“เมื่อเยื่อผิวหนังบาง ๆ ทั่วร่างกายเธอลอกออก ก็จะเกิดรอยแผลเป็น แต่ถ้าเธอทาครีมผิวหยกบนแผลเป็นเหล่านั้น เธอก็จะหายดีเอง ไม่ต้องห่วงนะ” เซียวอี้พูดด้วยรอยยิ้ม
“อื้อ เซียวอี้ ขอบคุณนะ” อิงรั่วพยักหน้าอย่างแรง ความตื่นเต้นและซาบซึ้งบุญคุณที่มีต่อเซียวอี้ช่างมากมายเกินพรรณนา
เซียวอี้เพียงโบกมือ "เธอไม่รู้ตัวใช่มั้ยว่าเธอกำลังทำเหมือนฉันเป็นคนนอก? แต่เธอเองก็อยู่ในตระกูลเซียวต่อไปไม่ได้แล้ว"
พออิงรั่วได้ยินเช่นนี้ ความเกลียดชังก็ฉายชัดบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ในอดีตเธอเคยบ่นว่าเซียวน่านั้นหยิ่งยโสและเอาแต่ใจยิ่งนัก แต่ท้ายที่สุดเธอก็ถูกเลี้ยงดูในตระกูลเซียวตั้งแต่ยังเล็ก เธอจึงไม่เคยมีความคิดจะออกจากตระกูลเซียวแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามครั้งนี้เซียวน่าถึงกับแพร่เชื้อโรคร้ายให้เธอเพียงเพื่อความสะใจ เธอไม่อาจเผชิญหน้ากับเซียวน่า และตระกูลเซียวอย่างสงบเสงี่ยมได้อีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตามตระกูลเซียวเลี้ยงดูเธอมาหลายปี พวกเขาจะปล่อยให้เธอออกจากตระกูลง่าย ๆ โดยไม่เอ่ยอะไรสักคำได้อย่างไร? อิงรั่วรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดเสียแล้ว
เซียวอี้รับรู้ได้ว่าเธอกังวล เขาจึงยิ้ม และกล่าวว่า "อิงรั่ว เธอแค่ทำตามฉันก็พอ ฉันจะหาที่พักให้เธอเอง ส่วนเรื่องที่เธอกังวล ไม่ต้องห่วงนะ ฉันมีวิธีการของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลเซียวตามล่าเธอได้!"
ยามมองสีหน้ามั่นใจของเซียวอี้ อิงรั่วก็ไม่เคลือบแคลงใจอีก เธอพยักหน้าหงึก ๆ อย่างแรง
เซียวอี้จูงมืออิงรั่วเดินออกจากห้องผู้ป่วยพร้อมกับหลี่ฉิงซาน และหยูซือม่าน
ที่บริเวณทางเดิน เมื่อเซียวเทียนเซี่ยงและเหยาจิงเห็นอิงรั่วมีสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย พวกเขาก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
"อิงรั่ว แกออกมาทำไม?" เหยาจิงถามเสียงแหลม
“เซียวอี้รักษาหนูหายแล้ว หนูสามารถออกมาได้” ใบหน้าเรียวเล็กของอิงรั่วราบเรียบ นี่เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษที่เธอกล้าพูดจากระด้างกระเดื่องต่อเหยาจิง
ทว่าเหยาจิงไม่อยู่ในอารมณ์จะซักไซ้ไล่เลียงน้ำเสียงของอิงรั่วตอนนี้ เพราะสิ่งที่อิงรั่วพูดประดุจอัสนีบาตรุนแรงผ่าฟาดตอนกลางวันแสก ๆ ส่งผลให้เหยาจิงตะลึงงัน “ แกพูดว่าอะไรนะ? แก เซียวอี้รักษาแกหายแล้วเรอะ?”
อิงรั่วชำเลืองมองเหยาจิงอย่างห่างเหิน เธอไม่ตอบสิ่งใด ทว่าสายตาได้ตอบทุกอย่างแล้ว
"คุณหมอหลี่ นี่เรื่องจริงเหรอ? ไม่จริงหรอกใช่มั้ย?" หลังตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ เหยาจิงก็รีบหันหน้าถามหลี่ฉิงซานด้วยความไม่เชื่อถือ
หลี่ฉิงซานสะบัดมือเธอทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา "แน่นอนว่าเป็นความจริง หากเธอไม่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว โรงพยาบาลในเครือเราจะกล้าปล่อยผู้ป่วยติดเชื้อบ็อกซิกาออกมาจากห้องแยกผู้ป่วยโรคติดเชื้อได้อย่างไร?"
"หา?" เหยาจิง และเซียวเทียนเซี่ยงต่างตื่นตะลึงโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ทำใจเชื่อไม่ลงว่าเซียวอี้ ไอ้เด็กไร้ตัวตนจะสามารถรักษาโรคมะเร็งเนื้อเยื่อบ็อกซิกาหายจริง ๆ แต่วาจาหนักแน่นของหมอหลี่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ไม่สามารถหลอกกันได้แน่นอน
"คุณเหยา เกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้คุณเริ่มสำนึกเสียใจแล้วเหรอคะ?" หยูซือม่านเงยหน้ามองเหยาจิงด้วยแววตาดูแคลน
“ตลกสิ้นดี มีอะไรให้เสียใจกัน? ในเมื่อมันรักษาได้ คนอื่นก็รักษาได้เหมือนกัน มันคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน?” เหยาจิงกัดฟันกรอด สายตาจ้องหยูซือม่านอย่างกินเลือดกินเนื้อ เธอเพิ่งจะถูกเซียวอี้ตบหน้ามาหมาด ๆ ตอนนี้เธออยากจะฉีกทึ้งเซียวอี้เป็นชิ้น ๆ แล้วเธอจะหน้าหนาขอความช่วยเหลือจากมันได้อย่างไร?
เซียวอี้จ้องเธอ และสามีด้วยสายตาเย็นเยียบ เขาดึงมืออิงรั่วก้าวเดินต่อ
"อิงรั่ว แกจะไปไหนน่ะ?" เหยาจิงตะโกนถามด้วยความประหลาดใจ
"จากนี้ไปเธอจะไม่ปรากฏตัวในตระกูลเซียวอีกแล้ว" เซียวอี้กล่าวเสียงดังโดยไม่หันกลับมามอง
"นังอิงรั่ว แกกล้าดีอย่างไร? ฉันจะรอดูว่าแกจะมีปัญญาออกจากตระกูลเซียวจริง ๆ รึเปล่า ฉันจะทำให้แกอยู่ในเมืองไห่ไม่ได้ แกเชื่อมั้ยล่ะ?" เหยาจิงโกรธจนตัวสั่นระริก เธอชี้อิงรั่ว และกรีดร้องเสียงแหบแห้ง
"คุณเหยา คุณเอาเวลาไปใส่ใจอาการป่วยของลูกสาวคุณเถอะครับ!" หลี่ฉิงซานขัดด้วยเสียงเย็นเยียบ "ในเมื่อคุณไม่ประสงค์ให้หมอเซียวรักษาลูกคุณ โรงพยาบาลในเครือเราก็ไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือคุณแล้วเช่นกัน คุณทำเรื่องย้ายผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลโรคติดเชื้อเถอะ!"
“อะไรนะ? ลูกสาวฉันต้องเข้าโรงพยาบาลโรคติดเชื้อเหรอ? แม้แต่ครอบครัวก็ไปเยี่ยมเธอไม่ได้นะ! คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้!” เหยาจิงแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้ยินประโยคนี้
“เราทำดีที่สุดแล้ว แต่คุณไม่เห็นค่าของผู้เชี่ยวชาญเราเชิญมาเอง ผมไร้หนทางช่วยเหลือคุณแล้ว เหตุผลที่ผมต้องเชิญพวกคุณออกจากโรงพยาบาลก็เพื่อสวัสดิภาพของผู้ป่วยคนอื่น ๆ อย่างไรโรคมะเร็งเนื้อเยื่อบ็อกซิกาก็เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง และอาการป่วยของลูกสาวคุณก็ลุกลามรวดเร็วมาก ดังนั้นโรงพยาบาลของเราจึงไม่สามารถดูแลเธอต่อได้อีก หากคุณไม่ยินยอม ผมจะรายงานเรื่องนี้กับกรมสุขภาพของเมือง และใช้มาตรการกักตัวครับ" หลังเอ่ยจบ หลี่ฉิงซานก็เดินจากไปทันที
เซียวเทียนเซี่ยง และเหยาจิงได้แต่มองหน้ากันอย่างอ้ำอึ้ง
เมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญจากแผนกโรคเลือดเดินตามหลี่ฉิงซานมา เซียวเทียนเซี่ยงก็คว้าแขนเขาไว้ แล้วถามว่า "หมอ อิงรั่วหายแล้วจริง ๆ เหรอ?"
"ใช่ครับ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ของประวัติศาสตร์การแพทย์จริง ๆ! ไม่แปลกใจว่าทำไมหมอหลี่จึงอยากมอบรางวัลพิเศษของกรมสุขภาพแห่งชาติให้คุณเซียว!" ผู้เชี่ยวชาญจากแผนกโรคเลือดยังตื่นเต้นไม่หาย และกล่าวด้วยความตื่นเต้น เขาจ้องเซียวเทียนเซี่ยง และภรรยาของเขา ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า "ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคุณต้องทำให้หมอคนเดียวบนโลกที่รักษาโรคนี้หายต้องขุ่นเคืองใจด้วย? นี่เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ!"
"ไอ้เวรนั่น ผมไม่เชื่อหรอกว่านอกจากมัน ไอ้เซียวอี้ จะไม่มีใครรักษาอาการป่วยของลูกสาวผมได้อีก!" เซียวเทียนเซี่ยงสาปแช่งด้วยความเดือดดาล
“หึ รีบหาให้เจอเถอะครับ ถ้าคุณเจออีกคน ก็นับเป็นปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่แล้ว!” ผู้เชี่ยวชาญจากแผนกโรคเลือดส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ แล้วก้าวเดินต่อ
"ตึง!" เซียวเทียนเซียงชกกำแพงด้วยแรงโทสะ ก่อนจะเค้นคำด้วยความเกลียดชัง "เราจะพลิกแผ่นดินหาให้ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามีแต่ไอ้เซียวอี้เท่านั้นที่รักษาโรคนี้หาย"
สิ่งที่เซียวเทียนเซี่ยงไม่รู้ก็คือในโลกนี้ นอกจากเซียวอี้แล้ว ก็ไม่มีใครรักษาโรคมะเร็งเนื้อเยื่อบ็อกซิกาได้อีก
เซียวอี้พาอิงรั่วเดินออกมา เขาเขียนเทียบยายัดใส่มือของเธอ
จากนั้นเซียวอี้จึงดันร่างเธอไปหาหยูซือม่าน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ซือม่าน อาจารย์มีเรื่องวานให้เธอช่วยหน่อย!"
หยูซือม่านเม้มริมฝีปากแน่น เธอเกือบหลุดหัวเราะเสียงดัง เธอโค้งคำนับอย่างเกินจริง แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม "ศิษย์น้อมรับบัญชาของอาจารย์!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ
รออยู่ครับ...