แต่ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากที่ได้พบกับฉินหมิงแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
บางทีอาจเป็นเพราะมีฉินหมิงเป็นคู่หู ทำให้ช่วยบรรเทาความเหงาในใจของเธอได้
หรือบางทีเธออาจจะมองฉินหมิงเป็นเพื่อนสนิทเหมือนหานซี ต่อหน้าฉินหมิงเธอถอดหน้ากากจอมปลอมออกทั้งหมด และใช้ชีวิตอย่างสบายตามความเป็นจริง!
การปีนเขาเป็นเรื่องที่ใช้พลังงานมาก
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมารวมตัวกันตามบริเวณเชิงเขาอย่างคึกคัก ซึ่งความเป็นจริงไม่ค่อยมีคนเต็มใจที่จะไปปีนเขามากนัก
มีเพียงคู่รักหนุ่มสาวหรือกลุ่มวัยรุ่นสามถึงห้ากลุ่มกระจัดกระจายอยู่บนบันได ดูเปลี่ยวกว่าที่เชิงเขามาก
ฉินหมิงและหลินหว่านชิงทั้งสองคนกำลังพูดคุยและหัวเราะไปตลอดทางขึ้นไปบนเขา โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีเงาลับ ๆ ล่อ ๆ สี่คนด้านหลังตามมาอย่างเงียบ ๆ
ครึ่งทางขึ้นเขามีพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ มีศาลาหลายหลังที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในบริเวณจุดชมวิว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์
ที่นี่คือจุดแบ่งของการปีนเขา ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปมีความชันมาก ซึ่งไม่เอื้อต่อนักท่องเที่ยวทั่วไป
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะหยุดพักที่นี่ และนั่งในศาลาที่สามารถมองวิวภูเขาเบื้องล่างแบบไร้สิ่งกีดขวางได้
“หว่านชิง พวกเราจะปีนขึ้นไปต่อไหม? ”
ฉินหมิงถามขึ้น
“เอ่อ…ปีนต่อกันเถอะ ฉันได้ยินมาว่าบนยอดเขาอวิ๋นอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่น่าอัศจรรย์ด้วย ฉันอยากเห็นจังเลยว่ามันเป็นยังไง”
หลินหว่านชิงพูดอย่างลังเลเล็กน้อย
ที่มาของชื่อเสียงเขาอวิ๋นอู้ ก็คือเมฆและหมอกบนยอดเขาที่เชื่อมต่อกัน ทิวทัศน์ก็งดงาม เป็นสิ่งมหัศจรรย์บนอากาศที่หาได้ยากมาก
เพียงแต่ว่ายอดเขาอวิ๋นอู้นั้นสูงชันเกินไป ไม่เพียงแต่จะปีนขึ้นยากเท่านั้น แต่ก็ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกด้วย
ทางจุดชมวิวมักจะห้ามปีนขึ้นยอดเขา มีเฉพาะช่วงสิ้นปีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเท่านั้น ทางจุดชมวิวถึงจะจัดนักปีนเขามืออาชีพและไกด์นำเที่ยวแล้วใช้มาตรการการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อพานักท่องเที่ยวไปปีนเขาด้วยกัน
หลินหว่านชิงเคยได้ยินชื่อของเขาอวิ๋นอู้มาก่อน แต่เธอไม่รู้ว่าบนยอดเขาจะเปิดเฉพาะช่วงสิ้นปีเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่แนะนำให้ไปปีนเขาต่อ
แม้แต่เธอยังไม่รู้เรื่องนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับฉินหมิงซึ่งเป็นมือใหม่
“ในเมื่อคุณอยากขึ้นไปดู อย่างนั้นพวกเราไปต่อกันเถอะ”
ฉินหมิงพูดพร้อมยิ้มอย่างร่าเริง
ทั้งสองคนไม่ได้หยุดเดินแต่อย่างใด พวกเขาเดินขึ้นบันไดต่อ และไม่ทันได้สังเกตว่ามีป้ายเตือนหลังศาลาว่าห้ามไม่ให้ปีนขึ้นไปบนยอดเขา
ทั้งสองเดินไปได้สักพัก ในไม่ช้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากด้านหลัง
ในเวลานี้ แถบรอบ ๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ อยู่เลย ในที่สุดทั้งสองก็จับสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อมองย้อนกลับไป ก็เห็นชายหนุ่มสี่คนตามมาด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
ชายหนุ่มสี่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ที่จริงแล้วเป็นชายสี่คนที่สวมต่างหูขับรถคาดิลแลคอยู่ที่บริเวณนอกจุดชมวิวกลุ่มนั้น
“เป็นพวกเขา! ”
หลินหว่านชิงตกใจอย่างมาก เธอจำอีกฝ่ายขึ้นได้ในทันที
ฉินหมิงเองก็ตกใจ เขาคิดอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจในไม่ช้า อีกฝ่ายอาจจะติดตามเขามาตลอดทาง!
“ไอ้หนุ่ม นายคงคิดไม่ถึงสิว่าพวกเราจะได้เจอกันเร็วอีกแบบนี้! ”
“พวกเราตามหานายตั้งนาน ในที่สุดก็ตามพวกนายเจอแล้ว! ”
ชายสวมต่างหูยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ขยิบตาให้เพื่อน ๆ ของเขา ไม่ช้าพวกเขาหลายคนก็เร่งฝีเท้าตามไปทันที
ที่จริงแล้วตอนที่อยู่ที่เชิงเขา พวกเขาหลายคนได้เห็นฉินหมิงกับหลินหว่านชิงทั้งสองคนแล้ว แต่ตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวมากเกินไป พวกเขาไม่สะดวกที่จะลงมือ
ตอนนี้ฟ้าเป็นใจแล้ว ฉินหมิงและหลินหว่านชิงทั้งสองคนเริ่มที่จะไปยังสถานที่ที่ห่างไกลและไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ดังนั้นพวกเขายังต้องระวังอะไรอีก!
“แย่แล้ว! ”
“ฉินหมิง พวกเรารีบไปเถอะ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน