“โอ้”
เสียงของฉีหลานราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความดูถูกดูแคลน ทำให้ฉีตานเหวินซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นพ่อที่ค่อนข้างมีเมตตามากแล้วถึงกลับรู้สึกโมโห
"อย่าทำให้เรื่องกลับตาลปัตรได้ไหม ที่ฉันทำทั้งหมดก็เพื่ออนาคตที่ดีของแก!"
ฉีตานเหวินพูดขึ้นด้วยความน่าเกรงขาม ถ้าหากไม่ใช่คนคุ้นเคยล่ะก็คงจะถูกเขาหลอกได้จริง ๆ
น่าเสียดายที่ฉีหลานรู้จักฉีตานเหวินเป็นอย่างดี ความโกรธของเขานั้นถูกเธอมองข้ามไปอย่างไม่คิดจะสนใจ
"ทำไมคุณถึงไม่บอกว่าเพื่อเงินล่ะ"
คำพูดของฉีหลานทำให้ฉีตานเหวินชะงักไปชั่วขณะ
ในตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่สามารถหักล้างคำพูดของเธอได้เลยสักนิด
ฉีตานเหวินเตรียมบทพูดเอาไว้มากมายเพื่อปราบปรามฉีหลานหากเธอคิดจะขัดขืนต่อต้าน
แต่ตอนนี้ฉีหลานได้พูดทุกอย่างออกมาตามความเป็นจริงแล้ว ทำให้คำพูดที่เขาเตรียมมานั้นไม่อาจยกเอามาใช้ได้เลย
“ถ้าแกไม่แต่งงานตระกูลหยูก็จะไม่ช่วยตระกูลฉีและตระกูลฉีก็จะล้มละลายอย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือครอบครัวที่ให้กำเนิดแกและเลี้ยงดูแกมาจนใหญ่โตไม่ใช่ศัตรูของแกเลยหลานหลาน หรือแกสามารถทนดูตระกูลฉีตกที่นั่งลำบากได้ล่ะ"
คำพูดทุกคำของฉีตานเหวินราวกับเป็นค้อนหนัก ๆ กระแทกลงที่หัวใจของฉีหลาน
เธอถามตัวเองในใจว่าเธอจะทนดูตระกูลฉีล้มละลายไปต่อหน้าต่อตาได้หรือเปล่า
แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงตกเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนของตระกูลฉี แต่ตอนนี้ความจริงทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
หากเสียสละความสุขของเธอไป ตระกูลฉีก็จะยังดำรงอยู่ต่อไป
หากรักษาความสุขของเธอเอาไว้ ตระกูลฉีก็จะบ้านแตกสาแหรกขาด
ฉีตาเหวินเห็นว่าฉีหลานกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ใจของเขาที่ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่นั้นรู้ว่าการบีบบังคับฉีหลานด้วยวิธีนี้มันโหดร้ายมากจริง ๆ
ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยจากนั้นเดินออกจากห้องหนังสือไป ทิ้งให้ฉีหลานใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ตามลำพัง
ฉีหลานนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เธอมองดูน้ำชาในถ้วยอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ในน้ำชามีฟองชาเล็กน้อยอยู่ด้านล่าง
ถ้าเปรียบตระกูลฉีเป็นน้ำชา สถานะของเธอก็มีความสำคัญน้อยกว่าฟองชาในถ้วยนี้เสียอีก
แต่ตอนนี้เธอซึ่งเป็นฟองชาที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบของตระกูลฉีกำลังจะกลายเป็นผู้กอบกู้ตระกูลฉีเอาไว้ ซึ่งนั่นมันทำให้เธอรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาจริง ๆ
สิบนาทีผ่านไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
จนกระทั่งสามชั่วโมงเต็มฉีหลานถึงเดินออกมาจากห้แงหนังสือ
พ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลฉีที่เฝ้าอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นฉีหลานเดินออกมาเขาก็ชำเลืองมองเธอเล็กน้อยและทันใดนั้นหัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ฉีหลานส่งออกมา
"คุณผู้หญิงครับ คุณ..."
พ่อบ้านคนนี้อยู่ที่บ้านตระกููลฉีมานานหลายสิบปี พูดได้ว่าเขาเห็นฉีหลานมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยล่ะ
เขาชอบฉีหลานที่้ฉลียวฉลาดคนนี้มาโดยตลอด แต่ทว่าหัวหน้าครอบครัวกลับพูดจาและปฏิบัติต่อฉีหลานที่เป็นเด็กผู้หญิงอย่างไม่ไว้หน้า
ดังนั้นในฐานะสุนัขที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเจ้านาย เขาจึงทำได้เพียงซ่อนความรักเอาไว้ในใจ
เขายังไม่ทันพูดจบฉีหลานก็โบกมือให้เขาหยุดก่อน
“ลุงอู๋ คุณพ่ออยู่ไหนคะ”
คำพูดของฉีหลานแฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ พ่อบ้านรู้สึกได้เพียงว่ามันค่อนข้างที่จะเย็นชา
"คุณท่านอยู่ที่ห้องนั่งเล่น กับ ... " พ่อบ้านยังพูดไม่จบฉีหลานก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วเสียก่อน
เขาจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดต่อจากนั้นลงไปดังเดิม
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าการทำเช่นนั้นดูเหมือนจะเป็นหลอกลวงฉีหลาน
ทันทีที่ฉีหลานเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ต้องตกตะลึงในทันที
ฉีตานเหวินอยู่ในห้องนั่งเล่นจริง ๆ เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับถือมีดในมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งถือแอปเปิ้ลที่ปอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และข้าง ๆ เขานั้นเป็นคุณแม่ของฉีหลานที่นั่งอยู่
เธอถือส้อมเอาไว้ในมือและบนส้อมนั้นมีแอปเปิ้ลที่ฉีตานเหวินเพิ่งปอกเปลือกเสร็จ
เมื่อเห็นฉีหลานปรากฏตัวฉีตานเหวินจึงเอ่ยทักขึ้น
“หลานหลานมานั่งเร็ว!”
ท่าทางของพ่อที่ใจดีแปลก ๆ ทำให้คุณนายฉีที่ไม่เคยสนใจเรื่องราวในครอบครัวรู้สึกปลื้มใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างฉีหลานและฉีตานเหวินนั้นค่อนข้างที่จะเย็นชาและไม่สนใจกันมาโดยตลอด
สิ่งนี้ทำให้คุณนายฉีที่อยู่ตรงกลางระหว่างความสัมพันธ์รู้สึกลำบากใจมาก
แต่ทว่าเธอกลับไม่รู้ถึงวิกฤตของตระกูลฉีและเธอก็ไม่รู้ว่าฉีหลานต้องกลายเป็นผู้กอบกู้วิกฤตในครั้งนี้
"คุณพ่อ คุณแม่..."
ฉีหลานเอ่ยปากขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มใจดีของคุณนายฉี ฉีหลานจึงนั่งลงตรงข้ามกับพวกเขา
เธอเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่เล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้อาจจะดูใจร้ายเกินไปสำหรับคุณแม่ ดังนั้นเธอจึงไม่มีความกล้าพอที่จะจ้องตากับอีกฝ่าย
"หลานหลานมากินแอปเปิ้ล"
ฉีตานเหวินรู้จุดอ่อนของฉีหลาน แต่ฉีหลานจะยอมประนีประนอมหรือไม่นั้นเขาเองก็ไม่อาจมั่นใจได้เช่นกัน
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนเขาจึงเรียกคุณนายฉีเข้ามาด้วย
พอถึงตอนนั้นแม้ว่าฉีหลานจะไม่เห็นด้วยจริง ๆ เขาก็จะบอกเล่าเรื่องนี้ให้คุณนายฉีฟัง เขาเชื่อว่าฉีหลานผู้ซึ่งเชื่อฟังคำพูดของคุณแม่มาตลอด ในครั้งนี้ก็จะไม่ต่อต้านเช่นเดียวกัน
ฉีตานเหวินแสร้งทำเป็นพ่อผู้ใจดีทำให้ฉีหลานที่เดิมทียืนกรานจะพูดในสิ่งที่เธอต้องการกลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย
เพราะคุณแม่อยู่ที่นี่ด้วย ฉีหลานจึงไม่อาจปฏิเสธแอปเปิ้ลที่ฉีตานเหวินส่งมาให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง