“นี่ไม่ตรงกับความต้อนการของเจ้าหรอกหรือ?”
เจียงเว่ยหว่านเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ดวงตาหงส์ทอประกายแสงเย็นยะเยือกสุดขั้ว
“พระชายาเห็นหม่อมฉันเป็นเยี่ยงนี้ได้เช่นไร?”
หลี่เยียนเอ๋อร์ตาแดงก่ำ ทำหน้าขมขื่น น่าสงสาร “ท่านอ๋องเพคะ ท่านอย่าโกรธพระชายาเลยเพคะ นางแค่เป็นห่วงจนบุ่มบ่าม และโมโหจนพูดจาเหลวไหล ถึงได้พูดเรื่องหย่าเพคะ”
เป็นนางจิ้งจอกที่ร้ายกาจมาก
มองผิวเผินหลี่เยียนเอ๋อร์กำลังช่วยนางพูด แต่แท้จริงแล้วกำลังย้ำเตือนเซียวจิ้งเป่ยว่า ท่านอ๋องดูสิ พระชายาของท่านไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา คิดจะหย่ากับท่าน
เจียงเว่ยหว่านยกยิ้มแล้วเตือนหลี่เยียนเอ๋อร์อย่างไม่สะทกสะท้าน
“เวลาสองสามีภรรยาคุยกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าแทรก ถึงเจ้าจะเป็นภรรยาของเขาจริง แต่เจ้าก็เป็นเพียงอนุภรรยา ไสหัวออกไปซะ”
“ท่านอ๋อง...” หลี่เยียนเอ๋อร์เม้มปากทำหน้าเตรียมจะร้องไห้
เซียวจิ้งเป่ยไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าหล่อส่งสัญญาณว่าจะเกิดมรสุมฝนฟ้ากระหน่ำได้ตลอดเวลา
ไอ้ผู้หญิงสมควรตาย!
กล้าเสนอหย่าเชียวหรือ?
เซียวจิ้งเป่ยพยายามระงับความโกรธในใจ หรี่ตามองเจียงเว่ยหว่าน คนตรงหน้าคือคุณหนูแห่งจวนโจวที่ลือกระฉ่อนว่าปัญญาทึบและไร้การศึกษาหรือ?
เขาบอกไม่ถูกว่าไม่ชอบมาพากลตรงไหน นางขี้เหร่เหมือนข่าวลือไม่มีผิดเพี้ยน แต่ไม่ได้ปัญญาทึบ เมื่อมีโอกาสเจอหน้าเขาก็หาหนทางหย่ากับเขา
“เยียนเอ๋อร์เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า” เซียวจิ้งเป่ยระงับเพลิงโทสะในใจ ไม่สนใจเจียงเว่ยหว่านตรงหน้า กล่าวกับเลขานุการโจวที่ยืนอย่างมีสัมมาคารวะด้านข้างว่า “เลขานุการโจวไปจัดที่พักให้นางด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ” เลขานุการโจวโค้งคำนับแล้วพาหลี่เยียนเอ๋อร์ออกไป
ระหว่างที่เลขานุการโจวคุกเข่าอำลาก็แอบมอบเจียงเว่ยหว่านปราดหนึ่ง พระชายาผู้นี้ไม่กลัวตายหรือไร ถึงกล้าขอหย่ากับท่านอ๋อง นี่คือสัญญาณแจ้งเตือนก่อนพายุฝนจะเข้านะ
ข้ารับใช้ตามเลขานุการโจวออกไป เหลือเพียงเจียงเว่ยหว่านกับเซียวจิ้งเป่ยอยู่ในห้องโถง
บรรยากาศเงียบงันลง กระทั่งเข็มหล่นพื้นก็ยังได้ยิน เกิดความกระอักกระอ่วนตามมา
เซียวจิ้งเป่ยมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ ลูกกระเดือกอันทางเสน่ห์เคลื่อนไหว เขากลืนน้ำลายแล้วเอ่ยปากพูดว่า
“เจียงเว่ยหว่าน เจ้าคิดว่าจวนอ๋อง เจ้านึกอยากมาก็มา นึกอยากไปก็ไปหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงอันทรงพลังของเซียวจิ้งเป่ย หัวใจเจียงเว่ยหว่านก็เต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกเหงื่อกาฬผุดพรายแผ่นหลัง
นางพยายามให้ตัวเองใจเย็น เอ่ยหน้าเรียบเฉยว่า “แล้วท่านคิดจะทำอย่างไร?”
เซียวจิ้งเป่ยจับแขนเสื้อ ก่อนจะจ้องเจียงเว่ยหว่าน “เข้าประตูจวนอ๋องแล้วก็ทำตัวเป็นพระชายาฉินที่เชื่อฟังดีๆ อย่าคิดอะไรแผลงๆอีก”
เจียงเว่ยหว่านประสานสายตากับเซียวจิ้งเป่ย หรือเขาคิดว่านางเป็นสายลับที่ฮ่องเต้ส่งมา? นางยิ้มเย็นแล้วทักท้วง “ข้าไม่ได้คิดอะไรแผลงๆ วางใจได้ ข้าไม่ใช่สายลับ”
“ท่านอ๋องสงสัยในตัวเอง เช่นนั้นก็ลงนามในหนังสือหย่าเสียเถิด ต่างฝ่ายต่างจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก จะเป็นเรื่องน่ายินดีทั้งคู่”
ใบหน้าหล่อของเซียวจิ้งเป่ยมืดครึ้มประหนึ่งอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก
“หุบปาก”
น้ำเสียงเจือความโมโห ทว่าเขาได้พยายามยับยั้งแล้ว ดวงตาดุจดวงดาวจ้องหน้านาง
“ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ เป็นเรื่องประเสริฐ เจ้าจะทำตัวเป็นเด็กขายของได้เยี่ยงไร บอกจะหย่าก็หย่าได้หรือ?”
เขาพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“หากวันนี้ข้าหย่ากับเจ้า พรุ่งนี้ต้องเกิดข้อถกเถียงในท้องพระโรงแน่ โทษขัดพระราชโองการเช่นนี้ เจ้ารับไหวหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระราชทานสมรสบันดาลรัก
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะแอดมิน...