง
เธอเป็นพลเมืองดีตามมาตรฐาน แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ไม่มีทางเอาผิดกับเธอได้
แต่ถึงอย่างไรงานนี้ก็ถูกจัดขึ้นโดยตระกูลฮัวและตระกูลหยาง และในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลหยาง เธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ทีมงานสองคนเดินไปข้างหน้าหยางหลิงรุ่ย พวกเขาก้มมองเธอเล็กน้อย จากนั้นมองดูโทรศัพท์มือถือ หลังจากยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันแล้วพวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
“คุณคือหยางหลิงรุ่ยใช่ไหม”
คำเรียกตรงไปตรงมาทำให้หยางหลิงรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอพยักหน้ารับ จากนั้นลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้และพูดขึ้น : "มีอะไรหรือเปล่า"
"มีเรื่องนิดหน่อย รบกวนคุณมากับพวกเราสักครู่!"
ขณะที่พูด ทีงงานก็จะเข้ามาดึงตัวหยางหลิงรุ่ยให้ไปด้วยกัน
ทีมงานสองคนนี้เป็นคนของทีมงานถ่ายทำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ตัวตนของหยางหลิงรุ่ย
หยางหลิงรุ่ยเอนตัวเล็กน้อย หลบมือของทีมงานสองคนนั้น ก่อนจะเอ่ย : "เดินนำทางข้างหน้าเถอะ!"
ทีมงานที่กำลังจะดึงตัวเธอคิดในใจทันที หยางหลิงรุ่ยคนนี้ช่างถือตัวเสียจริง เมื่อเห็นเธอกล้าที่จะหลบตัวจากกับจับกุมเช่นนั้น ในใจของเขาก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา
ตอนนี้เย่อหยิ่งไปเถอะ เหอะ อีกหน่อยจะทำให้เธอพูดไม่ออก!
หยางหลิงรุ่ยจำทีมงานสองคนนี้ได้ เธอเคยเห็นพวกเขาตอนที่อยู่หลังเวทีเมื่อสักครู่
ทีมงานสองคนนี้ไม่ได้มาดี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจมาทักทายเธอ
เธอเดินตามทีมงานไปจนถึงกองถ่ายทำ
ซั่วรุ่ยที่ยืนอยู่ในห้องกำลังทำสีหน้าเคร่งขรึม ด้านข้างของเขามีเหล่าผู้กำกับใหญ่ รวมทั้งผู้รับผิดชอบงานในครั้งนี้ซึ่งเป็นคนของตระกูลหยางยืนอยู่ด้วย
บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด อากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยความรุนแรง ที่ดูเหมือนว่าวินาทีถัดไปจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น
"หึ ในที่สุดเธอก็มาแล้ว!"
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านข้างของซัวรุ่ย
หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะรู้ว่านั่นคือเสียงของหลี่ชานชาน
เธออดไม่ได้ที่จะเอือมระอา ผู้หญิงคนนี้ช่างทำตัวมีประโยชน์เสียจริง ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่อาจขาดเธอไปได้!
"มีอะไรเหรอ" เธอหยุดยืนและมองไปที่กลุ่มคนตรงหน้า จากนั้นเอ่ยถามขึ้นมาหน้านิ่ง
เชลลีย์ที่กำลังจะขยับตัวไปยืนด้านข้างหยางหลิงรุ่ยอย่างเงียบ ๆ เพื่อเอ่ยเตือนเธอ
แต่ทันทีที่เธอขยับตัวก็ถูกซัวรุ่ยดึงรั้งเอาไว้ก่อน
เขาส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม เชลลีย์จึงทำได้เพียงถอยไปยืนด้านหลังของเขา
ตอนนี้เชลลีย์อยู่ภายใต้การควบคุมของซัวรุ่ย เธอไม่สามารถก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างผู้กำกับและนักแสดงได้
ซัวรุ่ยกระแอมไอขึ้นและก้าวไปข้างหน้า โดยรักษาระยะห่างจากหยางหลิงรุ่ยหนึ่งเมตรกว่า ๆ
ในตอนนี้ หยางหลิงรุ่ยถึงได้สังเกตซัวรุ่ยอย่างละเอียดเป็นครั้งแรก
ใบหน้าของซัวรุ่ยมีริ้วรอยขึ้นตามวัย เนื่องจากเที่ยวเล่นกินดื่มจึงทำให้ท้องของเขายื่นออกมา
แต่ก็สามารถมองออกว่าตอนเป็นหนุ่มนั้นเขาคงจะหล่อไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นผู้กำกับมาอย่างยาวนาน ในตำแหน่งที่สูงและสามารถเปลี่ยนโลกได้ ดังนั้นซัวรุ่ยจึงมีแรงผลักดันที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เมื่อสักครู่ซัวรุ่ยได้รู้จักตัวตนของหยางหลิงรุ่ยผ่านปากของหลี่ชานชาน
นั่นทำให้ความโกรธในใจของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้หญิงคนนี้โกหกเขาว่าเธอเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดา ทำให้เขาพูดไร้สาระกับเธออยู่ได้ตั้งนาน
ถ้าหากรู้จักตัวตนของหยางหลิงรุ่ยก่อนหน้า ซัวรุ่ยคงจะไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย อาจจะพูดคุยด้วยสักสองสามประโยค หรือถ้าไม่ได้ก็แค่ไล่เธออกไปซะก็สิ้นเรื่อง
เพราะถึงอย่างไร สิ่งที่ซัวรุ่ยถนัดทำมากที่สุดก็คือการแสร้งทำเป็นซื่อตรงอยู่แล้ว
“หยางหลิงรุ่ย เมื่อกี้ทำไมเธอถึงมาที่กองถ่าย”
ซัวรุ่ยไม่แม้แต่จะเรียกคำว่าคุณนำหน้า นั่นทำให้หลี่ซานชานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกแอบสะใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอมองไปที่หยางหลิงรุ่ยอย่างหยิ่งผยอง ใบหน้าของเธอเชิดขึ้น ราวกับได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า หยางหลิงรุ่ยกำลังจะโชคร้ายในอีกไม่ช้าแน่นอน
แน่นอนว่าหยางหลิงรุ่ยรู้สึกได้ถึงความจงใจหาเรื่องเธอของซัวรุ่ย และรู้ว่าคงมีเรื่องเลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้น เธอถึงต้องตกเป็นแพะรับบาป
ผู้รับผิดชอบงานของตระกูลหยางนั้นไม่รู้จักตัวตนของหยางหลิงรุ่ยเลย แต่เขารู้ว่าหลี่ชานชานนั่นก็ไม่อาจไปมีเรื่องด้วย เขาจึงลังเลอยู่พักหนึ่งและไม่ได้เอ่ยพูดอะไรขึ้นมา
หยางหลิงรุ่ยเอ่ยตอบเสียงเบา : "ฉันแค่มากับคุณเชลลีย์"
"มาทำอะไร"
“ไม่ทำอะไร”
“เธอแน่ใจเหรอ”
คำพูดของซัวรุ่ยแฝงไปด้วยความสงสัยและดุเดือดเลือดพล่าน
หยางหลิงรุ่ยไม่ชอบพูดอ้อมค้อมกับคนอื่น โดยเฉพาะซัวรุ่ยที่เพิ่งพูดชักจูงเธอเมื่อกี้ และนั่นทำให้เธอรู้แล้วว่าคนแบบนี้ไม่ใช่คนดีอะไร
ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา : "ผู้กำกับซัว มีเรื่องอะไรก็พูดมาตามตรง"
ซัวรุ่ยหัวเราะเยาะ ใบหน้าของเขาฉายแววเย้ยหยัน ตามที่คาดคิดไว้ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถทนเสแสร้งได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงแบไพ่ในมือออกมาอย่างมีเจตนา
ดี ในแม้เธอแส่รนหาที่เรื่องตาย เขาก็จะส่งเธอไปนรกเอง
“หยางหลิงรุ่ย ชุดที่เชลลีย์ใส่ขึ้นแสดงบนเวที ถูกคนจงใจเอาเตารีดมารีดทับจนไหม้”
"หือ?" หยางหลิงรุ่ยมองไปที่เชลลีย์ที่อยู่ด้านหลังซัวรุ่ยอย่างรู้สึกตกใจ เชลลีย์พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ใครกันที่เป็นคนทำ แต่เมื่อได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันทีว่าพวกเขากำลังสงสัยเธออยู่
"โอ้ ดังนั้นพวกคุณเลยสงสัยฉันงั้นเหรอ"
หลังจากนึกถึงต้นสายปลายเหตุอย่างละเอียดแล้ว หยางหลิงรุ่ยก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคิดว่ามันแปลก ๆ สมองของซัวรุ่ยโดนลาถีบไปแล้วเหรอ ทำไมถึงดูโง่เช่นนี้
ไม่รู้เอาซะเลยว่าชุดที่เชลลีย์สวมใส่ในวันนี้เป็นผลงานก่อนหน้านี้ของเธอเอง!
เว้นแต่ว่าหยางหลิงรุ่ยจะรู้สึกเบื่อจนแทบอยากตายนู้นแหละ เธอถึงจะไปทำลายชุดของเชลลีย์เช่นนั้น
การออกแรงกระทำแบบนั้นไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ยังทำให้เธอเสียผลประโยชน์ไปด้วย ทำไมเธอถึงต้องทำเช่นนั้นด้วยล่ะ
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูไม่หวาดหวั่นของหยางหลิงรุ่ย ซัวรุ่ยก็ชะงักไปเล็กน้อย
ในตอนนั้นเอง เชลลีย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พยายามกระทุ้งเขาเล็กน้อย จากนั้นพูดขึ้นเสียงเบา : "ผู้กำกับซัว ชุดนั้น ... "
“หุบปาก!”
ซัวรุ่ยที่รู้สึกว่าตัวเองถูกดูหมิ่นก็ระบายความโกรธลงใส่เชลลีย์ทันที
เชลลีย์จ้องไปที่ซัวรุ่ยด้วยความงงงัน เธออุตส่าห์พยายามที่จะเอ่ยเตือนแต่กลับถูกซัวรุ่ยสั่งให้หุบปาก นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าความหวังดีของตัวเองช่างดูเปล่าประโยชน์
ในเมื่อซัวรุ่ยอยากหาเรื่องใส่ตัวเอง เธอก็ช่วยอะไรไม่ได้
ซัวรุ่ยหัวเราะเยาะ เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีกต่อไปแล้ว จึงเอ่ยขึ้นตรง ๆ ว่า : "หยางหลิงรุ่ย ฉันว่าเธอยอมรับออกมาซะดี ๆ ถ้าหากได้ทำการตรวจสอบกล้องแล้ว เรื่องนี้ยิ่งจะจัดการยากกว่าเดิม... "
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ซัวรุ่ย ท่าทางที่กำลังคิดแทนเธอของเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้
"ผู้กำกับซัว ก่อนอื่นเลยคือฉันไม่ได้เป็นคนทำ"
“และต่อมา ถ้าหากฉันเป็นคนทำจริง ๆ การที่ผู้กำกับซัวเรียกคนมาเยอะแยะขนาดนี้ คิดว่าเรื่องมันยังจะจัดการง่ายอยู่อีกเหรอ”
หยางหลิงรุ่ยพูดกับซัวรุ่ยอย่างชัดเจน เรื่องนี้ไม่มีคำว่าจัดการง่ายไม่ง่าย แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนทำ จุดจบของคนนั้นก็คือชื่อเสียงป่นปี้แน่นอน
เมื่อซัวรุ่ยได้เห็นท่าทีแข็งกร้าวของหยางหลิงรุ่ย เขาก็โมโหขึ้นมาทันที : "เธอแน่ใจนะว่าจะดื้นรันปากแข็งต่อไปให้ตายยังไงก็ไม่ยอมกลับใจเช่นนี้ และไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ ช่วงเวลานั้นในกองถ่ายคนนอกก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่เข้ามา เธอเป็นคนเดียวที่จงใจเข้าไปในห้องแสดงและทำลายการเตรียมการแสดงทั้งหมด และเท่าที่ฉันรู้มารายการละครเรื่องก่อนหน้าเป็นของ Yang's Entertainment เธอกลัวว่าละครของฉันจะน่าตื่นเต้นกว่า ดังนั้นจึก็เลยยอมสละตนเพื่อก่อเหตุเช่นนั้นขึ้นมา!"
ซัวรุ่ยที่เชื่อสุดใจว่าหยางหลิงรุ่ยเป็นผู้กระทำนั้น ทำให้หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลงในใจ
เธอคิดว่า เวลาปกตินั้นคนที่มีมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องที่ดี
แต่สำหรับซัวรุ่ยในตอนนี้นั้น เขาช่างดูมั่นใจในตัวเองมากจนเกินเหตุ
"ผู้กำกับซัว ไม่ทราบว่าห้องการแสดงอยู่ที่ไหนเหรอ"
คำพูดของหยางหลิงรุ่ยฟังดูแปลก ๆ เล็กน้อย แต่ซั่วรุ่ยที่ต้องการเหยียบให้หยางหลิงรุ่ยตายนั้นกลับไม่ได้คิดอะไรมาก เขาชี้ตรงไปที่ระเบียงทางเดินที่อยู่อีกด้านทันที
หยางหลิงรุ่ยส่งเสียงตอบรับ ในใจของเธอมีภาพคิดโดยรวมไว้แล้ว
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เธอเสื่อมเสียได้ นั่นก็คือหลี่ชานชาน
ทำไมเธอถึงสงสัยว่าเป็นหลี่ชานชานน่ะเหรอ
ก่อนอื่นเลย เพราะเธอเห็นเงาของคนนั้นแวบ ๆ และเธอมั่นใจว่านั่นคือหลี่ชานชานแน่นอน เนื่องจากเธอทำลายความร่วมมือระหว่างหลี่ชานชานและเชลลีย์ หลี่ชานชานจึงหาโอกาสใส่ร้ายเธอเพื่อแก้แค้น
และอย่างที่สองคือ ตอนนี้หลี่ชานชานไม่ได้สวมชุดสีแดงอีกแล้ว
ตอนที่หยางหลิงรุ่ยเจอหลี่ชานชานในช่วงเช้าเธอสวมชุดสีแดง และในตอนบ่ายก็เช่นเดียวกัน
แต่ตอนนี้เธอกลับกระพือปีกในชุดสีขาว และยืนอยู่ข้าง ๆ ซัวรุ่ย
นี่หมายความว่ายังไงล่ะ
และอีกอย่างงานก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดด้วยเหรอ
มันไม่มีความจำเป็นเลยสักนิด ดังนั้นมีเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือหลี่ชานชานมีความคิดไม่ดีในใจ ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้คนอื่นสาวหาหลักฐานได้
เมื่อเห็นว่าหยางหลิงรุ่ยไม่ตอบกลับ และยังเอาแต่นิ่งเงียบ
ทำให้ซัวรุ่ยเริ่มแน่ใจมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่องก็เถอะ
เพราะตามที่ทีมงานพูด ตั้งแต่หยางหลิงรุ่ยนั่งลงเธอก็ไม่ได้ขยับตัวไปที่ไหนเลย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเดินผ่านระเบียงทางเดินออกไปเพื่อไปยังห้องแสดง
แต่แล้วยังไงล่ะ ถึงอย่างไรซัวรุ่ยก็ต้องการเพียงแพะรับบาปเท่านั้น และหยางหลิงรุ่ยก็ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองพอดี ดังนั้นคนที่โชคร้ายคนนี้ก็ต้องเป็นหยางหลิงรุ่ยแล้วล่ะ
"ผู้อำนวยการหยาง เธอยอมรับแล้วใช่ไหม! ใครก็สามารถทำผิดได้ทั้งนั้น ฉันเข้าใจว่าเธออยากทำเพื่อ Yang's Entertainment แต่ว่าทีมงานของพวกเราต่างก็ทำงานหนักมากเช่นกัน เมื่อสุดท้ายไม่มีผลลัพธ์อะไรกลับมา ใครก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าละครของตัวเองนั้นดีที่สุด การกระทำเช่นนี้ของเธอ มันทำให้บริษัทต้องเกิดความอับอาย... "
เรื่องซ้ำเติมคนอื่นนั้น หลี่ชานชานชำนาญมาก
แต่เธอกลับไม่ได้กล่าวหาหยางหลิงรุ่ยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า กลับกันยังคิดหาคำแก้ตัวแทนหยางหลิงรุ่ย
นั่นทำให้คนที่คิดว่าหยางหลิงรุ่ยเป็นคนก่อเหตุอยู่แล้วยิ่งแน่ใจมากขึ้น และคนที่คิดว่าอาจจะไม่ใช่หยางหลิงรุ่ยนั้นก็เริ่มพูดพึมพำอย่างสงสัยขึ้นมาว่า หรือผู้หญิงที่ดูเหมือนบริสุทธิ์และเป็นคนดีคนนี้ จะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้จริง ๆ
งานในวันนี้เป็นงานที่ใหญ่โตมาก ๆ
หากได้รับการยืนยันว่าหยางหลิงรุ่ยเป็นคนทำจริง ๆ ชีวิตของเธอก็จะพังพินาศอย่างแน่นอน
หยางหลิงรุ่ยที่เงียบมาตลอด เงยหน้าขึ้นมาฉับพลัน มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับท่าทางที่ดูผ่อนคลาย
นั่นทำให้ซัวรุ่ยที่กำลังรอให้หยางหลิงรุ่ยมาคุกเข่าอ้อนวอนด้วยท่าทางสิ้นหวังอย่างคนสำนึกผิดนั้น ไฟโกรธเริ่มลุกโชนขึ้นมาในใจทันที
ผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้สึกเกรงกลัวสักนิดเลยยังงั้นเหรอ
“หยางหลิงรุ่ย เธอ ... ”
ซัวรุ่ยยังไม่ทันพูดจบ หยางหลิงรุ่ยก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ผู้กำกับซัว ในเมื่อพวกคุณคิดว่าฉันเป็นคนทำ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด"
เมื่อได้ยินหยางหลิงรุ่ยพูดยอมรับ ใบหน้าของหลี่ชานชานก็เปล่งประกายด้วยความสุข
แต่เชลลีล์นั้นกระวนกระวายขึ้นมาทันที เธอไม่คาดคิดว่าหยางหลิงรุ่ยจะยอมตกเป็นแพะรับบาปเองเช่นนี้ เธอเตรียมจะพูดแก้ตัวแทนหยางหลิงรุ่ย แม้ว่าจะต้องแตกคอกันกับซัวรุ่ยก็ตาม
แต่คำพูดต่อมาของหยางหลิงรุ่ยทำให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
"แต่เรื่องทุกอย่างล้วนต้องมีหลักฐาน คุณบอกว่ามีกล้องวงจรปิดไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ปล่อยคลิปออกมาให้ทุกคนดูสิ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง