“ครับๆ ผมผิดเอง ผมผิดเองหมดเลย” นัทธีพยักหน้าและน้อมรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง
วารุณีทุบหน้าอกเขา “แน่นอนว่าคุณผิด”
นัทธีพยักหน้าอีกครั้ง “ครับ ผมผิด”
“พอแล้วน่า รีบอุ้มฉันเร็วเข้า” วารุณีไม่กล่าวโทษเขาแล้ว เธอผลักไหล่เขาแล้วโบกมือให้เขาอุ้มเธอไปที่ระเบียงเร็วๆ
นัทธีทำตามที่เธอพูด โน้มตัวลงช้อนเธอขึ้นมาแล้วเดินไปที่ระเบียง
ตรงระเบียงมีเก้าอี้แขวน สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้ดีมาก
นัทธีวางวารุณีไว้บนเก้าอี้แขวน แล้วห่มผ้าห่มให้เธออย่างรู้ใจ "แบบนี้จะหนาวไหม?"
วารุณีสั่นศีรษะ “ไม่หนาวค่ะ”
ตอนนี้ค่อยๆ อุ่นขึ้นมาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกระทำที่รู้ใจของเขา ดังนั้นเธอจะหนาวได้อย่างไร
“งั้นก็ดีแล้ว” ในเมื่อเธอบอกว่าไม่หนาว นัทธีจึงพยักหน้าอย่างวางใจ “คุณนั่งอยู่นี่ไปนะ ผมจะลงไปสั่งให้คนเตรียมขนมและผลไม้ขึ้นมา คุณจะได้กินไปดูไป วันนี้ข้างนอกแดดออกพอดี คุณอาบแดดตรงนี้ก็ได้ มันดีต่อร่างกายนะ”
นัทธีมองไปที่ระเบียงด้านนอกที่ที่มีทิศนียภาพสวยงามพลางกล่าว
วารุณีพยักหน้าพลางกล่าวตอบรับ “ได้ค่ะ ลำบากที่รักแล้ว”
นัทธีหัวเราะๆ “ผมเป็นสามีคุณนะ ลำบากตรงไหนกัน? อยู่ที่นี่รอผมนะ ผมจะรีบกลับมา”
กล่าวจบเขาก็จูบลงบนหน้าผากของเธอแล้วเดินออกไป
วารุณีจัดแจงท่านั่งและผ้าห่มบนตัว จากนั้นก็มองออกไปที่สนามหญ้า
ห้องของเธออยู่บนชั้นสาม เป็นชั้นบนสุดของบ้านพักตากอากาศ ระเบียงก็ใหญ่ที่สุดด้วยเช่นกัน วิวทิวทัศน์ก็ดีเป็นพิเศษ
มองดูก็สามารถมองเห็นทัศนียภาพข้างนอกได้
วารุณีมองไปรอบ ๆ และเห็นคนมากมายอยู่ในสนามหญ้า
นั่นก็คือลีน่ากับพี่นันทา แถมยังมีสุขใจกับบอดี้การ์ดสองสามคนที่คอยดูแลพวกเขา
ลีน่ากับพี่นันทา วางสุขใจไว้ในรถเข็น และข้างๆ เธอก็มีร่มกันแดดขนาดใหญ่
พอเห็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าสุขใจจะโดนแดดเผา ขณะเดียวกันก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของแสงแดด ซึ่งดีสำหรับเด็กน้อยที่ร่างกายอ่อนแออย่างสุขใจ
เมื่อเห็นวิวทิวทัศน์เช่นนี้ วารุณีวางมือบนศีรษะแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
อาจเป็นเพราะสายตาเธอจดจ่อมากเกินไป ดังนั้นคนในสนามหญ้าที่อยู่ไม่ไกลจึงสังเกตเห็น พวกเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นวารุณี จึงรีบลุกขึ้นจากสนามหญ้าทันที และโบกมือให้วารุณี "วารุณี ตื่นแล้วหรือ?"
ลีน่าตะโกนถาม
เนื่องจากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ห่างจากบ้านพักหลายสิบเมตร หากไม่ตะโกน คนอื่นๆ ในบ้านพักก็จะไม่ได้ยิน
ไม่สิ เสียงตะโกนของลีน่าดังเข้าไปในหูของวารุณี จริงๆ แล้วมันไม่ดังเกินไป
วารุณีเอามือป้องปากแล้วตอบกลับ “จ้ะ ตื่นแล้ว”
ลีน่าหยอกล้อ “เธอนี่หลับไปนานจริงๆ ดูท่าเมื่อคืนเธอกับประธานนัทธีคงทำสงครามได้ไม่เลวเลยละสินะ”
วารุณีหน้าแดงก่ำ
เธอรู้อยู่แล้วว่าเธอจะถูกล้อเลียน
“พอแล้วน่า เธออย่ามาพูดจาแบบนี้ต่อหน้าเด็กๆ สิ สอนสิ่งไม่ดีให้เด็กๆ แล้วเนี่ย” วารุณีตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ลีน่ายิ้ม “ไม่หรอกน่า สุขใจยังเด็กอยู่นี่นา”
“แบบนั้นก็ไม่ได้เหมือนกัน ระวังไว้นะ วันหลังฉันจะไม่ให้เธอเจอสุขใจแล้ว” วารุณีส่งเสียงฮึและแสร้งทำเป็นขู่
ต่อให้ลีน่าจะรู้ว่าเธอแค่ขู่ แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญ
ถึงอย่างไร นี่มันก็อยู่ที่ว่าวันหลังเธอยังจะได้เจอสุขใจหรือไม่
ตอนนี้สุขใจคือชีวิตของลีน่า ถ้าเธอไม่ได้เจอสุขใจ แล้วชีวิตของเธอจะยังมีความหมายอะไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลีน่าก็กลืนน้ำลายและรีบตอบในทันที “ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด วารุณี วันหลังฉันจะไม่ล้อเธออีกแล้ว”
“ฮึ เกือบไปแล้วนะ” วารุณียิ้มอย่างพอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...