“หน้าของเขา……”
ไม่รอให้วารุณีถามเสร็จ มารุตก็รีบส่งสายตาให้เธอ สื่อให้เธอหยุดลง
วารุณีเข้าใจแล้ว จึงพยักหน้า แล้วหุบปาก
ทั้งสามคนมาที่ชั้นธุรกิจ มารุตวางพงศกรไว้ตรงที่นั่ง วารุณีก้มหน้าลงคาดเข็มขัดนิรภัยให้เขา
คาดเสร็จ จึงมองมารุตแล้วถามใหม่“ผู้ช่วยมารุต หน้าของพงศกรเป็นอะไรกันแน่ แล้วก็ประธานนัทธี พวกเขาคงไม่ได้ตีกันใช่ไหมคะ?”
มารุตถอนหายใจพยักหน้า“คุณพูดถูกครับ”
วารุณีลูบขมับ รู้สึกว่าตัวเองปวดหัวหน่อยๆ“ทำไมล่ะ?”
มารุตมองเธอด้วยสายตาซับซ้อน ข้างในใจไม่พอใจ:ทำไม ก็ไม่ใช่เพราะคุณหรือไง
คุณหมอพงศกรเข้าไปชั้นหนึ่ง ก็เตือนประธานนัทธีว่าอย่าเข้าใกล้คุณวารุณี ประธานนัทธีเลยไม่ไว้หน้าคุณหมอพงศกร จากนั้นคุณหมอพงศกรเผยธาตุแท้ออกมา ปล่อยหมัดไปที่ประธานนัทธี ประธานนัทธีโต้กลับไปได้ ทั้งสองคนเลยตีกันขึ้นมา
จนกระทั่ง เครื่องบินตกหลุมอากาศ ไม่มั่นคง ทำให้คุณหมอพงศกรที่เดิมทีเมาเครื่องบินอยู่แล้วหมดสติไป จากนั้นการตีกันครั้งนี้เลยหยุดลง จากนั้นประธานนัทธีก็ไปที่ชั้นธุรกิจอย่างกังวล
ก็แค่พวกนี้ ประธานนัทธีกำชับเขาไว้แล้วว่า ห้ามพูดออกไป
รวบรวมความคิดแล้ว มารุตจึงดันแว่น ตอบไปว่า“ไม่มีอะไรใหญ่โตหรอกครับ ทั้งสองคนแค่ขัดแย้งกันเล็กน้อย”
“ขัดแย้งกันเล็กน้อย?”วารุณีกำฝ่ามือ“ระหว่างพวกเขามีอะไรให้ขัดแย้ง?”
“โอ้ยคุณวารุณี คุณอย่าถามเลย ผมกลับไปก่อนนะ”มารุตตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
วารุณีเห็นเขาไม่ยอมพูด ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ว่าก็หยุดความคิดที่จะรู้ให้ได้ เอาไข่ไก่ยื่นให้เขา
มารุตมองไข่ไก่ในมืออย่างตะลึงงัน“อันนี้ให้ผมทำไมครับ?”
“ไม่ได้ให้คุณค่ะ ให้ประธานนัทธี ฉันเพิ่งประคบหน้าให้เขาไป แต่ประคบได้ไม่นาน คุณเอากลับไปประคบให้เขาต่อ ไม่งั้นพรุ่งนี้ความฟกช้ำที่ใบหน้าได้หนักขึ้นแน่”วารุณียกมุมปากขึ้นแล้วอธิบาย
มารุตพยักหน้าอย่างเข้าใจทันที“ผมเข้าใจแล้ว งั้นผมไปแล้วนะ”
พูดจบ เขาก็โบกมือ หยิบไข่ไก่กลับไปชั้นหนึ่ง
หลังจากเขาไป วารุณีจึงก้มหน้าไปมองพงศกร
ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า นี่ก็เป็นคนที่ต้องการประคบหน้าด้วย แต่เธอไม่มีไข่ไก่แล้ว
“ขอโทษนะพงศกร พอถึงโรงแรม ฉันจะให้โรงแรมเอาน้ำแข็งมาประคบให้คุณ”วารุณีบิดนิ้วเป็นเกลียว พูดอย่างรู้สึกขอโทษ
พงศกรไม่เคลื่อนไหว และก็ไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่
สามชั่วโมงถัดมา เครื่องบินค่อยๆลงจอดอย่างช้าๆ
วารุณีเขย่าพงศกรเพื่อปลุก
พงศกรตื่นขึ้นมา เวียนหัวตาลาย เกือบจะอาเจียน
แต่ดีที่เขาควบคุมตัวเองได้ดี กัดฟันแน่นระงับความรู้สึกคลื่นไส้ที่หน้าอก ไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา
แต่พอลงจากเครื่องบิน เขาก็ทนไม่ไหว อาเจียนไปที่ถังขยะ
วารุณีเปิดขวดน้ำ รอเขาอาเจียนเสร็จ ก็เอาน้ำกับทิชชูยื่นไปให้
สีหน้าพงศกรซีดขาวเล็กน้อย รีบน้ำกับกระดาษทิชชูมา ขอบคุณด้วยเสียงอ่อนแรง
วารุณีมองเขาอย่างตลกหน่อยๆ“ครั้งนี้ทำไมเมาเครื่องบินแรงขนาดนี้ล่ะ เมื่อก่อนไม่เคยเป็นขนาดนี้เลย”
พงศกรบ้วนปาก“เมื่อก่อนกินยาแก้เมา ครั้งนี้ลืมน่ะ”
“เหรอ งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อยา ตอนกลับจะได้ไม่ลืม”วารุณีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ตัดสินใจทันที
พงศกรก็หัวเราะ“โอเค แต่ว่าวารุณี ต่อไปผมอาจจะต้องรบกวนคุณช่วยพยุงผมหน่อย ตอนนี้ผมไม่มีแรงเลย”
“ฉันรู้แล้ว”วารุณีถือกระเป๋าดีแล้ว เข้าไปประคองแขนเขาเอาไว้ พาเขาเดินไปที่ทางเดิน
แต่ตอนที่เดินออกจากสนามบิน วารุณีกลับเดินช้าลง มองซ้ายมองขวา เหมือนกำลังหาอะไร
พงศกรตระหนักได้ว่า ในสายตาลึกๆแล้วมีความเกลียดชังแอบแฝง ที่ปากกลับพูดไปอย่างอ่อนโยนว่า“วารุณี หาอะไรเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...