สรุปเนื้อหา บทที่61 Genting Sky – ผู้ชนะเลศคือราชา โดย ถังจิ่ว
บท บทที่61 Genting Sky ของ ผู้ชนะเลศคือราชา ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ถังจิ่ว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่61 Genting Sky
ความเด็ดขาดและความห้าวหาญของเฉินตง ทำให้หวางหนันหนันตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังปล่อยหมัดไปบนก้อนสำลีที่ไร้ความรู้สึก
เสียงวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วนพุ่งไปที่ตัวเธอ พร้อมกับแสงกดจากแฟลชที่แทบจะกลืนกินเธอ
ในตอนที่เธอได้สติกลับคืนมา กลับพบว่าเฉินตงหายตัวไปตั้งนานแล้ว
และประตูของศูนย์การค้าหลงถิงฮัวหยวนเองก็ได้เปิดทำการแล้วเช่นกัน
กลุ่มฝูงชนผู้ซื้อบ้านเข้าไปในศูนย์การค้าขาย ภาพเหตุการณ์ในตอนนี้มีบรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
และเธอยืนตระหง่านนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม
ราวกับเป็นตัวตลกที่ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย
…….
เมื่อขึ้นรถแท็กซี่ออกจากหลงถิงฮัวหยวน เฉินตงก็ตรงไปที่ Genting Sky
ท่าทางที่โลภมากของตระกูลหวาง ทำให้เขาคลื่นไส้
การปรากฏตัวของหวางหนันหนันในวันนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างยิ่ง
หัวใจของเขาที่มีต่อหวางหนันหนันได้เย็นชาไปหมดแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นที่หวางหนันหนันเอาเงินช่วยชีวิตก้อนสุดท้ายของแม่ไป
หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวท่านหลง ป่านนี้แม่ของเขาได้เข้าไปนอนเหยียดยาวอยู่ในโลงศพที่เย็นเยียบเรียบร้อยแล้ว
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่มีความนับถือต่อหวางหนันหนันและตระกูลหวางเลยแม้แต่น้อย!
สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา
แต่ถ้าคิดจะให้เขายังเก็บรักษาความรักความสัมพันธ์ที่มีต่อหวางหนันหนันและตระกูลหวางอยู่ล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!
เขาถูใบหน้าเพื่อเก็บกดความโกรธที่อยู่ในใจเอาไว้
เฉินตงมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วบิดนิ้วมือไปมา ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไมบางคนจึงมักจะชอบสูบบุหรี่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ในขณะที่ใจลอย ในหัวของเขาก็ปรากฏเงาของชิงหยิ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน
เขายิ้มนิดๆ บางทีนี้อาจจะเป็นแสงสว่างสุดท้ายในชีวิตรักของเขาตอนนี้
อย่างน้อยในยามที่เขาเหนื่อยล้า เธอเองก็รู้ว่าเขานั้นทำงานหนักและต้องการพักผ่อนอย่างมาก
และไม่ได้ปฏิบัติราวกับเขาเป็นทาสเหมือนกับหวางหนันหนันที่ชอบเรียกร้องจนเกินขีดจำกัด
“เธอไม่น่าจะชอบกลิ่นควัน”
เฉินตงส่ายหัวและมองไปข้างหน้า
มาถึง Genting Sky แล้ว
Genting Sky ตั้งอยู่ในตึกที่สูงที่สุดของเมือง ราวกับกำลังยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา มองเห็นทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก เป็นมูลค่าในการบริโภคที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และปิดประตูกั้นที่ไม่ให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนได้เข้ามา
แน่นอนว่า ถ้าได้รับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารบนปุยเมฆด้วยตนเองแล้วหล่ะก็ การเสียเงินหลักแสนก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองแต่อย่างใด
อย่างน้อยเฉินตงก็มีความคิดเช่นนี้
ขณะที่เขาขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้นบนสุดของ Genting Sky
เพลงเปียโนที่ไพเราะได้รุกล้ำเข้ามาในโสตประสาท การตกแต่งที่หรูหราและสง่างามทำให้สภาพแวดล้อมสวยงามอย่างไร้ที่ติ
หน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานรอบด้าน สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างชัดเจน
และ ชั้นเมฆลอยละล่องอยู่ภายนอกหน้าต่าง
เขาเดินตามพนักงานเสิรฟไปยังตำแหน่งของจุดชมวิวอันยอดเยี่ยมที่ได้กำหนดไว้ โดยมีกู้ชิงหยิ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
เพียงแต่ว่ากู้ชิงหยิ่งนั่งด้วยท่าทีที่ไม่สงบและเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“เสี่ยวหยิ่ง กลุ้มใจเรื่องอะไรเหรอ?” เฉินตงยิ้ม
กู้ชิงหยิ่งตกใจในทันใด แล้วเงยหน้ามองเฉินตงพร้อมกับพูดด้วยความประหลาดใจว่า : “ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดคุณก็มาแล้ว ฉันกลัวจริงๆว่าเธอจะทำอะไรกับคุณ”
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “ความสัมพันธ์ของเธอกับผมตัดขาดกันไปนานแล้ว เธอยังจะทำอะไรกับผมได้อีก?”
“ฉันกลัวว่าเธอที่อยู่ตรงนั้นจะสร้างความวุ่นวายที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของคุณและบริษัท” กู้ชิงหยิ่งไม่ปิดบังความกังวลใจของตนเองเลยแม้แต่น้อย
เฉินตงยกมือขึ้นขอเมนูกับพนักงานเพื่อให้กู้ชิงหยิ่งสั่งอาหาร
พร้อมกับยิ้มและนั่งลงในเวลาเดียวกัน : “วางใจเถอะ ผมแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว เป็นตัวเธอเองที่จะต้องอับอายขายหน้า ผมจะรั้งเธอไว้ได้อีกเหรอ?”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ
ดังนั้นเธอถึงได้รีบกลับมายังประเทศจีน เพราะต้องการจะใช้ความสามารถของตัวเองในการช่วยเหลือเฉินตงให้เสร็จสมบูรณ์
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงหายไป เปลี่ยนเป็นความเศร้าเล็กน้อย
จะจับมือของกู้ชิงหยิ่ง เธอก็ดึงกลับคืนมา
กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว : “ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก”
เฉินตงแค่นยิ้มออกมาแล้วอธิบายว่า : “อันที่จริงมีคนช่วยเหลือผม เขามอบเงินให้ผมเป็นจำนวนมาก ช่วยผมช่วยชีวิตคุณแม่ ช่วยให้ผมเซ็นสัญญากับไท่ติงในราคาสูงเสียดฟ้าและสามารถเข้าซื้อกิจการไท่ติ่งมาได้
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เฉินตงก็ถอนหายใจ : “มีเพียงแค่เรื่องนี้ ที่ผมยังไม่อยากบอกคุณเป็นการชั่วคราว เป็นเพราะว่าแม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่ได้ปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสถานะของตัวเองเลย ไว้ผมค่อยเล่าให้คุณฟังทีหลังนะ”
สำหรับพ่อที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนั้น เฉินตงไม่อยากจะที่จะพูดถึงเลย
ผู้ชายที่สามารถละทิ้งครอบครัวไปนานกว่ายี่สิบปี สามารถเรียกว่าพ่อและสามีได้เหรอ?
แต่เขายังคงมีความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่พ่อช่วยแม่ในช่วงเวลาวิกฤตครั้งนี้
เขาไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฉินกันแน่ นอกจากนี้เขายังสงสัยว่าพ่อเป็นคนส่งท่านหลงมาคอยสนับสนุนเขา สุดท้ายแล้วมันคือข้อตกลงซื้อขายใช่หรือเปล่า?
ตอนนี้ในใจของเขายังคงสับสนวนเวียนอยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการจะพูดกับกู้ชิงหยิ่งถึงเรื่องนี้
หลังจากฟังคำพูดของเฉินตงจบแล้ว กู้ชิงหยิ่งยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
แต่หลังจากเหลือบมองท่าทางการแสดงออกของเฉินตงแล้ว เธอก็พยักหน้า ไม่ซักไซ้ถามอะไรต่อไปอีก
เธอเคารพความเป็นส่วนตัวของเฉินตง
และรู้ด้วยว่า หลังจากอยู่กับเฉินตงแล้ว ก็จะสามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างช้าๆ
“ใช่แล้วล่ะ คุณไม่ได้บอกว่ามีเซอร์ไพรส์ให้ผมเหรอ?”
เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งอย่างคาดหวัง
ร่างบอบบางของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้าน ในดวงตามีความตื่นตระหนกเกิดขึ้นทันที
จากประสบการณ์การเซอร์ไพรส์มากมายที่เฉินตงมอบให้เธอ ทันใดนั้นเธอรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยว่า หลังจากเปิดเผยตัวตนกับเฉินตงแล้ว สำหรับเขาแล้ว สุดท้ายยังถือว่าเซอร์ไพรส์หรือเปล่า
ถ้าอย่างนั้น…จะบอก…หรือไม่บอก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้ชนะเลศคือราชา