โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 396

ตอนนี้ทั้งสองคนก็รู้จักกันใหม่อีกครั้งแล้ว ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา

ซัวรุ่ยสงสัยสักพัก สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า

แต่เขาก็ยังคงคิดอยู่เล็กน้อยจากนั้นพูดออกไปว่า “เนื่องจากคุณเป็นคนที่ปรากฏตัวมาเป็นคนแรกฉันจึงสงสัยคุณ แต่หลังจากที่คุณนายหยางมาพูดกับผมแบบนี้ ผมจึงคิดว่าคุณคงไม่ใช่คนแบบนั้น”

ซัวรุ่ยไม่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมา แต่หยางหลิงรุ่ยก็ไม่ได้ถือสาอะไร

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนก็ต้องมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง ซัวรุ่ยถอยหนึ่งก้าว หยางหลิงรุ่ยถอยหนึ่งก้าว

คนที่เป็นตัวการสำคัญของเรื่องนี้ แท้จริงก็คือหลี่ชานชาน

ถึงแม้ว่าหลี่ชานชานจะทำมันแนบเนียนอย่างไรแต่มันก็ต้องมีส่วนที่ไม่สามารถปิดบังได้

หยางหลิงรุ่ยมั่นใจอย่างมากที่จะให้หลี่ชานชานเข้ามาเพื่อลบล้างคำที่เธอเคยพูดไว้ไม่ดีเกี่ยวกับหยางหลิงรุ่ย

ตอนนี้โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาดู นั่นเป็นข้อความที่เย่ตงเป็นคนส่งมา

“ผู้อำนวยการหยางคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

หยางหลิงรุ่ยเก็บโทรศัพท์ เธอมองมาที่ซัวรุ่ยแล้วพูดว่า “ผู้กำกับซัว ทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเรามาคุยกันดีๆได้แล้ว”

“แต่ก่อนอื่นฉันอยากจะเชิญคนเข้ามาหนึ่งคน”

“ใครหรอ?”

“หลี่ชานชาน”

ราวกับว่าซัวรุ่ยไม่รู้ว่าหลี่ชานชานคือใคร หยางหลิงรุ่ยจึงพูดเสริมออกไปว่า “เธอก็คือคนที่เหยียบย่ำฉันมากที่สุดเมื่อสักครู่”

รอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซัวรุ่ย เขาพูดออกมาว่า “ได้สิ ผู้อำนวยการหยาง ดูเหมือนว่าการวางอุบายภายในของ Yang Entertainment จะสุดยอดมากกว่าที่ผมคิด”

หยางหลิงรุ่ยทำแค่ยิ้มออกมา ไม่ได้ยินดีอะไรกับคำพูดนี้

การแสดงในหนึ่งตอนใช้เวลาเพียงแค่ห้านาที และเมื่อสักครู่เชลลีย์ก็ได้สวมชุดการแสดงออกไปแล้ว

หลี่ชานชานที่ยืนรออยู่ด้านนอกสองนาที ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไม่สบายใจ เธอเดินไปเดินมาหลังจากนั้นก็เดินออกจากทางเดินไป

ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยที่เปิดประตูออกมาก็พบว่าหลี่ชานชานไม่อยู่แล้ว

ส่วนคนที่อยู่ข้างนอกนั้นก็คือพนักงานของ Yang Entertainment คนหนึ่ง

“ผู้อำนวยการหยาง เกิด......”

พนักงานคนนั้นถามออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องแบบนี้ที่จริงแล้วต้องรีบรายงานให้หยางหลิงรุ่ยรับรู้ แต่สุดท้ายหยางหลิงรุ่ยกลับเป็นคนที่รู้ถึงมันเอง ผู้อำนวยการฝ่ายภาพยนตร์ของบริษัทนี้มารู้เรื่องด้วยตัวเองแล้ว ดังนั้นพนักงานจึงไม่ต้องอธิบายอะไรอีก

“ไม่มีอะไรแล้ว รบกวนเธอช่วยไปพาหลี่ชานชานมาหาฉันหน่อย!”

พนักงานตอบรับ และเดินออกไปจากทางเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อสักครู่เธอเพิ่งจะเห็นหลี่ชานชานเดินอยู่ที่ห้องรับแขก

ในใจของหลี่ชานชานรู้สึกร้อนรน เธอมองไปที่รอบๆ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่จึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ

เธอหยิบบุหรี่มาหนีบไว้ที่นิ้วยังไม่ทันได้จุดไฟ พนักงานคนนั้นก็วิ่งเข้ามาหาเธอ

ทั้งสองคนมองหน้ากันและกันสุดท้ายพนักงานก็ก้มหน้าลง

“พี่ชานชาน ผู้อำนวยการหยางเรียกให้คุณไปพบ”

“เรื่องอะไร?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

พนักงานตอบออกไปตรงๆยิ่งทำให้ใจของหลี่ชานชานรู้สึกร้อนรนมากยิ่งขึ้น

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “เธอบอกให้เธอมาเรียกฉันไปพบโดยไม่ได้บอกอะไรหรอ?”

“ใช่”

หลี่ชานชานอยากจะขึ้นเสียงออกไปสองสามคำ หยางหลิงรุ่ยจะเรียกใครไปพบโดยไม่บอกอะไรเลยก็ได้หรอ? ทำไมถึงไม่นึกถึงสถานะของตัวเองบ้าง?

แต่ในตอนที่เธอจะพูดออกไปเสียงก็ถูกบีบอยู่ในลำคอ

เธอก็คิดขึ้นมาได้ว่ารองประธานคนที่สองเคยบอกกับเขาว่า อย่าไปทำอะไรให้หยางหลิงรุ่ยไม่พอใจ

ในทำนองเดียวกันพนักงานคนนี้ก็เป็นแค่คนส่งสาร เธอไม่สามารถแสดงออกอะไรได้

ดังนั้นใบหน้าของหลี่ชานชานก็เคร่งขรึมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และก็ทำตามความต้องการของพนักงานคนนั้นเดินเข้าไปที่ทางเดิน

ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่พนักงานจะก้มหน้า แต่เธอก็มองไปที่หลี่ชานชานด้วยหางตาอยู่ตลอด เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของหลี่ชานชานเธอก็เข้าใจโลกมากขึ้น

เมื่อหลี่ชานชานเดินเข้ามาที่ทางเดิน ก็มองเห็นหยางหลิงรุ่ยที่รอยืนรอเธออยู่ตรงหัวมุมทางเดิน

มองออกว่าตอนนี้หยางหลิงรุ่ยอารมณ์ดีมาก เธอโบกมือเรียกหลี่ชานชานไปหา

ความร้อนรนในใจของหลี่ชานชานมากขึ้นเรื่อยๆ และในเวลาเดียวกันเธอก็คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าความลับเหล่านั้นจะไม่มีทางค้นเจอ

อย่างมาเธอก็แค่โดนด่าด้วยคำรุนแรงเพียงไม่กี่คำ

นี่เป็นคำอธิบายที่ดี มันจะทำให้หยางหลิงรุ่ยพบกับความผิดหวังดังนั้นเธอจะพูดอะไรออกไปเพียงไม่กี่คำ

“ผู้อำนวยการหยางมีเรื่องอะไรหรอ?” หลี่ชานชานเดินมาด้านหน้าของหยางหลิงรุ่ย พร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนและเป็นมิตร

แต่ว่าเธอก็รู้ตัวว่ารอยยิ้มของเธอยิ่งนานไปยิ่งไม่ค่อยมีความเต็มใจ

หยางหลิงรุ่ยก็ทำท่าทางเชิญชวน เธอผายมือเชื้อเชิญหลี่ชานชานพร้อมพูดว่า “พี่ชานชานเชิญทางนี้!”

หลี่ชานชานหัวเราะในใจเบาๆ หยางหลิงรุ่ยมาเรียกเธอว่าพี่ชานชาน มันช่างน่าขันจริงๆ

เธอใช้หางตามองไปรอบๆ ที่นี่คือห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มีแค่ซัวรุ่ยที่นั่งอยู่บนโซฟาเหมือนกับว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ และไม่ได้มองมาที่หลี่ชานชานเลยแม้แต่น้อย

หลี่ชานชานหัวเราะในใจและบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ มองดูท่าทางที่กล้าหาญของหยางหลิงรุ่ยบางทีในใจของเธออาจจะกำลังกลัวอยู่ก็ได้

ตอนนี้เธอสงบมากๆ แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไร

อย่างแรกก็คือเธอเรียกให้หลี่ซือหยวนเข้ามาเพื่อให้เขามาสนับสนุนเธอ

อย่างที่สองเธอให้คนที่เพิ่งจะร่วมมือกับเธออย่างซัวรุ่ยมายืนอยู่ข้างๆเธอ

ดังนั้นจะซื้อใจเขากลับมาอย่างไร หลี่ชานชานสังเกตไปที่ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ย

คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้ต้องการความสง่างามและก็ไม่มีขีดจำกัดยิ่งกว่าเธอ

หลี่ชานชานเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาที่ติดประตูทางออก หยางหลิงรุ่ยก็เดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง จากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มที่จะสนทนากันอีกครั้ว

หยางหลิงรุ่ยเป็นคนพูดออกมาก่อน “พี่ชานชาน ทำไมพี่ถึงมั่นใจหนักหนาว่าฉันเป็นคนทำเรื่องนี้?”

หลี่ชานชานไม่ได้รีบตอบคำถามนี้ไป และหัวเราะอยู่ในใจเห็นได้ชัดว่า22พูดออกมาเพื่อต้องการถ่วงเวลา

เหมือนกับว่ากำลังรอให้หลี่ซือหยวนเข้ามาเพื่อที่จะสนับสนุนเธอ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เกรงว่าเธอยังไม่รู้

เสื้อผ้าที่เชลลีย์ใส่ในตอนนี้ เดิมที่เป็นของที่หยางหลิงรุ่ยออกแบบ

เสื้อผ้าที่กานหลินออกแบบ หลี่ชานชานเคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเธอเป็นบุคคลลึกลับระดับตำนานในวงการ

ทุกครั้งที่มีงานนิทรรศการ เธอจะส่งผลงานของเขาเข้าประกวด แต่ตัวตนของเธอไม่เคยปรากฏออกมา

เธอไม่เคยปล่อยให้ใบหน้าของเธอปรากฏของในหน้ากล้อง

เธอเป็นคนสวย ที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คน

เคยมีคนสงสัยในตัวตนของเธอ มีคนพยายามเข้าใกล้เธอ เพื่อต้องการตัวเธอมาครอบครอง

แต่คนๆนั้นที่ตามหาตัวตนของเธอเจอ ก็หายไปโดยไร้วี่แวว

ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อแจ้งตำรวจ ตำรวจก็ไร้เบาะแส

ผ่านไปกว่าครึ่งปี เขาก็ปรากฏตัวอีกครั้ง หลังจากที่เขาปรากฏตัวก็แทบจำไม่ได้ เขาเหมือนกับแก่ลงไปเกือบยี่สิบปี

ถามเขาว่าไปทำอะไรมา ผ่านอะไรมา เขาก็ไม่ปริปากที่จะพูด

แม้ว่าตำรวจจะมา แต่ก็ไม่สามารถถามอะไรได้ สุดท้ายคดีก็หาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ

และในช่วงที่เขาหายไปเกือบครึ่งปี ผลงานของกานหลินก็ออกมาตามปกติ และแต่ละชิ้นก็มีคุณภาพทั้งนั้น

นอกจากผลงานแรกๆที่เธอทำออกมา หลังจากนั้นผลงานของเธอก็ได้รับรางวัลที่หนึ่งมาโดยตลอด

ผลงานของเธอสง่างามและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นแล้วคลั่งไคล้ในผลงานตัวเอง

เรื่องราวของกานหลินเหมือนตำนานบทเส้นทางของสายแฟชั่น

ผ่านมาครึ่งปี เธอก็หายไป

ไม่มีผลงานออกมา เวยป๋อของเธอก็หยุดการเคลื่อนไหว

คนทั้งคนเหมือนหายไปจากโลกนี้ และไม่มีวี่แววที่จะหาเจอ

เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ จึงไม่มีใครที่จะกล้าจะหาเธอ

แต่ตอนนี้ เป็นช่วงที่ขาดผลงานชิ้นยอดเยี่ยม

ลองคิดดูว่า นักออกแบบชั้นยอดคนหนึ่งหายตัวไป มันจะเกิดอะไรขึ้น

หรือมีปัญหาความรัก? หรือว่าครอบครัวมีปัญหา?หรือเสียชีวิตกะทันหัน?

ดังนั้นจึงข่าวลือแพร่ออกไปต่างๆนานา

ข่าวลือแรกๆบอกว่ากานหลินมีความรัก ไปหลงรักผู้ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าๆ และเธอก็มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้แบบลับๆมากว่าเจ็ดปีแล้ว

และผู้ชายคนนี้มีครอบครัวอยู่แล้ว มีลูกสาวสองคน ครอบครัวของเขามีความสุข และไม่สามารถมอบสิ่งที่กานหลินต้องการได้อยู่แล้ว

สุดท้ายกานหลินก็รอไม่ไหว เลยจงใจทำให้ตัวเองท้องเพื่อเรียกร้องความสนใจให้ผู้ชายคนนี้หย่าร้างกับครอบครัวเดิม

แต่ผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่เชื่อ กานหลินโวยวายต่อว่าที่บ้านของเขาและเธอก็ถูกทำร้าย

สุดท้ายก็เสียชีวิตไป....

นี่เป็นข่าวลือแรก ฟังแล้วก็เหมือนกับกำลังใส่ร้ายกานหลิน

แต่แฟนคลับของกานหลินที่ไม่พอใจเมื่อเห็นข่าวลือนี้ก็ออกมาโวยวายและตามหาต้นตอของเรื่อง

และบังคับให้ผู้ที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาหยุดการกระทำนี้ ไม่ให้ใส่สีตีไข่เรื่องของกานหลินต่อไป จนคนที่ทำผิดก็ทนไม่ไหว เขาต้องย้ายบ้านหนีและออกมาขอโทษที่ตนเองสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา

ยังมีอีกเรื่องที่บอกว่าบ้านของกานหลินเป็นบ้านของผู้มีอิทธิพลทางกรเมือง

กานหลินรักการออกแบบและถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก

เนื่องจากเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ดังนั้นผลงานของเธอจึงออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันทางบ้านของเธอก็สนับสนุนในด้านของค่าใช้จ่ายต่างๆตลอด

แต่จู่ๆก็เกิดเหตูการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับครอบครัวของกานหลิน เนื่องจากมีความผิดทางด้านการเมืองจึงถูกประธานาธิบดีถอนรากถอนโคน

จากผู้ที่มีอำนาจมากมายกลับกลายมาเป็นคนปกติที่ไม่มีปากมีเสียงอะไร ความฝันของกานหลินก็สูญสลายลงและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เรื่องที่สองนี้ อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายคนแรกที่คอยตามติดชีวิตของกานหลิน จู่ๆเขาก็หายตัวไป

พอเรื่องนี้ผุดขึ้นมาก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปแจ้งตำรวจ

เธอหายตัวไปก็เหมือนกับว่าครอบครัวของเธอก็กำลังจะสูญไปเช่นกัน

สำหรับแฟนคลับของกานหลินแล้ว เรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนโศกนาฏกรรม

กานหลินเปรียบเสมือนดอกไม้ที่เติบโตอยู่ให้ห้องปิด ถ้าหมดอากาศแล้วก็ไม่สามารถเติบโตต่อไปได้

แน่นอน ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง