“แก้มของป้าหลี่แดงก่ำน่าจะเป็นเพราะวิธีการรักษา ชีวิตเธอตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าพระพรหมหน้าไหนก็เกรงว่าจะช่วยเธอไม่ได้!”
เถียนปั๋วส่ายหน้า สายตาที่เขามองที่ฉินหมิงก็เยาะหยัน
“อะไรนะ?”
สองพี่น้องเหมือนถูกฟ้าผ่า
หลังจากนั้นเฉินฮ่าวก็ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาของเขาลุกโชน
“คุณฉินเป็นเพราะคุณ คุณทำร้ายแม่ผม ผมจะสู้ตายกับคุณ!”
เฉินฮ่าวตะโกนด้วยความโกรธราวคลุ้มคลั่ง กำลังจะเตรียมชกหน้าฉินหมิง
ฉินหมิงที่ยังไม่ได้ตั้งหลัก จึงโดนต่อยเข้าเบ้าตาไปเต็ม ๆ
“พยาบาลเฝิง คุณรีบไปแจ้งผู้อำนวยการโดยเร็ว ให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับการช่วยชีวิตครั้งสุดท้ายของผู้ป่วย!”
“แล้วก็เรียกรปภ.หรือใครก็ได้มาที่นี่ แล้วจับคนนี้ ๆ ที่รักษาคนป่วยส่งเดชส่งให้ตำรวจจัดการ!”
เถียนปั๋วหันกลับมาและออกคำสั่งกับพยาบาลหญิงที่อยู่ข้างหลังเขา
นางพยาบาลเฝิงพยักหน้าและออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไม…”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”
เฉินถิงถิงทรุดลงข้างเตียง น้ำตาไหลเป็นสายน้ำ เธอร้องไห้จนไม่มีเสียงร้องออกมา
ฉินหมิงยกมือปิดตาด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดก็เขาโต้ตอบด้วยโทสะ “เฉินฮ่าวใจเย็น ๆ ก่อน ที่คุณป้าเป็นอย่างนี้เป็นเรื่องปกติ…”
จากประสบการณ์ของนายท่านหลิน ฉินหมิงตระหนักดีว่าสถานการณ์ของหลี่ฉินไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยก็ดีกว่านายท่านหลิน
“แม่ผมอ้วกออกมาเป็นเลือดขนาดนี้ยังปกติอีกหรือไง?”
“นี่คุณคิดว่าผมโง่เหรอ คุณคืนชีวิตแม่ผมมานะ…”
เฉินฮ่าวกัดฟันกรอด เขากำหมัดแล้วรีบตรงไปหาฉินหมิง
“เฉินฮ่าว หยุดนะ!”
ตอนนั้นเองเสียงของหลี่ฉินก็ดังขึ้น ดูเหมือนว่าเธอไม่อ่อนแรงเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
“แม่ แม่…ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
เฉินถิงถิงตกตะลึง น้ำตาที่หลั่งอยู่ก็หยุดกะทันหัน
“แม่ไม่เป็นไร”
หลี่ฉินส่ายหน้าและลุกขึ้นนั่งจากเตียง
“แม่คะ แม่…แม่นั่งได้แล้วเหรอครับ?”
เฉินห่าวตกใจมากจนดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
เมื่อก่อนร่างกายของหลี่ฉินนั้นอ่อนแอมาก แค่คิดอยากจะนั่งยังต้องเปลืองแรงอีกทั้งยังต้องมีคนช่วยพยุง
แต่ว่าตอนนี้หลี่ฉินลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ!
“อืม ตอนนี้แม่รู้สึกว่าทั้งร่างกายสบายขึ้นมาก!”
หลี่ฉินขยับแขนของเธอเล็กน้อย มีรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างประหลาดใจ “ถิงถิงลูก ดูเหมือนว่าร่างกายของแม่จะฟื้นฟูแล้ว ลูกช่วยพยุงแม่เดินสักก้าวสองก้าวหน่อยสิลูก”
“แม่คะ ระวังหน่อยนะคะ…”
เฉินถิงถิงช่วยพยุงให้หลี่ฉินลงมาจากเตียง จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ปล่อยแขนลูกสาว ไม่นานก็สามารถปรับตัวได้ หลี่ฉินเดินไปมาสองสามก้าวหน้าเตียง หากไม่นับว่าร่างกายของเธอยังอ่อนแออยู่เล็กน้อย อาการที่เหลือก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
เฉินถิงถิงและเฉินฮ่าวสองพี่น้องต่างตกตะลึง
เถียนปั๋วเองก็ตกตะลึง
แม้แต่ลุงผู้ป่วยที่อยู่บนเตียงสองคนก็ตะลึง!
พวกเขารู้อาการป่วยของหลี่ฉินดี ก่อนหน้านี้เธอลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำซึ่งก็แทบไม่แตกต่างอะไรกับคนที่เป็นอัมพาต
แต่ว่าตอนนี้แค่ฉินหมิงทำการฝังเข็มให้หลี่ฉินไม่เท่าไร ปรากฎว่าหลี่ฉินสามารถลุกจากเตียงและเดินได้อย่างอิสระ!
นี่เป็นทักษะการแพทย์อะไรกันนี่ เทพสุด ๆ ไปเลย!
เฉินถิงถิงและคนอื่น ๆ ต่างอ้าปากค้าง พวกเขาต่างตกตะลึงอย่างมากกับทักษะการแพทย์อันยอดเยี่ยมของฉินหมิง!
“แม่ดีขึ้นแล้ว อาการป่วยของแม่ดีขึ้นแล้วจริง ๆ ! “
“เลขาฉิน ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ช่วยรักษาป้าจนหาย…”
หลี่ฉินขอบคุณฉินหมิงด้วยความตื้นตัน
“เลขาฉิน ทักษะการแพทย์ของคุณเยี่ยมมาก ๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ต่อไปนี้บ้านของพวกเราเป็นหนี้บุญคุณ…”
เฉินถิงถิงตื่นเต้นมากจนเธอร้องไห้ด้วยความดีใจ และโค้งคำนับให้ฉินหมิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อขอบคุณเขา
ทางด้านเฉินฮ่าวก็รู้สึกประหม่าทำตัวไม่ถูก
เขาไม่คิดไม่ฝันว่าฉินหมิงจะรักษาแม่ของเขาให้หายได้!
สิ่งที่น่าขำคือตัวเขาดันสงสัยทักษะการแพทย์ของฉินหมิงมาตลอด ถึงขั้นใช้ความรุนแรงต่อฉินหมิงจนต่อยตาเขา!
ตอนนี้กลับพิสูจน์ได้แล้วว่าฉินหมิงนั้นถูก ใบหน้าของเขาจึงแดงก่ำและรู้สึกละอายใจมากจนไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับฉินหมิงอย่างไร
“เฉินฮ่าวมัวอึ้งอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษเลขาฉินอีก!”
หลี่ฉินตะโกนด้วยความโกรธ เธอได้เห็นที่ลูกชายของเธอตอบแทนบุญด้วยอย่างเนรคุณเมื่อครู่นี้ทำให้เธอโกรธมาก
“เลขาฉิน ผมขอโทษครับ…”
เฉินฮ่าวรู้สึกตัวและรีบโค้งคำนับขอโทษ
“ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด!”
“คุกเข่าขอโทษซะ!”
หลี่ฉินดุอย่างรุนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...