สรุปตอน Chapter 31 แสงสว่างในดวงตา – จากเรื่อง ภรรยาตาหวาน (คลั่งหื่น) โดย ลออจันทร์
ตอน Chapter 31 แสงสว่างในดวงตา ของนิยายนิยายสำหรับผู้ใหญ่เรื่องดัง ภรรยาตาหวาน (คลั่งหื่น) โดยนักเขียน ลออจันทร์ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
Chapter 31 แสงสว่างในดวงตา
มือหนาหยาบอย่างชายที่กรำอาวุธมาทั้งชีวิตค่อยๆ แกะผ้าสีขาวที่พันปิดดวงตาของภรรยาออกอย่างเบามือ ก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดเปลือกตาที่ปิดสนิท ความอุ่นทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอยิ้มออกมาน้อยๆ
“ไหนลองลืมตาสิว่า วันนี้ดวงตาของน้องหญิงดีขึ้นมากน้อยเพียงใด”
หญิงสาวค่อยๆ ปรือเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตาจนเบิกกว้าง
“ข้ามองเห็นเหมือนเป็นแสงสว่างเจ้าค่ะ แล้วก็เห็นเงาท่านพี่ชัดมากขึ้น เห็นสีเสื้อผ้าที่ท่านพี่สวมใส่รางๆ”
หลี่ซินเหมยบอกเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ ริมฝีปากแย้มยิ้มจนแก้มอิ่มฟูพองเป็นพวงจนผู้เป็นสามีอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัสแก้มนุ่มนิ่ม
“เรารักษาดวงตาของเจ้ามาได้เกินครึ่งทางแล้ว ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องปิดดวงตาด้วยผ้า สามารถลืมตาได้โดยปกติแต่ยังคงต้องหมั่นกินยาลูกกลอนทุกเช้าเย็นดังเดิม”
“ดีใจจังเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่กล้าคิดเลยว่าจะมีวันนี้”
หญิงสาวดีใจจนเสียงสั่น ยื่นมือไปจับแขนของสามีได้อย่างแม่นยำ ด้วยเห็นทุกอย่างแม้จะยังมัวเหมือนมีหมอกกั้นก็ตาม
“ต่อไปข้าจะได้เห็นดวงตาที่งดงามราวกับดวงดาวของเจ้าทุกเช้าค่ำ”
พูดพลางประคองใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ ก่อนจะบรรจงจูบลงบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ราวกับรับขวัญการกลับมามองเห็นแม้จะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่นี่ย่อมหมายถึงนิมิตหมายอันดี ร่างกายของนางตอบสนองต่อยาและขับพิษร้ายออกไปอย่างต่อเนื่อง
เดาได้เลยว่าอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ นางจะกลับมามองเห็นทุกอย่างเฉกเช่นคนปกติทั่วไป
“พรุ่งนี้เราจะได้ออกเดินทางกันเสียที”
“ดะ...เดินทางหรือเจ้าคะ”
ภรรยาตัวน้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล ‘เดินทาง’ คงหมายถึงการหลบหนีโทษประหารใช่หรือไม่ กระท่อมที่อยู่ตอนนี้คงไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
“ใช่แล้ว เดินทางไปยังแคว้นหู่เฉียง กลับจวนสกุลจาง”
ม้าฝีมือดี เกี้ยวลาก และทหารที่จะคุ้มกันการเดินทางเตรียมพร้อมสรรพไว้หมดแล้ว โดยทหารเหล่านั้นพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมในตลาดเพื่อรอจนกว่าร่างกายของภรรยาท่านแม่ทัพจะพร้อม จึงจะเร่งออกเดินทางในทันที
เพราะการเดินทางผ่านเทือกเขาฉิงลี่นั้นเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย โจร และปีศาจ ดังนั้นจึงต้องเตรียมการให้พร้อมสำหรับการพาหญิงสาวที่มีร่างกายอ่อนแอรอนแรมจนเหนื่อยล้า
“แคว้นหู่เฉียง จวนสกุลจางหรือเจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
หญิงสาวไม่อาจจับต้นชนปลายได้ นางเอียงศีรษะน้อยๆ ดวงตาของนางจ้องมองไปยังสามีฉายชัดว่าเต็มไปด้วยความสงสัย และนั่นทำให้จางจ้าวถางถึงกับมองภรรยาเพลิน
นางช่างน่ารักเหลือเกิน
ภรรยาของข้างามกว่าใคร
ได้ยินเช่นนั้นคนตัวเล็กก็ถึงกับร้องไห้โฮ เมื่อรู้ว่าสามีพ้นผิดไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป
“ดีเหลือเกินเจ้าค่ะ”
“เด็กน้อยเจ้านี่ช่างขี้แยเหลือเกิน”
เขายื่นปลายนิ้วไปเกลี่ยหยาดน้ำตาบนแก้มนุ่มให้อย่างเบามือ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งคลึงริมฝีปากอิ่มที่กำลังสะอื้นฮักด้วยความหลงใหล
“แล้วท่านพี่มีตำแหน่งใดในกองทัพเจ้าคะ ใช่ทหารสายสืบหรือไม่”
เมื่อคลายสะอื้นลงแล้วจึงเอ่ยถามสามีออกไปอย่างไม่ประสาด้วยไม่ค่อยรู้จักงานทางด้านทหาร เพราะแวดวงที่นางเติบโตขึ้นมาล้วนมีแต่พ่อค้าคหบดีซึ่งนับเป็นชาวบ้านทั่วไป อีกทั้งเมืองหนันหนิงก็ห่างไกลจากพระราชวัง เป็นเมืองเล็กๆ ที่เน้นการพึ่งพาตนเอง ปกครองโดยพ่อเมืองแม่เมืองสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น
“ข้าเป็นแม่ทัพภาค”
ซินเหมยนิ่งอึ้งราวกับถูกสาปให้แข็งเป็นหินผา ดวงตาของนางเบิกโพลง ริมฝีปากเล็กอ้าค้าง ตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าสามีของนางเป็นถึงแม่ทัพภาคหาใช่นายทหารทั่วไปอย่างที่นางเข้าใจมาโดยตลอด
“อื้อ...”
สติที่หลุดลอยกลับมาเมื่อนางถูกสามีประทับจูบแล้วแทรกลิ้นเข้ามาในเรียวปากที่อ้าค้าง หัวใจหวิวไหวเมื่อเขาบรรจงบดจูบเคลียเคล้าแล้วอุ้มนางให้ขึ้นมานั่งบนตัก มือหนาสากโลมไล้ไปตามแผ่นหลังและเอวคอดก่อนจะจัดการปลดเปลื้องเสื้อของนางออกอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาตาหวาน (คลั่งหื่น)