ฉินหมิงสูดหายใจลึก ๆ ที่นี่อุดมไปด้วยพลังวิญญาณมากกว่าในคฤหาสน์หลายเท่าและเหมาะสำหรับการฝึกฝนเพิ่มพลังอย่างที่คิดเอาไว้เมื่อเช้าเลย
หลังจากนั้นเขาก็เจอพื้นที่เปิดโล่งสะอาดสะอ้านจึงเริ่มนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วเริ่มการฝึกฝน
พลังวิญญาณในคฤหาสน์ช่างแสนเบาบาง เขาต้องใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อฝึกฝนเพิ่มพลังของทั้งสัปดาห์
พลังวิญญาณอันมหาศาลของที่นี่ทำให้ผลการฝึกฝนเพิ่มพลังเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม เขาฝึกฝนเพิ่มพลังของทั้งสัปดาห์เสร็จสิ้นในเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น
เมื่อเห็นว่ายังหัวค่ำอยู่ ฉินหมิงจึงจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเพิ่มพลังจนกระทั่งห้าหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ยามที่ท้องฟ้าสว่างแล้ว เขาถึงได้หยุดมือแล้วลุกขึ้น
"หลังจากการฝึกฝนเมื่อคืนนี้ พลังของฉันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นและพลังฝึกฝนของฉันก็อยู่ไม่ห่างจากระดับหลอมรวมปราณขั้นกลางแล้ว"
ฉินหมิงกำหมัดแน่นแล้วสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในร่างกาย จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาบ้าง
เขาเหลียวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นหินก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วใช้พลังวิญญาณในร่างชกหินก้อนใหญ่
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่นแล้วหินก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
"น่าทึ่งชะมัดเลย!"
ฉินหมิงสูดหายใจ เขาไม่คาดคิดว่าหลังจากการฝึกฝนเพียงแค่สองชั่วโมง เขาจะมีพลังพอที่จะชกหินให้แตกได้แล้ว
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักและตั้งหน้าตั้งตารอคอยหนทางการฝึกฝนเพิ่มพลังในภายภาคหน้าของตนเอง
เมื่อออกไปจากบริเวณหลังเขาแล้ว
ตรงเชิงเขาอันเป็นสวนสาธารณะที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหราครบครัน
ในยามนี้มีผู้คนมากมายกำลังออกกำลังกายอยู่ในสวนสาธารณะ อาทิเช่น ผู้สูงอายุที่กำลังรำไท้เก๊กและคนหนุ่มสาวที่กำลังวิ่งออกกำลังกาย ฯลฯ
ผู้ที่มาออกกำลังกายแต่เช้าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตหูหลงวิลล่า พวกเขาออกมากันแต่เช้าตรู่เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย
"อ๊ะ มีคนเป็นลม!"
ขณะที่ฉินหมิงเดินผ่านสวนสาธารณะ จู่ ๆ ก็มีร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นห่างออกไปไม่ไกล
ชายชราวัยเจ็ดสิบกว่าปีล้มลงกับพื้น สีหน้าซีดขาวพร้อมขมวดคิ้วและหายใจลำบาก ดูเหมือนว่าเขาจะหมดสติเพราะอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
คนที่อยู่ข้าง ๆ ชายชราเป็นชายหนุ่มที่มีอายุราว ๆ ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปี เขาย่อตัวลงกอดชายชราที่หมดสติเอาไว้แล้วร้องตะโกนด้วยความร้อนใจว่า "ปู่ครับ ปู่เป็นอะไรน่ะ? ตื่นสิครับ......"
"นายท่าน อย่าห่วงไปเลยครับ พวกเราเพิ่งจะโทรหาหมอหลิวไป อีกไม่นานเขาก็น่าจะมาถึงที่นี่..."
บอดี้การ์ดสวมสูทผูกไทด์ทั้งสองนายที่อยู่ข้างหลังเอ่ยปลอบเขา
"งั้นก็ดี"
หลังจากชายหนุ่มได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง
หมอหลิวเป็นหมอประจำตระกูลของเขาและเป็นหมอผู้มีชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิน เขามีฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
ขอเพียงหมอหลิวรีบมา คุณปู่ของเขาก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว
"ทุกคนหลีกทางหน่อยครับ!"
"ผมพอมีฝีมือการรักษาอยู่บ้าง ขอผมตรวจนายท่านผู้เฒ่าคนนี้หน่อยนะครับ"
ฉินหมิงตามเสียงมา จากนั้นก็เดินฝ่าฝูงชนที่ชมดูเหตุการณ์แล้วรีบสาวเท้าเข้ามา
"ยอดเยี่ยมไปเลย ขอบคุณครับ!"
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจมากจึงรีบส่งตัวชายชราในอ้อมแขนให้แก่ฉินหมิง
น้ำไกลย่อมไม่อาจดับไฟใกล้ได้ เขาไม่รู้ว่าหมอหลิวจะมาถึงเมื่อไร ในเมื่อมีหมอที่พร้อมตรวจรักษาอยู่ตรงหน้า ก็ย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด
ฉินหมิงจับชีพจรของชายชราแล้วก็เข้าใจอาการของชายชราได้อย่างรวดเร็ว
"น้องชาย อาการคุณปู่ของผมเป็นยังไงบ้าง? ร้ายแรงหรือเปล่า?"
ชายหนุ่มถามอย่างใจจดใจจ่อ
"นายท่านผู้เฒ่าคนนี้เป็นโรคหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤต!"
"แต่อาการไม่ร้ายแรงนักหรอกครับ ผมจะฝังเข็มให้สักสองสามเข็มให้เดี๋ยวก็หายดีเอง"
ฉินหมิงหยิบกล่องใส่เข็มเงินออกมาจากกระเป๋า
โรคเฉียบพลันแบบนี้ไม่ใช่โรคที่ยุ่งยากอะไรนัก เพียงแต่ว่าต้องรักษาให้ทันเวลา มิฉะนั้นทุกนาทีที่ล่าช้าไปก็อาจจะทำให้ชีวิตของผู้ป่วยตกอยู่ในอันตรายได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...