หลังจากนั้น เธอก็จดที่อยู่ เขียนไว้บนกระดาษแผ่นหนึ่ง หลังจากนั้นก็วางสาย
มองไปที่ที่อยู่ที่เขียนไว้บนกระดาษ มือของปาจรีย์นั้นสั่น
เธอจะไม่ฉันแบบนี้ได้ยังไง?
จะทำยังไงถึงจะทำให้หัวใจนั้นไม่มีคลื่น
ใช่ที่สุด กระดาษแผ่นนี้ คือกุญแจที่จะทำให้เธอลืมพงศกร
คิดอยู่ ปาจรีย์ก็กำกระดาษแน่น แล้วหลับตาลง รกายของเธอมีลมหายใจที่เศร้าโศกและโล่งใจ
พงศกร ฉันตัดใจจากคุณแล้ว แล้วปล่อยตัวเองแล้วเหมือนกัน
สิบกว่าปีมานี้ ฉันรักเขามาตลอด รักจนสูญเสียตัวเอง รักเขารักจนไม่มีศักดิ์ศรี รักเขารักจนแทบจะบ้า
เขารู้สึกขยะแขยง ทำไมหัวใจเธอถึงจะไม่เจ็บนะ ?
แต่เธอไม่ได้เรามาเอง ไม่ได้ออกมาจากความสัมพันธ์นี้ คือเอาตัวเองเข้าไปในตะข่าย จะหลุดพ้นมาไม่ได้
เพราะฉะนั้นความจริงแล้วเธอก็อย่างนี้เอามาเหมือนกัน แต่หาทางไม่เจอ
แต่วันนี้ เธอทำได้เพียงใช้วิธีสุดโต่งนี้ มาทำให้หลุดพ้นจากพัฒนาการทางอารมณ์นี้ ปลดปล่อยตัวเอง และปลดปล่อยเขา
ดังนั้นพงศกร ฉันไม่รักคุณแล้ว
“พงศกร ฉันไม่รักคุณแล้ว” ปาจรีย์ลืมตาขึ้น ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้ม
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น ตอนที่เธออ้างว่าเธอจะออกไปเดินเล่น เธอก็เดินเข้าไปในคลินิกสะกดจิตที่เธอติดต่อไว้เมื่อวานคนเดียว
เมื่อเธอออกมาจากข้างใน อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ตอนที่เธอเดินเข้าไป สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความ อารมณ์รอบตัวเธอก็หนักอึ้งและเศร้า
แต่ตอนนี้แม่ออกมาแล้ว สีหน้าเธอมีแต่รอยยิ้ม บรรยากาศรอบตัว ก็เปลี่ยนไปมีแต่ความสดใสเช่นเดียวกัน
ถ้าเธอบอกว่า ปาจรีย์คนก่อนที่เข้าไป เป็นคนที่ได้รับการบาดเจ็บจากอารมณ์ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีตัวตน เรากลับว่าเป็นคนที่สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว
แต่ปาจรีย์คนปัจจุบัน คือคนที่ไม่เคยได้รับความเจ็บปวดทางอารมณ์มาก่อน แล้วตาคือคนที่มีแต่ความสดใส
สรุปได้ว่า ถ้าหากตอนนี้ปาจรีย์ไปยืนอยู่ตรงหน้าของคุณพ่อประสิทธิ์และคุณแม่ปารวี คุณพ่อประสิทธิ์และคุณแม่ปารวีจะต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน วันนี้คือลูกสาวของพวกเขา
เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อปาจรีย์กลับถึงบ้าน ก็เห็นรอยยิ้มบนหน้า ราวกับว่าไม่เคยพบกับความล้มเหลวมาก่อน ทั้งคู่ตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น?” คุณแม่ปารวีที่ถือตะหลิวอยู่ ก็ตกใจแล้วมองคุณพ่อประสิทธิ์
คุณพ่อประสิทธิ์มองปาจรีย์ แล้วส่ายหัว “ไม่รู้สิ”
“แหละ ทำไมปาจรีย์ถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ล่ะ?เปลี่ยนเป็นคนที่สดใสขนาดนี้?เหมือนตอนที่เธอเป็นเด็ก” คุณแม่ปารวีพูดพึมพำ
คุณพ่อประสิทธิ์พยักหน้า “ผมก็ว่า”
“ไม่ปกติ นี่ไม่ปกติแน่ๆ ” การแสดงออกของคุณแม่ปารวีเคร่งขรึมขึ้นมา “เมื่อวานนี้ปาจรีย์ยังดูหดหู่อยู่ วันนี้จะเป็นเหมือนเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นได้ยังไงกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ ต้องมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างแน่”
เมื่อกี๊ตอนที่ปาจรีย์กลับมา ท่าทางที่ยิ้มทักทายพวกเขา ซึ่งแปลกมาก ทำให้สองสามีภรรยาทั้งคู่รู้สึกว่าผิดปกติ
หลังจากปาจรีย์อายุสิบกว่าขวบ ก็ไม่ทักทายพวกเขาเหมือนเด็กแล้ว
แต่วิธีที่ปาจรีย์เพิ่งทักทายเขาไปเมื่อกี้นี้ เหมือนกับตอนที่อายุสิบกว่าขวบ
นี่ไม่ได้บ่งชี้พิสูจน์แล้วว่ามีปัญหาแล้วเหรอ?
“ไปถามหน่อยไหม?” คุณพ่อประสิทธิ์แนะนำขึ้น
คุณแม่ปารวีพยักหน้า “ถามสิ ต้องถาม ถ้าไม่ทำให้ชัดเจนว่าเมื่อกี้ที่ออกไปเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ฉันไม่สบายใจแน่”
“งั้นคุณไปถาม” คุณพ่อประสิทธิ์บ่ายเบี่ยง
คุณแม่ปารวีกลอกตาใส่เขา “ไปก็ไป”
พูดจบ ขอยืมตะหลิวในมือให้เขา “ถือไว้ คุณไปคนหม้อ”
“ได้ รีบไปเถอะ” คุณพ่อประสิทธิ์รับตะหลิวมาแล้วเร่ง
คุณแม่ปารวีถอดผ้ากันเปื้อนบนตัวและโยนไปให้เขา หลังจากนั้นก็เดินไปที่ห้องของปาจรีย์
เมื่อถึงหน้าประตู คุณแม่ปารวีก็ยกมือขึ้น เตรียมที่จะเคาะประตู ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเพลงได้ออกมาจากห้อง
คุณแม่ปารวีตกใจ ปาจรีย์ร้องเพลง
ปาจรีย์กำลังร้องเพลงเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...