โซ่รักใยพิศวาส นิยาย บท 32

ณ โรงพยาบาล

“กระดูกไม่หักหรือแตกนะครับ เท้าแค่แพลงอย่างเดียว ไม่ต้องเข้าเฝือกครับ” นายแพทย์ผู้ให้การรักษาราซิเอลโล่บอกเพชรหอม หลังจากดูผลเอ็กซเรย์ขา “ผมจะให้ยาทากับยากินไปนะครับ ไม่กี่วันก็หาย ส่วนรอยช้ำไม่กี่วันก็จางครับ”

“ไม่เป็นอะไรแน่นะคะคุณหมอ” เพชรหอมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

“ครับ ไม่เป็นอะไรมาก เป็นแค่ที่ผมบอกครับ”

“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”

นายแพทย์วัยกลางคนยิ้มให้เพชรหอมที่ก้าวเดินออกไปจากห้องตรวจ เดินไปยังอีกห้องหนึ่งที่ราซิเอลโล่กำลังนั่งให้พยาบาลพันข้อเท้า แล้วเสร็จเขาก็ถูกเข็นออกมาจากห้องดังกล่าว ลงไปอีกชั้นหนึ่งเพื่อรับยา

“คุณเอลโล่เป็นไงบ้างเพ้นท์” ภมรที่ตามมาดูอาการราซิเอลโล่หลังจากทราบเรื่องเอ่ยถาม

“เท้าแพลงค่ะ แล้วก็มีช้ำจากการกระแทก” เพชรหอมตอบ

“คุณเอลโล่เจ็บตัวเพราะเพ้นท์อีกแล้ว” ภมรกำลังสื่อความหมายบางอย่างให้เพชรหอม “พี่เข้าความรู้สึกของเพ้นท์นะ แต่พี่ก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณเอลโล่อีก เท่าที่พี่ดู คุณเอลโล่สำนึกผิดแล้ว ถ้าเผื่อเพ้นท์ให้คุณเอลโล่ทำโน่นทำนี่อีก เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีกล่ะก็ พี่กลัวว่าครั้งหน้าจะเป็นเคราะห์ใหญ่นะ”

“พี่นายพูดอย่างนี้หมายความว่าจะให้เพ้นท์ยกโทษให้คุณเอลโล่ใช่ไหมคะ”

“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นทั้งหมด พี่แค่อยากให้เพ้นท์ดูพฤติกรรมเขาไปเรื่อยๆ เมื่อมั่นใจว่า เขาพร้อมที่จะเป็นสามีและพ่อที่ดีได้เมื่อไร่ เพ้นท์ค่อยยกโทษให้เขา”

เพชรหอมทำหน้าครุ่นคิด คำพูดของภมรมีส่วนถูก ราซิเอลโล่สำนึกผิดในเรื่องที่ตนทำลงไป และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้หล่อนเห็นว่า เขาสำนึกผิดจริงๆ และอยากลบล้างความผิดของตน ทว่าความเจ็บปวดของหล่อนนั้นมีมาก ยาวนานหลายปี ราซิเอลโล่ทำดีไม่วันจะลบล้างความผิดทั้งหมดได้งั้นหรือ จะชดเชยความเจ็บปวดเสียใจที่ตนได้รับหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ นอกจากเพชรหอมคนเดียว

“เพ้นท์จะคิดดูค่ะ” เพชรหอมตอบกึ่งรับกึ่งสู้

“พี่คนนอก ทำได้แค่เตือน พี่อยากเห็นเพ้นท์มีความสุข อยากเห็นฮาร์ทได้สัมผัสครอบครัวที่อบอุ่น ฮาร์ทมีพ่อนะ พี่อยากให้ฮาร์ทได้รู้จักพ่อของเขา ไม่ใช่รู้จักในนามคำว่าลุง พี่รู้ว่าเพ้นท์รู้สึกยังไงกับคุณเอลโล่ ลดทิฐิ แล้วเปิดใจ เริ่มต้นกันใหม่ก็ยังไม่สายนะ” ภมรฝากแง่คิด “เขาเรียกรับยาแล้ว พี่ไปเอายาให้นะ แล้วพาคุณเอลโล่ไปส่งโรงแรมอยู่ดูแลเขาที่นั่นไปเลยเพราะคุณเอลโล่เจ็บตัวเพราะเพ้นท์ แล้วไม่ต้องห่วงฮาร์ท พี่กับชุจะรับหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กเอง”

ภมรไม่ได้เข้าข้างราซิเอลโล่ เขาอยากเห็นเพชรหอมกับยศนัยมีความสุข ไม่ต้องการให้หล่อนลำบากเลี้ยงลูกตามลำพังทั้งที่พ่อของลูกร่ำรวย อีกทั้งยังอยากให้ยศนัยได้รู้จักพ่อของตัวเอง

“ขอบคุณค่ะพี่นายที่เป็นห่วงเพ้นท์และคอยเตือนเพ้นท์ เพ้นท์จะเก็บไปคิดดูนะคะ”

ภมรไม่ได้พูดอะไร เดินไปรับยาแล้วกลับมาที่เดิม เดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นรถวีลแชร์ที่มีร่างราซิเอลโลนั่งอยู่ โดยมีเพชรหอมเดินประกบไปยังลิฟต์โดยสารเพื่อไปยังชั้นล่างของโรงพยาบาล

ภมรส่งเพชรหอมกับราซิเอลโล่ขึ้นรถแท็กซี่ ก่อนจะขึ้นอีกคันหนึ่งเพื่อกลับห้องเช่า ระหว่างทางเขานึกถึงเพชรหอมกับมาเฟียหนุ่ม นั่งคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้เพชรหอมใจอ่อน เพราะดูท่าทางแล้วหล่อนใจแข็งไม่เบา

คิด...คิด...คิด...ปิ๊ง!

หัวสมองเขาเหมือนสวิสซ์ไฟที่ถูกเปิด งานนี้ต้องมีตัวช่วย และต้องเป็นตัวช่วยที่จะทลายกำแพงในหัวใจเพชรหอมให้พังครืน บุคคลนี้จะเป็นใครไปได้เล่า หากไม่ใช่ยศนัย กาวใจชั้นเลิศ

ณ โรงแรมมิราเคิล

พนักงานของโรงแรมต่างพากันมองไปยังร่างของราซิเอลโล่ที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ของทางโรงแรม ที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และต่างพากันซุบซิบกับความสนิทสนมของเพชรหอมและคนเท้าแพลง เนื่องจากมีข่าวลือว่า ราซิเอลโล่ติดพันเพชรหอม เขาจึงไม่ได้เดินทางกลับอิตาลีพร้อมนานโอ ที่เดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนเมื่อเช้านี้

เพชรหอมเข็นรถวีลแชร์ฝ่าสายตาและคำติฉินนินทาของเพื่อนพนักงานไปยังลิฟต์โดยสารที่จะนำพาหล่อนและราซิเอลโล่ขึ้นไปชั้นที่ต้องการ เมื่อเข้ามาในห้องพัก เพชรหอมได้เข็นรถวีลแชร์เข้าไปในห้องนอน คนตกต้นไม้ไม่รอช้าแปลงร่างเป็นคนขี้อ้อนทันที

“ฉันเหนียวตัวมากเลย วันนี้ล้างห้องน้ำด้วย ตัดกิ่งไม้ด้วย เหงื่อโทรมตัว อยากอาบน้ำ” เสียงเขาดังขึ้น มองหน้าหล่อนตาหวานฉ่ำ

“อยากอาบน้ำก็อาบสิคะ”

“อาบให้หน่อยสิ”

“ทำไมฉันต้องอาบให้คุณด้วย คุณเท้าแพลงนะไม่ใช่เป็นง่อยถึงอาบน้ำเองไม่ได้” หล่อนเสียงเขียวใส่ ทว่าใจเต้นแรง

“ก็ฉันเจ็บมือด้วยนี่นา ตอนตกต้นไม้ฉันเอามือกระแทกทรายด้วย มันคงซ้นกำไม่ได้แล้วก็ปวดด้วย” เขาไหลลื่นได้ต่อ “เท้าก็แพลง มือยังมาซ้นอีก เจ็บตัวไม่พอต้องมาเสียใจที่ไม่มีคนดูแลอีก ชีวิตหนอชีวิต ไม่ต้องอาบน้ำมันแล้ว นอนดมกลิ่นเหงื่อไคลเลยก็ได้”

ราซิเอลโล่พูดราวกับว่าน้อยอกน้อยใจในชีวิต เสียงเขาเศร้า ใบหน้าก็เศร้าตามไปด้วย เขาพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยการลงน้ำหนักตัวด้วยเท้าข้างที่ไม่แพลง เพชรหอมเห็นแล้วสงสารก็สงสาร หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ ยังไม่ทันที่หล่อนจะเอ่ยคำใด เสียงของเขาก็ดังขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส