บทที่ 7 ซื้อบริษัท
“มึงขำอะไร?”
หัวคิ้วของเจ้าหลี่ขมวดเข้าหากันแน่น พูดขึ้นอย่างโอหัง “ตอนแรกเรื่องนี้ต้องเป็นมึงที่เข้าไป กูช่วยเหลือมึง เกิดเรื่องขึ้น อย่าบอกนะว่ามึงอยากให้กูมาเป็นแพะให้กับมึง?”
ในคำพูดนั้น บอกชัดถึงจุดสูงต่ำดำขาวแล้ว
เฉินตงยักไหล่ ไฟโกรธปะทุ หัวเราะเย้ยหยันแล้วพูดขึ้น “ขอโทษด้วยครับ ความผิดครั้งนี้ ผมขอไม่แบก”
อะไร?!
ทันใดนั้นเจ้าหลี่ก็เบิกตากว้าง ไอ้หนุ่มคนนี้มันบ้าไปแล้วเหรอ?
แต่ก่อนวิธีการแบบนี้ เขาล้วนแต่รับปากในคำเดียวนี่!
เห็นว่าทัศนคติของเฉินตงเปลี่ยนไป เจ้าหลี่ก็วิตกเล็กน้อย การเซ็นต์สัญญาในรอบนี้มีราคาสูงกว่าราคาที่คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าตั้งสามสิบล้าน ราคาแบบนี้ มาทำการสร้างและปรับเปลี่ยนย่านสลัม ไม่ต้องพูดถึงทำเงินได้เลย จะต้องเสียเงินเยอะจนทำให้บริษัทล้มละลายได้ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ตอนบ่ายพี่เขยของเขาก็จะมาที่นี่เพื่อตรวจสอบ ถ้าเกิดว่าโดนรู้เข้าล่ะก็ มากพอที่จะทำให้พี่เขยเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไล่เขาออกจากบริษัทได้
สองสามปีมานี้เขาเคยชินกับการช่วยกินรอวันตายบนตำแหน่งของรองผู้จัดการ ถ้าเกิดว่าไม่หาแพะรับบาปตัวแทนล่วงหน้า ต่อไปหลังจากนี้เขาจะไปหางานที่ไม่ต้องทำอะไรเลยและยังสามารถมีความสัมพันธ์ลับกันผู้จัดการทั่วไปได้ที่ไหน?
แน่ชัดอยู่แล้ว เฉินตงที่เป็นรองผู้ช่วย เป็นตัวเลือกแพะรับบาปที่ดีที่สุด
สองสามปีมานี้ มีเรื่องเฉินตงเป็นคงแบกเอาไว้ มีความสำเร็จตัวเองก็เป็นคนรับ ก็ทำให้เจ้าหลี่เคยชินกับความคิดแบบนี้
แต่ว่าตอนนี้ ปฏิกิริยาของเฉินตง ทำให้เขานั้นนึกไม่ถึง
“เฉินตง มึงทำตัวแบบนี้คือยังไง? มึงแม่งยังอยากจะทำงานอยู่ไหม?”
เจ้าหลี่โมโหแล้ว ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ชี้ที่จมูกเฉินตงแล้วด่าขึ้น “สองสามปีมานี้กูดูแลมึง มีบุญคุณต่อมึง มึงได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ ล้วนแต่พึ่งพากูให้กูสรรหาคำพูดดีๆไปพูดต่อหน้าพี่เขยกู ไม่อย่างนั้นจากความสามารถของมึงตอนนี้ก็เป็นได้แค่ผู้จัดการในงานเล็กโปรเจกต์เล็กๆเท่านั้นแหละ!”
“เป็นคนก็ต้องมีจิตใจเมตตา ต้องรู้จัดทดแทนบุญคุณ มึงกลับมาเป็นคนเนรคุณตรงหน้ากูเหรอ?”
เฉินตงหัวเราะเสียงเย็นแล้วว่าขึ้น “คือการสรรหาคำพูดดีๆให้ตัวคุณเองหรือเปล่า? สองสามปีมานี้ คุณสนใจแค่เรื่องประจบสอพลอพี่เขยของคุณ เอาความดีเข้าตัว ครั้งไหนที่เกิดเรื่องขึ้น ไม่ใช่ผมหรือไงที่ช่วยเช็ดก้นตามหลังให้คุณด้วยความใจดี? ถ้าเกิดว่าต้องรู้จักทดแทนบุญคุณ อย่างนั้นคุณก็มาทดแทนบุญคุณให้ผมสักครั้งสิ!”
ปึง!
เจ้าหลี่ตบมือลงบนโต๊ะ เสียงของเขาดุดัน “วันนี้เรื่องๆนี้ยังไงมึงก็ต้องแบก ไม่แบกมึงก็ต้องแบก! แค่ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลของแม่ที่กำลังใกล้ตายของมึง มึงเองก็คิดดูเอาเองแล้วกัน ถ้าเกิดว่าไม่มีงานตำแหน่งรองผู้จัดการนี่ขึ้นมา มึงยังจะรั้งชีวิตของแม่มึงไว้ได้อีกไหม?”
คิ้วหนาของเฉินตงขมวดแน่น ความโกรธพุ่งทะยาน
ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนไปเป็นเมื่อก่อน คำพูดนี้ของเจ้าหลี่ก็เหมือนกับปลายมีดคม ที่แทงเข้าไปในหัวใจของเขา
เพื่อที่จะรักษาแม่ของเขา ที่จริงแล้วก็ยอมอดทนอดกลั้นแล้วเป็นแพะรับบาป
แต่ เวลาต่างกัน เรื่องก็ไม่เหมือนเดิม
เห็นว่าเฉินตงเงียบไป เจ้าหลี่นึกว่าเฉินตงใจฝ่อ ก็ดีใจขึ้นมาในทันที
เขาเปลี่ยนสีหน้าไป ราวกับว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่อย่างไรอย่างนั้น คําพูดที่จริงใจและมีน้ำหนักมีความรู้สึกรักใคร่ลึกซึ้ง “เฉินตง กูรู้ว่ามึงเป็นคนกตัญญู เรื่องนี้กูไม่ได้ให้มึงแบกฟรีๆ แสนนึง! ขอแค่มึงยินดี กูให้มึงแสนนึง เงินพวกนี้ มากพอที่จะรั้งชีวิตแม่มึงไว้ในโรงพยาบาลได้ต่ออีกช่วงหนึ่ง”
บุญคุณและอำนาจ เจ้าหลี่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
เพียงแค่เฉินตงต้องการที่ช่วยชีวิตมารดา เขาก็บังคับเฉินตงเอาไว้ได้
สำหรับเรื่องของเฉินตง เขานั้นตรวจสอบจนชัดเจนมาตั้งแต่ตอนต้นแล้ว มิฉะนั้นสองปีมานี้เขาก็ไม่มีทางที่จะชนะเฉินตงครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก
“คุณมานี่”
เฉินตงหรี่ตาและหัวเราะขึ้น “คุณช่วยผมขนาดนี้ ผมควรจะขอบคุณคุณ”
เจ้าหลี่ในใจมั่นใจมาก ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
แสนหนึ่ง กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงจะไม่เชื่อฟัง?
เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปตรงหน้าเฉินตงจิตใจสงบนิ่ง ยกมือขึ้นมาตบไหล่ของเฉินตง “ก็เป็นพี่ๆน้องๆกันทั้งนั้น กูเป็นถึงพี่ชาย ขอบคุณอะไรกันล่ะ ขอแค่มึง........”
พลั่ก!
ไม่ได้รอให้พูดจบ เฉินตงก็ปล่อยหมัดออกไปบนหน้าของเจ้าหลี่
เสียงร้อง “อ๊าก” ของเจ้าหลี่ กุมใบหน้าเอาไว้แล้วเซถอยไปทางด้านหลัง เลือดกำเดาไหลออกมาจากซอกนิ้ว
เขาคำรามออกมาด้วยความตื่นตระหนก “เฉินตง มึงแม่งเป็นบ้าอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้ชนะเลศคือราชา