“พอไหวค่ะ”วารุณีดึงผ้าห่มออก กัดฟันขยับขา พยายามจะลุกลงจากเตียง
ทันทีที่ขาของเธอเหยียบลงบนพื้น ก็เสียดเข้ากับอะไรบางอย่าง ขาทั้งสองข้างถึงกับอ่อนแรง และกำลังจะล้มลงกับพื้น
ในตอนนี้เอง นัทธีโน้มตัวลงแล้วเหยียดแขนเข้ามาหา ช้อนร่างของเธออุ้มขึ้นมา “พอแล้ว ผมอุ้มคุณไปห้องน้ำเอง ”
วารุณีไม่ได้ขัดขืน โอนอ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟัง
นัทธียกยิ้มมุมปาก แล้วอุ้มเธอเดินไปที่ห้องน้ำ
หลังจากชำระร่างกายทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองพากันลงไปชั้นล่าง ไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า
เด็กทั้งสองคนเองก็อยู่ที่ห้องอาหารและกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ พอเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ก็เอ่ยทักทายเสียงใส“ คุณพ่อ หม่ามี๊ อรุณสวัสดิ์ครับ/ค่ะ ”
“อรุณสวัสดิ์จ้า”วารุณีเดินเข้าไปหา แล้วลูบที่ศีรษะของเด็กทั้งสองคน
นัทธีตอบอืมกลับด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนมาคำหนึ่ง ดึงเก้าอี้ออกให้ตัวเองและเผื่อวารุณีด้วยจากนั้นก็นั่งลง
ป้าส้มนำอาหารเช้าของคนทั้งสองมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ
วารุณีหยิบผ้าเช็ดปากวางไว้บนตัก หยิบมีดและส้อมขึ้นมา หั่นไข่ไปด้วย แล้วพูดขึ้นว่า“เออนัทธี ฉันมีเรื่องที่ต้องบอกคุณ ”
“เรื่องอะไร?”นัทธียกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ
วารุณีตักไข่ชิ้นหนึ่งเข้าปาก หลังจากที่กลืนแล้ว ก็จึงได้พูดขึ้นว่า “วันนี้คุณแม่ท่านกลับมาแล้ว”
“เรื่องคดีเหรอ?”นัทธีวางถ้วยกาแฟลงแล้วมองมาที่เธอ
วารุณีพยักหน้า “ใช่ค่ะ สุภัทรเขาจะสู้คดี แม่ก็จะสู้กับเขาด้วย”
“พอมีโอกาสไหม ?”นัทธีหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นแล้วเช็ดไปที่มุมปาก
วารุณียิ้มแล้วตอบกลับ “มีค่ะ”
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง เพื่อแสดงให้รู้ว่ารับทราบแล้ว แล้วพูดต่อว่า“งั้นผมให้ป้าส้มเตรียมห้องพักให้ห้องหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ!”วารุณีรู้ ว่าเขาอยากจะเตรียมห้องให้วรยา จึงรีบโบกมือปฏิเสธทันที “ให้คุณแม่ท่านพักที่คอนโดก็ได้ค่ะ”
วรยาไม่ชอบที่เธอคบหากับนัทธี หากต้องมาพักอยู่ที่นี่ คงต้องโวยวายแน่
เธอเองก็ไม่อยากที่จะต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างแม่กับแฟนตัวเอง จะเข้าข้างใครก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำทั้งนั้น มันเหนื่อย ดังนั้นแยกกันอยู่น่าจะดีกว่า
อารัณไม่รู้ว่าในใจของวารุณีกำลังคิดอะไร ดื่มนมอยู่ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า“หม่ามี๊ทำไมไม่ให้คุณยายมาอยู่กับเราล่ะครับ ? ”
“จริงด้วยค่ะหม่ามี๊” ไอริณกะพริบตาปริบๆ ถามออกมาด้วยความสงสัยเช่นกัน
แม้แต่ตัวนัทธีเองก็มองมาที่เธอ
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของพ่อและลูกๆ วารุณีก็รู้สึกกดดันอย่างมาก เธอคลึงไปที่หว่างคิ้วแล้วตอบว่า“ เพราะคุณยายชอบความเงียบสงบ”
“เหรอครับ?”เห็นชัดว่าอารัณไม่เชื่อ
นัทธีก็ยิ่งไม่เชื่อ
วรยาที่เขาเห็น ไม่ใช่คนที่ชอบความเงียบสงบ
วารุณีรู้ว่าคำตอบของเธอนั้นก็ไม่ได้ถูกเสียทั้งหมด หลุบตาลงต่ำ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดเสียดื้อๆ “ก็ใช่นะสิลูก พอแล้ว ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว กินข้าวกันเร็ว กินเสร็จแล้วจะได้ไปโรงเรียนกัน ”
ในขณะที่พูด เธอก็แบ่งไข่ในจานของตัวเองออกครึ่งหนึ่ง แล้วแยกใส่จานให้กับลูกทั้งสองคน เพื่อแสดงให้รู้ว่าหยุดพูดได้แล้ว
เด็กทั้งสองคนต่างก็เชื่อฟัง ไม่ได้ถามอะไรต่อ กินอาหารเช้าต่ออย่างว่าง่าย
มีเพียงนัทธีเท่านั้นที่ชำเลืองมองวารุณีอย่างสื่อความหมาย ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงคัดค้านที่จะให้วรยาเข้ามาพักที่นี่
แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากอะไร คิดเพียงว่ามันคงเป็นเรื่องระหว่างแม่ลูกของพวกเธอ ดังนั้นเพียงไม่นาน เขาก็สลัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวสมอง ยกกาแฟขึ้นจิบอย่างผ่อนคลาย
หลังจากเสร็จสิ้นมื้อเช้า ทั้งสองคนก็พาเด็กน้อยออกจากบ้านไป
ส่งลูกทั้งสองคนไปโรงเรียนอนุบาล นัทธีก็ไปส่งวารุณียังที่ทำงาน จากนั้นถึงได้ขับรถไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
“วารุณี มีข่าวดี!”ทันทีที่วารุณีเดินเข้ามาในที่ทำงาน ปาจรีย์ก็มาต้อนรับด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...