ฉินลูลู่แทบจะไม่ลังเลที่จะปฏิเสธโดยตรง
แต่แล้วเธอก็นึกได้ถึงช่องโหว่ในคำพูดของเธอ
เธอบอกหยูซิงเหวินว่าเธอไม่รู้จักจางหงเหว่ย
แต่สิ่งที่เธอพูดกับจางหงเหว่ยเมื่อครู่มันแปลว่ารู้จักกันอย่างชัดเจน!
เธอรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อแก้ตัวให้กับช่องโหว่ในคำพูดของเธอ
แต่ในเวลานี้จางหงเหว่ยยิ้มหยัน "หืม? คุณฉินไม่รู้จักฉันแล้วเหรอ? แปลกจริงๆ ทำไมเวลาฉันมองคุณฉินมันช่างดูคุ้นเคยขนาดนี้?"
"กระต่ายหมายจันทร์?"
คำพูดของจางหงเหว่ยดูเหมือนกำลังเตือนความจำอย่างฉินลูลู่อย่างแปลกประหลาดเพื่อไม่ให้ลืมสิ่งที่เธอเคยทำมาก่อน
ใบหน้าของฉินลูลู่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว เธอเตือนตัวเองให้ใส่ใจกับท่าทางของเธอในขณะที่อยู่ข้างๆหยูซิงเหวิน
"จางหงเหว่ย คุณนี่น่ารำคาญจริง!"
คราวนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าหยูซิงเหวินจะคิดอย่างไรและพูดโจมตีออกไปตรงๆ
เมื่อได้ยินฉินลูลู่ตะโกนชื่อเขาออกมา ในที่สุดรอยยิ้มที่ซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่มันเยิ้มของจางหงเหว่ย ในรอยยิ้มนั้นสิ่งที่มีอยู่มากที่สุดก็คือการยิ้มเยาะตัวเขาเอง
"ดูเหมือนว่าคุณฉินจะนึกเรื่องฉันออกแล้ว"
คำพูดของจางหงเหว่ยมีความนัยบางอย่างที่ยากจะซ่อน
สีหน้าของหยูซิงเหวินแย่ลงเรื่อยๆ เขาไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ดึงแขนที่ฉินลูลู่คล้องอยู่ออกอย่างไม่มีข้อสงสัยและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "คุณจัดการกับเรื่องของคุณซะก่อนแล้วค่อยมาหาผม"
เมื่อพูดจบเขาก็ไปที่โซนพักผ่อนและนั่งลง
เย่ตงเข้ามารับช่วงพนักงานที่กำลังจะไปเตรียมเครื่องดื่มและกระซิบเบาๆ "เดี๋ยวฉันทำเอง"
เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว "คุณคะ คุณต้องการกาแฟหรือว่าน้ำผลไม้หรือว่าชาข้าวบาร์เลย์ดีคะ?"
หลังหยูซิงเหวินบอกว่าเอาชาข้าวบาร์เลย์ เย่ตงก็รีบนำมาเสิร์ฟ
เธอเดินกลับมามอบของให้กับพนักงาน เดินไปข้างๆของหยางหลิงรุ่ยและกระซิบเบาๆ "พี่รุ่ย ผู้ชายที่มาใหม่คนนั้นหล่อมาก!"
ตอนนี้ในใจของหยางหลิงรุ่ยเต็มไปด้วยท่าทางผอดปกติของฉีหลาน ไม่มีกะจิตกะใจสนใจว่าหยูซิงเหวินจะหล่อหรือเปล่า
หยางหลิงรุ่ยมีลางสังหรณ์ในใจเธอขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ชายคนนี้เกรงว่าน่าจะเป็นคู่หมั้นคนก่อนของฉีหลานหรือเปล่า?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หยางหลิงรุ่ยก็กวาดตามองไปที่หยูซิงเหวิน
ราวกับว่าเป็นไปโดยสัญชาตญาณ หยูซิงเหวินเงยหน้าขึ้นมาพอดีและสบตากับหยางหลิงรุ่ยเข้า
ทั้งสองคนมองตากัน ดวงตาของหยูซิงเหวินมีความหมายความหมายลึกซึ้งและความหมายนั้นเห็นได้ชัดว่าหมายถึงไม่เจอกันนานนะ
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่เขารู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
บางทีเธออาจจะเคยเจอเขาก่อนที่เธอจะสูญเสียความทรงจำ?
ทั้งสองคนคิดเรื่องของกันและกันราวกับว่าพวกเขามีเรื่องกังวลในใจ
และจุดสนใจในสถานที่แห่งนี้กลายเป็นเรื่องระหว่างจางหงเหว่ยและฉินลูลู่
ฉินลูลู่ลดเสียงของเธอลงและโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของจางหงเหว่ยและพูดว่า "จางหงเหว่ย อย่าก่อเรื่อง แฟนของฉันเป็นลูกคนโตของตระกูลหยู ถ้าคุณทำให้ฉันโมโห ระวังไว้เถอะว่าจะขว้างงูไม่พ้นคอ!"
เมื่อเผชิญกับการขู่เช่นนี้ รอยยิ้มเหยียดหยามก็ปรากฏที่มุมปากของจางหงเหว่ย
"ตอนที่คุณโกหกฉันมันไม่ได้เป็นอย่างนี้นี่! ลูลู่ ความอ่อนโยนของคุณตอนนั้นทำให้ฉันโลภมากในความรัก!"
จางหงเหว่ยจงใจขึ้นเสียงเพราะกลัวว่าคนรอบข้างจะได้ยินไม่เหมือนกัน
เสียงของเขาเมื่อครู่ทำให้สีหน้าของฉินลูลู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
และบอดี้การ์ดที่หยูซิงเหวินพามาเมื่อเห็นจางหงเหว่ยถูกดูหมิ่นจึงคิดจะก้าวไปข้างหน้าทันที
แต่หยูซิงเหวินกลับกระแอมไอขึ้นมาหนึ่งที
ไอไม่ช้าไม่เร็ว จู่ๆก็ดันไอกะทันหันขึ้นมาเสียอย่างนั้น
บอดี้การ์ดที่เพิ่งยกเท้าขึ้นมองหน้ากันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถอยกลับไป
เห็นได้ชัดว่าที่หยูซิงเหวินไอเมื่อครู่เป็นการบอกพวกเขาว่าอย่าเข้าไปยุ่ง
ในฐานะสมาชิกของตระกูลหยู พวกเขาก็มีความเข้าใจนี้อยู่เล็กน้อย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมคุณชายใหญ่ถึงไม่ปกป้องคุณฉิน
"คุณกำลังพูดเหลวไหลอะไร! จางหงเหว่ย คุณไม่ดูตัวเองเลยว่าคุณหน้าตาเป็นยังไง? กระต่ายหมายจันทร์เหรอ ทำไมคุณไม่ส่องกระจหรือตักน้ำใส่กะโหลกแล้วชะโงกดูเงาเสียบ้างล่ะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง