อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหนึ่งที่เขาสังเกตเห็น
“หว่าน…ประธานหลิน ส่วนแบ่งการขายนั้นโจวกรุ๊ปเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นรายชื่ออันดับที่หนึ่งเหรอ ทำไมบริษัทของเราถึงไม่เลือกร่วมมือกับพวกเขากันล่ะครับ? ”
ฉินหมิงถามด้วยความสับสน ในใจรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อโจวกรุ๊ปมาเล็กน้อย แต่เขาเองก็จำไม่ได้ว่าได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน
ทันทีที่ฉินหมิงพูดสิ่งนี้ ห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เงียบสงบลงอย่างน่าประประหลาด
ทุกคนต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนโง่อยู่
“เลขาฉิน ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยเตรียมงานใด ๆ มาก่อนเลย แม้แต้สามัญสำนึกพื้นฐานที่สุดคุณก็ยังไม่รู้เลย! ”
รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของตู้เซียว
“สามัญสำนึกพื้นฐานอะไร? ”
ฉินหมิงทั้งหัวแข็งทื่อ
“ฉินหมิง คุณเลิกทำขายหน้าได้แล้ว! ”
“ช่างเถอะ ฉันจะเป็นคนบอกคุณเองดีกว่า! ”
หานซีจ้องมองฉินหมิงอย่างหงุดหงิดใจพร้อมพูดขึ้นว่า“ช่องทางการขายเครื่องสำอางของโจวกรุ๊ปนั้น พวกเขาใช้เส้นทางสินค้าระดับไฮเอนด์และสินค้าฟุ่มเฟือย! ”
“เครื่องสำอางและสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติจำนวนมาก ทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับตัวแทนโจวกรุ๊ป ซึ่งตัวแทนทั้งหมดของโจวกรุ๊ปเป็นตัวแทนระดับภูมิภาคของทั้งเมืองเจียงรวมถึงเมืองโดยรอบอีกหลายแห่ง! ”
“เครื่องสำอางที่ผลิตโดยบริษัทของพวกเราเป็นเครื่องสำอางระดับกลางถึงสูง ในตอนแรกทางเราเริ่มที่จะติดต่อกับทางโจวกรุ๊ปเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะร่วมมือกับเรา! ”
“ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการร่วมมือกับพวกเขา แต่พวกเขาไม่ชอบบริษัทและแบรนด์สินค้าของพวกเรา และเราเองก็ไม่มีความสามารถในการแข่งขันมากพอ…”
“ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยัง! ”
หานซีพูดจบในคราวเดียว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลินหว่านชิงจัดการประชุมระดับสูงขนาดนี้ ถึงต้องพาฉินหมิงคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลยมาด้วยทำไม นี่ไม่ใช่การหาเรื่องทำให้ตัวเองขายหน้าหรืออย่างไร!
“ขอโทษด้วย…”
ฉินหมิงยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก เขาไม่คิดว่าตัวเองจะทำเรื่องตลกต่อหน้าผู้คน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะหาโพรงกระโดดเข้าไปเพื่อหลบ
“สมัยนี้ความไม่รู้ไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวก็คือความไม่รู้แถมยังโง่เขลาอีกต่างหาก! ”
ตู้เซียวยิ้มเยาะเย้ย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี
ทุกคนที่เหลือเองก็ส่ายหัวเช่นกัน พวกเขามองว่าฉินหมิงเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง
ตื้ด ตื้ด ตื้ด!
ในขณะนี้ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจู่ ๆ ก็ดังขึ้น เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องประชุม
“โทรศัพท์ของใคร…”
“ไม่ทราบหรือว่าระหว่างการประชุมต้องปิดเสียงโทรศัพท์หรือไม่ก็ปิดเครื่องไป…”
“กฏข้อสำคัญขนาดนี้ ช่างเสียมารยาทจริง ๆ …”
...
ทุกคนประหลาดใจอย่างมาก คุณมองฉัน ฉันมองคุณ สุดท้ายเมื่อตามแหล่งที่มาของเสียงแล้วนั้น ทุกคนต่างก็หันไปมองฉินหมิงทันที
“ของผมเหรอ? ”
ฉินตกตะลึงเล็กน้อย เขายืมโทรศัพท์ออกมาดู และพบว่ามันเป็นเสียงโทรศัพท์ของเขาจริง ๆ
โทรศัพท์เครื่องนี้หลินหว่านชิงเป็นคนมอบให้เขาไว้เมื่อสองวันก่อน เบอร์โทรศัพท์เองก็เป็นเบอร์ใหม่ มีคนไม่มากที่จะรู้เบอร์โทรศัพท์ของเขา เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีคนโทรมาหาเขากะทันหันอย่างนี้
“ผม…”
ฉินหมิงยิ่งทำตัวไม่ถูกมากขึ้น เขาเกิดความรู้สึกละอายใจอย่างมาก แม้แต่สบตากับหลินหว่านชิงเขาก็ยังไม่กล้าที่จะทำ
จากนั้นเขาคิดที่กำลังจะตัดสาย ทว่ากลับถูกหลินหว่านชิงห้ามไว้
“ถ้าหากมีธุระ ก็กรุณาออกไปรับสายข้างนอกได้ แต่ห้ามรับสายในห้องประชุมแห่งนี้! ”
หลินหว่านชิงคิดผิดว่าฉินหมิงต้องการจะรับโทรศัพท์ ใบหน้าของเธอนั้นก็แสดงสีหน้าไม่พอใจในทันที
เธอให้ฉินหมิงเข้าร่วมการประชุมระดับสูงครั้งนี้เป็นเพียงแค่ความคิดชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าฉินหมิงไม่มีความสามารถทางธุรกิจอะไรเลย และก็ไม่ได้คาดหวังว่าฉินหมิงจะสามารถเป็นประโยชน์อะไรให้กับเธอได้
แต่สิ่งที่เธอไม่เคยจินตนาการมาก่อนนั่นก็คือ ฉินหมิงไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเธอแล้ว กลับกันเขายังเพิ่มความวุ่นวายให้กับเธออีก ทั้งหมดนี่เกือบจะทำให้เธอเสียหน้าแล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะเสียใจขึ้นมาหากเธอรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อคืนเธอไม่ควรที่จะยินยอมให้ฉินหมิงมาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เลย
ใบหน้าและหูของฉินหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาไม่อยากขายหน้าอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบถือโทรศัพท์ออกไปจากห้องประชุมในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...