เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 103

บทที่ 103 เกิดใหม่เมื่อสิ้นหวัง

สวี่ชิงไม่มีนิสัยฟังคำสั่งเสียของคนอื่น และไม่มีความคิดที่จะรับทาส ใจคนยากคาดเดา เทียบกับอนาคตที่ต้องมากังวลว่าจะถูกแว้งกัด มิสู้ตัดสินใจเด็ดขาดจัดการให้เรียบร้อย

สำหรับศัตรู เขามีเพียงความคิดเดียวมาตลอด…ศัตรูที่ตายไปแล้วปลอดภัยที่สุด

และยิ่งฆ่าได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น

โดยเฉพาะตอนนี้เขาอยู่ในทุ่งสีชาดที่ไม่คุ้นเคย แม้จะดักซุ่มมาหนึ่งเดือนแล้ว สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงรู้ว่าที่นี่ยากจนค้นแค้นมากๆ รวมกับความเลวร้ายของสภาพแวดล้อม ดังนั้นต่อให้เป็นลัทธินอกวิถีเอง ก็มาหาสาวกเพิ่มที่นี่แค่บางครั้งเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน ฐานที่มั่นคนเก็บกวาดในละแวกรอบๆ ก็อยู่ห่างออกไปร้อยลี้ นี่ทำให้การต่อสู้ของสวี่ชิงกับสำนักวัชระถูกกลบไปในลมหิมะได้มิดในระดับสูงสุด คงไม่มีใครมาเห็น

อีกทั้งตลอดทางมานี้ยังใช้รูปร่างหน้าตาที่แปลงมาจากของวิเศษอักขระตลอดทาง ส่วนเรือเวทของเขาก็เปิดรูปแบบปลอมแปลงในสำนักมาโดยตลอด ดังนั้นคนที่เห็นเรือเวทที่แท้จริงของเขามีแค่จางซานเท่านั้น

ทุกอย่างฃนี้เป็นขีดจำกัดสูงสุดที่สวี่ชิงทำได้ในเวลาสั้นๆ แล้ว แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ ยังมีจุดบกพร่อง แต่สวี่ชิงก็รู้ว่า เหตุที่การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นก็เพราะบรรพจารย์สำนักวัชระคำนวณเวลาที่ตนจะบุกสังหารมาผิดพลาด

และประเมินความเร็วในการเติบโตของตนต่ำไป

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ อีกฝ่ายไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีทางคาดเดาว่าตนจะมีการโจมตีคุณสมบัติเทพที่เป็นภัยคุกคามอย่างแสนสาหัสสำหรับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานได้!

ในเมื่อสิ่งมีชีวิตประเภทเทพเดิมก็มีน้อยมากอยู่แล้ว ราคาแพงระยับ และเพื่อสร้างเรือลำนี้ สวี่ชิงไม่ใช่แค่ใช้คราบกิ้งก่าคุณสมบัติเทพเท่านั้น แต่ยิ่งใช้หินวิญญาณถึงหลายหมื่นก้อน

เตรียมการขนาดนี้จะไม่ราบรื่นได้อย่างไร!

ตอนนี้ลมหิมะพัดกรีดหวีดหวิว ความหนาวเหน็บพัดกวาดไปทั่วทุกหนแห่ง

พลังคุณสมบัติเทพที่มาจากเรือเวทก็หลอมรวมกันถึงขีดสูงสุดในเสี้ยวเวลานี้แล้ว หอกแหลมที่อยู่ข้างหน้าสุดของเรือเวทก็สาดแสงเจิดจ้าแสบตาวูบวาบตามมือขวาที่กดลงมาของสวี่ชิง เอ่อล้นไปด้วยแสงสีทอง

จากพื้นดินมองขึ้นไปบนฟ้า จะเห็นปุยหิมะหนาแม้จะเหมือนฝาครอบครอบปลายขอบฟ้า แต่ก็ไม่อาจปกปิดความศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงอยู่ในแสงสีทองนี้ได้

ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเหมือนสามารถสะกดวิญญาณ สะกดสรรพชีวิตทั้งหลาย ทำให้ใจของบรรพจารย์สำนักวัชระเต้นดังโครมคราม ความหวาดกลัวในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุจริงหลอมเข้าไปในใจกลายเป็นหมอกคลุมเครือ ปกคลุมไปทั่วทุกส่วนของร่างกายและจิตใจเขา

เห็นว่าการโจมตีคุณสมบัติเทพจะระเบิดออกมาแล้ว เห็นว่าตัวเองจะแหลกสลายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณแตกดับไปในโลกนี้ เห็นว่าสวี่ชิงไม่ให้โอกาสตัวเองพูดแม้แต่น้อย แววตาบรรพจารย์สำนักวัชระก็ฉายความเด็ดเดี่ยว พลันคำรามเสียงดัง ทำเรื่องที่สวี่ชิงคิดไม่ถึงออกมา

เขากลับ…ชิงลงมือกับตัวเองก่อนที่การโจมตีคุณสมบัติเทพของสวี่ชิงจะปะทุระเบิดออกมา!

เสี้ยวพริบตาต่อมา มือขวาของบรรพจารย์สำนักวัชระยกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วซัดไปยังหน้าผากของตัวเองต่อหน้าสวี่ชิง

เสียงดังบึ้ม จากการระเบิดของพลังบำเพ็ญระดับสร้างฐานของเขา อีกทั้งเหมือนกลัวว่าฝ่ามือนี้จะซัดตัวเองไม่ตาย มือซ้ายก็หยิบเอาดาบเล่มหนึ่งออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หัวใจของตัวเองทันทีในเวลาเดียวกัน

ลงมือเต็มกำลังทำให้ดาบที่แทงเข้าหัวใจแหลกละเอียดแตกสลาย

เศษคมนับไม่ถ้วนระเบิดบ้าคลั่งนอกกายของเขาพร้อมด้วยพลังเวทระดับสร้างฐาน

ส่วนศีรษะก็แหลกละเอียดไปในเสี้ยวขณะนี้ แตกสลายไปในทันทีตั้งแต่ส่วนคอขึ้นไปไม่มีอะไรเหลือ

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วเสี้ยวพริบตา ชั่วขณะต่อไป ศพของบรรพจารย์สำนักวัชระที่ไม่มีหัวทั้งร่างกายครึ่งหนึ่งที่แหว่งวิ่นก็ร่วงจากท้องฟ้าลงมาทันที…

สวี่ชิงดวงตาเบิกกว้าง อึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง

“ต่างเผ่าหรือ แกล้งตายอย่างนั้นหรือ”

เขามองศพที่ร่วงลงพื้น สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่หมดสิ้นไปแล้วบนร่างของบรรพจารย์สำนักวัชระและสภาพแหว่งวิ่นนั่นไม่มีพลังชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น

สวี่ชิงไม่เคยเห็นต่างเผ่าหลังจากที่ตายแล้ว อีกทั้งร่างยังเหลือแค่ครึ่งเดียวจะยังแกล้งตายได้

อีกทั้งสิ่งที่เขาสัมผัสได้จากอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ต่างเผ่า

นี่ทำให้สวี่ชิงลังเลเวลาที่ฆ่าคนเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่ายังต้องเปลืองคุณสมบัติเทพที่มีจำกัดอีกทั้งล้ำค่าไปยิงศพศพนั้นต่อดีหรือไม่…

ต่อให้เขาเห็นการฆ่าสังหารมามากมายตั้งแต่เด็กๆ แต่การกระทำที่เห็นข้างหน้านี้ ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เจอในชีวิต ทำให้การโจมตีคุณสมบัติเทพของเรือเวทในตอนนี้ส่ายไปเล็กน้อย แต่ก็ถูกเขาควบคุมเอาไว้ได้

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็ยังสะบัดมือ หยดฝนปรากฏขึ้น แล้วพุ่งไปที่ซากร่างของบรรพจารย์สำนักวัชระ เพียงพริบตาก็พุ่งไปแทงซ้ำอีกครั้ง

ซากร่างบรรพจารย์สำนักวัชระแหลกเละไปอีกครั้งท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กระจัดกระจายไปทั่วพื้น

และในตอนนี้เอง บนซากร่างที่ร่วงลงพื้นมีเงาวิญญาณมายากลุ่มหนึ่งมุดออกมาจากในนั้น เงาวิญญาณไม่ได้ชัดมาก ตัวสั่นงันงกอยู่ในลมหิมะคล้ายว่าจะดับสลายไปได้ทุกเมื่อ

และเมื่อดูให้ละเอียดแล้ว ต่อให้มันรางเลือนมาก แต่ก็ยังพอเห็นเป็นรูปร่างหน้าตาของบรรพจารย์สำนักวัชระอยู่เลาๆ เพียงแต่เงาวิญญาณดวงนี้ไม่มีลักษณะอย่างวิญญาณที่ตายไปแล้ว กลับให้ความรู้สึกเหมือนมีพลังชีวิตอยู่นิดๆ

นี่ขัดแย้งมาก ทั้งๆ ที่รางเลือน แต่ในความรู้สึกของสวี่ชิงพลังชีวิตกลับชัดเจนมาก

สวี่ชิงจ้องตาเขม็ง ในเสี้ยวพริบตาที่จิตสังหารปรากฏในดวงตาอีกครั้ง เงาวิญญาณของบรรพจารย์สำนักวัชระก็ไหววูบรุนแรง เร็วสุดฤทธิ์ พุ่งตรงไปยัง…เหล็กแหลมสีดำที่ร่วงอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่ไกล

ทันใดนั้นเขาก็เหมือนพุ่งทะลุมิติ มาปรากฏอยู่ข้างเหล็กแหลม สีหน้าแฝงด้วยความร้อนรน เหมือนวิ่งแข่งกับชีวิต มุดเข้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวว่าหากตัวเองยังไม่ได้เข้าไปใกล้ก็จะถูกสวี่ชิงจัดการเสียก่อน

เพียงพริบตา เงาวิญญาณของเขาก็ผสานไปในเหล็กแหลมโดยสมบูรณ์ และในเสี้ยวขณะนี้เหล็กแหลมสีดำก็สั่นสะเทือนรุนแรง ประกายสีดำบนนั้นยิ่งเข้มข้นขึ้น ความหนาวยะเยือกที่รุนแรงกว่าเดิมปะทุออกมาจากในเหล็กแหลม

กระทั่งว่ามีแสงไหลวนสาดประกายออกมาเป็นระลอกรางๆ เหมือนเปลี่ยนจากของธรรมดาเป็นของวิเศษ!!

สวี่ชิงที่สู้มาจนถึงตอนนี้ก็อึ้งเป็นครั้งที่สองแล้ว

หลังจากที่เขาฝากตัวเป็นศิษย์เข้าสำนัก ก็ไม่ได้เหมือนกับตอนแรกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญอีกแล้ว ตอนนี้เขามองเหล็กแหลมสีดำของตัวเอง ลมหายใจถี่กระชั้นเล็กน้อย เขาแค่มองก็มองออกว่าการเปลี่ยนแปลงของเหล็กแหลมคืออะไร

“มีวิญญาณศัสตรา”

บทที่ 103 เกิดใหม่เมื่อสิ้นหวัง 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา