โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 505

“โอ้”

เสียงของฉีหลานราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความดูถูกดูแคลน ทำให้ฉีตานเหวินซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นพ่อที่ค่อนข้างมีเมตตามากแล้วถึงกลับรู้สึกโมโห

"อย่าทำให้เรื่องกลับตาลปัตรได้ไหม ที่ฉันทำทั้งหมดก็เพื่ออนาคตที่ดีของแก!"

ฉีตานเหวินพูดขึ้นด้วยความน่าเกรงขาม ถ้าหากไม่ใช่คนคุ้นเคยล่ะก็คงจะถูกเขาหลอกได้จริง ๆ

น่าเสียดายที่ฉีหลานรู้จักฉีตานเหวินเป็นอย่างดี ความโกรธของเขานั้นถูกเธอมองข้ามไปอย่างไม่คิดจะสนใจ

"ทำไมคุณถึงไม่บอกว่าเพื่อเงินล่ะ"

คำพูดของฉีหลานทำให้ฉีตานเหวินชะงักไปชั่วขณะ

ในตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่สามารถหักล้างคำพูดของเธอได้เลยสักนิด

ฉีตานเหวินเตรียมบทพูดเอาไว้มากมายเพื่อปราบปรามฉีหลานหากเธอคิดจะขัดขืนต่อต้าน

แต่ตอนนี้ฉีหลานได้พูดทุกอย่างออกมาตามความเป็นจริงแล้ว ทำให้คำพูดที่เขาเตรียมมานั้นไม่อาจยกเอามาใช้ได้เลย

“ถ้าแกไม่แต่งงานตระกูลหยูก็จะไม่ช่วยตระกูลฉีและตระกูลฉีก็จะล้มละลายอย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือครอบครัวที่ให้กำเนิดแกและเลี้ยงดูแกมาจนใหญ่โตไม่ใช่ศัตรูของแกเลยหลานหลาน หรือแกสามารถทนดูตระกูลฉีตกที่นั่งลำบากได้ล่ะ"

คำพูดทุกคำของฉีตานเหวินราวกับเป็นค้อนหนัก ๆ กระแทกลงที่หัวใจของฉีหลาน

เธอถามตัวเองในใจว่าเธอจะทนดูตระกูลฉีล้มละลายไปต่อหน้าต่อตาได้หรือเปล่า

แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงตกเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนของตระกูลฉี แต่ตอนนี้ความจริงทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

หากเสียสละความสุขของเธอไป ตระกูลฉีก็จะยังดำรงอยู่ต่อไป

หากรักษาความสุขของเธอเอาไว้ ตระกูลฉีก็จะบ้านแตกสาแหรกขาด

ฉีตาเหวินเห็นว่าฉีหลานกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ใจของเขาที่ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่นั้นรู้ว่าการบีบบังคับฉีหลานด้วยวิธีนี้มันโหดร้ายมากจริง ๆ

ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยจากนั้นเดินออกจากห้องหนังสือไป ทิ้งให้ฉีหลานใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ตามลำพัง

ฉีหลานนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เธอมองดูน้ำชาในถ้วยอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ในน้ำชามีฟองชาเล็กน้อยอยู่ด้านล่าง

ถ้าเปรียบตระกูลฉีเป็นน้ำชา สถานะของเธอก็มีความสำคัญน้อยกว่าฟองชาในถ้วยนี้เสียอีก

แต่ตอนนี้เธอซึ่งเป็นฟองชาที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบของตระกูลฉีกำลังจะกลายเป็นผู้กอบกู้ตระกูลฉีเอาไว้ ซึ่งนั่นมันทำให้เธอรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาจริง ๆ

สิบนาทีผ่านไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...

จนกระทั่งสามชั่วโมงเต็มฉีหลานถึงเดินออกมาจากห้แงหนังสือ

พ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลฉีที่เฝ้าอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นฉีหลานเดินออกมาเขาก็ชำเลืองมองเธอเล็กน้อยและทันใดนั้นหัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที

เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ฉีหลานส่งออกมา

"คุณผู้หญิงครับ คุณ..."

พ่อบ้านคนนี้อยู่ที่บ้านตระกููลฉีมานานหลายสิบปี พูดได้ว่าเขาเห็นฉีหลานมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยล่ะ

เขาชอบฉีหลานที่้ฉลียวฉลาดคนนี้มาโดยตลอด แต่ทว่าหัวหน้าครอบครัวกลับพูดจาและปฏิบัติต่อฉีหลานที่เป็นเด็กผู้หญิงอย่างไม่ไว้หน้า

ดังนั้นในฐานะสุนัขที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเจ้านาย เขาจึงทำได้เพียงซ่อนความรักเอาไว้ในใจ

เขายังไม่ทันพูดจบฉีหลานก็โบกมือให้เขาหยุดก่อน

“ลุงอู๋ คุณพ่ออยู่ไหนคะ”

คำพูดของฉีหลานแฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ พ่อบ้านรู้สึกได้เพียงว่ามันค่อนข้างที่จะเย็นชา

"คุณท่านอยู่ที่ห้องนั่งเล่น กับ ... " พ่อบ้านยังพูดไม่จบฉีหลานก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วเสียก่อน

เขาจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดต่อจากนั้นลงไปดังเดิม

แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าการทำเช่นนั้นดูเหมือนจะเป็นหลอกลวงฉีหลาน

ทันทีที่ฉีหลานเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ต้องตกตะลึงในทันที

ฉีตานเหวินอยู่ในห้องนั่งเล่นจริง ๆ เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับถือมีดในมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งถือแอปเปิ้ลที่ปอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว

และข้าง ๆ เขานั้นเป็นคุณแม่ของฉีหลานที่นั่งอยู่

เธอถือส้อมเอาไว้ในมือและบนส้อมนั้นมีแอปเปิ้ลที่ฉีตานเหวินเพิ่งปอกเปลือกเสร็จ

เมื่อเห็นฉีหลานปรากฏตัวฉีตานเหวินจึงเอ่ยทักขึ้น

“หลานหลานมานั่งเร็ว!”

ท่าทางของพ่อที่ใจดีแปลก ๆ ทำให้คุณนายฉีที่ไม่เคยสนใจเรื่องราวในครอบครัวรู้สึกปลื้มใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างฉีหลานและฉีตานเหวินนั้นค่อนข้างที่จะเย็นชาและไม่สนใจกันมาโดยตลอด

สิ่งนี้ทำให้คุณนายฉีที่อยู่ตรงกลางระหว่างความสัมพันธ์รู้สึกลำบากใจมาก

แต่ทว่าเธอกลับไม่รู้ถึงวิกฤตของตระกูลฉีและเธอก็ไม่รู้ว่าฉีหลานต้องกลายเป็นผู้กอบกู้วิกฤตในครั้งนี้

"คุณพ่อ คุณแม่..."

ฉีหลานเอ่ยปากขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มใจดีของคุณนายฉี ฉีหลานจึงนั่งลงตรงข้ามกับพวกเขา

เธอเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่เล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้อาจจะดูใจร้ายเกินไปสำหรับคุณแม่ ดังนั้นเธอจึงไม่มีความกล้าพอที่จะจ้องตากับอีกฝ่าย

"หลานหลานมากินแอปเปิ้ล"

ฉีตานเหวินรู้จุดอ่อนของฉีหลาน แต่ฉีหลานจะยอมประนีประนอมหรือไม่นั้นเขาเองก็ไม่อาจมั่นใจได้เช่นกัน

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนเขาจึงเรียกคุณนายฉีเข้ามาด้วย

พอถึงตอนนั้นแม้ว่าฉีหลานจะไม่เห็นด้วยจริง ๆ เขาก็จะบอกเล่าเรื่องนี้ให้คุณนายฉีฟัง เขาเชื่อว่าฉีหลานผู้ซึ่งเชื่อฟังคำพูดของคุณแม่มาตลอด ในครั้งนี้ก็จะไม่ต่อต้านเช่นเดียวกัน

ฉีตานเหวินแสร้งทำเป็นพ่อผู้ใจดีทำให้ฉีหลานที่เดิมทียืนกรานจะพูดในสิ่งที่เธอต้องการกลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย

เพราะคุณแม่อยู่ที่นี่ด้วย ฉีหลานจึงไม่อาจปฏิเสธแอปเปิ้ลที่ฉีตานเหวินส่งมาให้

แต่เมื่อฉีหลานมองไปที่ฉีตานเหวินด้วยความประหลาดใจ ฉีตานเหวินก็ส่งสายตาบอกใบ้มาให้เธอ เธอถึงได้เข้าใจในที่สุด

ฉีหลานยังไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมา คุณนายฉีที่นั่งอยู่อีกด้านก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น : "หลานหลานหนูมีคู่แล้วเหรอ เรื่องน่ายินดีขนาดนี้ทำไมถึงไม่บอกแม่เลยล่ะ!"

ใบหน้าของฉีหลานเหนียมอาย เรื่องน่ายินดีงั้นเหรอ กับหยูซิงเหวินนับด้วยหรือเปล่า

บางทีสำหรับคุณแม่อาจเป็นเช่นนั้น เพราะมันหมายความว่าเธอจะไม่ถูกทิ้งไว้ที่บ้าน

แต่สำหรับฉีหลานในตอนนี้มันไม่ใช่ บอกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดยังฟังขึ้นเสียกว่า

“เพิ่งเริ่มคุยไม่นานเองค่ะคุณแม่ ดังนั้น... จึงไม่ได้เล่าให้ฟัง

เดิมทีฉีหลานอยากจะบอกกับคุณแม่ว่าเธอยังไม่ได้คบค้าสมาคมกันเลยด้วยซ้ำ

เพราะถ้าเป็นเช่นนี้การติดต่อกับหยูซิงเหวินก็อาจจะถูกเลื่อนออกไปอีก

แต่ทันทีที่เธอพูดถึงตรงนี้เธอก็ได้รับคำเตือนของฉีตานเหวินผ่านสายตาทันที ความหมายของแววตานั้นบอกเธอชัดเจนว่าอะไรที่ควรพูดและอะไรที่ไม่ควรพูด

จริง ๆ แล้ว เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตอนนี้การที่จะต่อต้านหรือไม่ต่อต้านนั้นมันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

เพราะตอนนี้เธอมีแค่ตัวเลือกเดียวเท่านั้น

เมื่อคุณนายฉีได้ยินว่าฉีหลานกำลังจะมีคนรักจริง ๆ เธอก็รีบซับถามเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาทันที

ตั้งแต่รู้จักกันได้อย่างไรจนถึงภูมิหลังของครอบครัว อีกทั้งยังถามว่าเขาคนนั้นปฏิบัติต่อฉีหลานดีหรือเปล่า ความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงไหนแล้ว จนถึงจะแต่งงานเมื่อไหร่...

ฉีหลานถูกคุณนายฉีเอ่ยถามจนรู้สึกมึนงงสับสนไปหมด เพราะฉีตานเหวินบอกกับฉีหลานว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นตัวเลือกเดียวเท่านั้นและเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้าน

ฉีหลานจึงไม่รู้ว่าจะตอบคำถามที่ถามอย่างละเอียดแบบนี้ยังไงดี

ในตอนแรกฉีหลานเอ่ยตอบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ลำดับเรื่องค่อนข้างวกไปวนมาและดูยุ่งเหยิง

คุณนายฉีรู้นิสัยของฉีหลานดี เธอไม่ใช่เด็กที่ชอบทำตัวลึกลับอะไร แต่ตอนนี้เธอกลับพูดจาติด ๆ ขัด ๆ แบบนี้ แปลว่าเธอกำลังมีปัญหาอะไรแน่นอน

บางทีเธออาจจะกำลังปกปิดเรื่องอะไรเอาไว้

ฉีตานเหวินอยู่กับคุณนายฉีมาตลอด เธอเป็นภรรยาของเขาที่อยู่ด้วยกันแทบจะทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลานานหลายสิบปีและเขาค่อนข้างเข้าใจเธอเป็นอย่างดี

หลังจากเห็นใบหน้าของคุณนายฉีเริ่มฉายแววสงสัย ฉีตานเหวินก็รู้ว่าไม่ควรปล่อยให้ฉีหลานเอ่ยพูดอะไรอีกต่อไป มิฉะนั้นสิ่งที่เธอพูดอาจจะไปขัดแย้งกับเรื่องราวก่อนหน้า

ดังนั้นเขาจึงทำหน้าที่ตอบคำถามโดยเฉพาะ เขาตอบคำถามทั้งหมดที่คุณนายฉีเอ่ยขึ้นมา บางครั้งถึงขนาดที่ว่าพูดอนุมานไปถึงเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย

เมื่อคุณนายฉีได้รู้เกี่ยวกับตัวตนของหยูซิงเหวินและอิทธิพลของตระกูลหยู อีกทั้งได้รับข้อความวีแชทจากฉีหลานว่าหยูซิงเหวินดีกับเธอมากเลยทีเดียว จึงทำให้คุณนายฉีรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

ส่วนเรื่องที่ฉีตานเหวินเอ่ยตอบคำถามทุกอย่างแทนฉีหลานและฉีหลานไม่ได้พูดขัดอะไร ดังนั้นคุณนายฉีจึงไม่ได้รู้สึกสงสัยเลยสักนิด

เพราะถึงอย่างไรคนรักของลูกสาวก็เป็นคนที่ฉีตานเหวินแนะนำให้รู้จัก ในฐานะบิดาผู้ให้กำเนิดอย่างเขาแล้วก็ย่อมเข้าใจในเรื่องพวกนี้ดี

ทั้งสามคนพูดคุยกันเป็นเวลานานจนกระทั่งคุณนายฉีเริ่มง่วง ฉีหลานจึงลุกขึ้นเพื่อเดินไปส่งอีกฝ่าย

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร ฉีตานเหวินก็เรียกพี่เลี้ยงทั้งสองคนให้พาคุณนายฉีกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนเสียก่อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง