โซ่รักใยพิศวาส นิยาย บท 14

ภายในห้างสรรพสินค้าพารากอน

ราซิเอลโล่เพิ่งค้นพบความสุขใจ ความอิ่มใจก็วันนี้ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน เขารู้สึกห่วงใย หวงแหนยศนัยมาก และเกิดความเป็นห่วงต่างๆ นานา วันที่เขาอุ้มยศนัยเดินเข้าเดินออกร้านต่างๆ ภายในห้าง ข้าวของที่เขาซื้อให้ยศนัยล้วนแล้วแต่มีราคา เสื้อผ้ามียี่ห้อที่ชุดหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันบาท รองเท้าก็เช่นกันไม่หนีหลักพัน ส่วนของเล่นราซิเอลโล่ซื้อให้เต็มที่ ราคาเท่าไหร่เท่ากัน ทว่ายศนัยกลับเลือกราคาของเล่นหลักร้อย เลือกของเล่นที่ตนชอบคือ รถไฟลางและหุ่นยนต์ยางไดโนเสาร์ สองอย่างรวมกันราคาไม่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยบาท

มีหลายเรื่องที่ราซิเอลโล่เพิ่งรู้จากชุติมา หล่อนเล่าให้เขาฟังเรื่องความลำบากของเพชรหอมที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ยศนัยเป็นเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ ซนตามประสาเด็ก จะมีอยู่เรื่องเดียวที่สร้างความปวดหัวให้เพชรหอมเนืองๆ นั่นคือความใจร้อน ยศนัยมีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายครั้ง เรื่องที่มีปัญหากันคือเรื่องการล้อเลียน ยศนัยถูกล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อบ่อยๆ จึงเกิดอาการทนไม่ไหว ต่อยหน้าเพื่อนจนจมูกหัก เพชรหอมต้องจ่ายค่าเสียหายให้อีกฝ่ายหลายหมื่นบาท ราซิเอลโล่รู้สึกผิดขึ้นมาทันใด เป็นเพราะเขาเองที่ทำให้ลูกชายต้องมีปัญหากับเพื่อน นำพาซึ่งความเดือดร้อนมาให้เพชรหอม

และมีอีกเรื่องที่ราซิเอลโล่แปลกใจคือ เรื่องภาษาของยศนัย เพชรหอมได้สอนภาษาอังกฤษและอิตาเลี่ยนให้ยศนัยตั้งแต่เด็ก ทำให้ยศนัยพูดได้สามภาษาคือ ภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาแม่ ภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลและภาษาอิตาเลี่ยน

การใช้ภาษาอังกฤษกับภาษาอิตาเลี่ยนของยศนัยดีในระดับหนึ่ง แต่จะเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาอิตาเลี่ยนที่พูดได้ยากกว่า แม้ว่ายศนัยจะเขียนและอ่านทั้งสองภาษาไม่คล่องเพราะยังเด็กอยู่ แต่สามารถสื่อสารได้ตามความเข้าใจ เขาจึงสื่อสารกับยศนัยเป็นภาษาอังกฤษ

“ฮาร์ทอยากกินไอติมไหมครับ กินติมเสร็จลุงจะพาไปดูโลกใต้น้ำ” ราซิเอลโล่บอกเด็กชายที่ตนอุ้ม โปรแกรมที่เขาตั้งใจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากเดิมที่จะพายศนัยไปเที่ยวคิดส์ซาเนียเพียงอย่างเดียว แต่พอเสิร์จหาข้อมูลดูจึงรู้ว่า มีโลกใต้น้ำอีกแห่งที่น่าสนใจ เขาจึงตัดสินใจพาลูกชายไปทั้งสองที่ แต่จะไปดูโลกใต้น้ำก่อน

“อยากกินฮะ”

“งั้นไปกันเลยครับ” การพูดคุยของสองพ่อลูก ชุติมาจะเป็นคนแปลให้ภมรกับเจ๊แมวรับรู้ด้วย

“ฉันว่าให้ฮาร์ทเดินเองดีกว่าค่ะ คุณอุ้มฮาร์ทมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว” ชุติมาเตือนด้วยความหวังดี ก่อนบอกยศนัย “ฮาร์ทลงเดินดีไหมลูก คุณลุงอุ้มเมื่อยแย่แล้ว”

ยศนัยทำท่าไม่ยอม เด็กชายส่ายหัวช้าๆ ก่อนกอดคอราซิเอลโล่และซบลงบนบ่า ตลอดระยะเวลาที่เด็กชายถูกราซิเอลโล่อุ้ม ยศนัยไม่แสดงทีท่าอิดออดหรือไม่ชอบ ทั้งที่เด็กชายเป็นคนซุกซนชอบเดินและวิ่งเล่นมากกว่า เรื่องนี้จึงนำความแปลกใจมาให้ชุติมา ภมรและเจ๊แมว

“ไม่เป็นไรครับ ผมอุ้มได้ ผมอยากอุ้มด้วย” ราซิเอลโล่ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เดี๋ยวค่อยปล่อยให้แกไปเที่ยวโลกใต้น้ำ”

“ค่ะ ตามใจคุณค่ะ”

ทั้งห้าชีวิตพากันเดินไปยังร้านไอศกรีมที่อยู่อีกชั้นหนึ่ง ระหว่างที่ทานไอศกรีมภาพที่ภมร ชุติมาและเจ๊แมวเห็น เป็นภาพที่ทั้งสามบรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แต่ที่บอกได้คือ เป็นภาพอันแสนน่ารัก คล้ายพ่อกับลูกกำลังยอกล้อเล่นกัน

ราซิเอลโล่ทำท่าป้อนไอศกรีมให้ลูกชาย แต่ก็ชักมือกลับนำมาใส่ปากตนเองแล้วยิ้ม ยศนัยทำหน้ามุ่ยตักไอติมเข้าปาก เมื่อราซิเอลโล่เห็นหน้าลูกชายจึงป้อนไอศกรีมให้ คราวนี้ยศนัยแกล้งชายหนุ่มอิตาเลี่ยนบ้าง เด็กชายทำทีจะป้อนของหวานให้เขา แต่ก็ชักมือกลับเข้าปากตัวเอง ก่อนหัวเราะชอบใจ เมื่อเห็นอาการอ้าปากค้างของราซิเอลโล่ เรียกรอยยิ้มให้คนที่มองเช่นกัน

พวกเขาใช้เวลาทานของเย็นราวสี่สิบห้านาที ทั้งหมดจึงพายศนัยไปสัมผัสโลกใต้ทะเล (Sea Life Bangkok Ocean World) โดยทางเข้าจะอยู่บริเวณชั้นชั้น B1-B2 ของตัวห้าง เมื่อจัดการเรื่องซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย ยศนัยได้สัมผัสและเรียนรู้โลกใต้ทะเลที่แน่นอนว่า ยศนัยไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ภายในโลกใต้ทะเลแบ่งเป็นหลายโซน เริ่มตั้งเเต่โซนโพรงหินอำพราง บ้านของสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ดีอย่าง ปู แมงมุมยักษ์ เเละปลาหมึกยักษ์ ต่อมาด้วยการสำรวจเเนวปะการัง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลถึง 1 ใน 4 เลยทีเดียว ในโซนนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับปะการัง พร้อมบอกเล่าภัยคุกคามที่ปะการังต้องเผชิญ นอกจากโซนใต้ทะเลเเล้วที่นี่ก็มีโซนป่าดิบชื้น ที่ขึ้นชื่อว่ารวมเอาระบบนิเวศไว้อย่างหลากหลายที่สุดในโลก เป็นโซนที่เราจะได้สัมผัสกับพืชเเละสัตว์จากป่าดิบชื้นจากทั่วโลกทั้งสัตว์น้ำเเละสัตว์เลื้อยคลาน มีการนำสัตว์น้ำมาให้ลองสัมผัสกันด้วยทั้ง ปลาดาว ปลิงทะเล โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าในส่วนนี้สามารถทดลองจับเพื่อเรียนรู้ได้

ยศนัยดูจะตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ที่เห็น สัตว์บางประเภทเด็กชายเกิดกความกลัวตามประสา โดยเฉพาะปลาหมึกยักษ์และงูที่ดูเหมือนว่า ยศนัยจะไม่อยากมองมันสักเท่าไหร่ ราซิเอลโล่จึงพาบุตรชายและอีกสามคนไปยังโซนถัดไปที่มีชื่อว่า มหาสมุทรเขตร้อน ที่รวมเอาสัตว์ที่อาศัยบริเวณมหาสมุทรเขตร้อนมาจัดเเสดงไม่ว่าจะเป็น ฉลามหัวค้อน พะยูน เต่ามะเฟือง

“โห ดูสิฮะ ปลาตัวเบ้อเริ่มเลย”

ยศนัยชี้ให้ราซิเอลโล่ที่จูงมือลูกชายตลอดเวลาดูปลาฉลามหัวค้อน สีหน้าและแววตาของยศนัยบ่งบอกถึงความสุขและความสนุก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส